Jpg และTiff กับการอัดภาพ
vodca8แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องดี และมีประโยชน์ เพราะเราเองสงสัยมานานแล้ว
ถ้าใครรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่ต้องอ่านก็ได้จ้า แต่เชื่อว่า ยังมีคนไม่รู้เรื่องนี้อีกมาก
ก็เลยขออนุญาตเจ้าของบทความ ว่าจะเอามาโพสที่นี่
เจ้าของบทความท่านอนุญาตมาแล้วจ้ะ
*********************************************************************************
จากความรู้ เกี่ยวกับงานพิมพ์ทั่วๆไป ที่เรามักจะได้ยินได้ฟัง
คือเรื่องของการใช้ File ที่มีนามสกุลว่า Tiff ว่า มีข้อดีอย่างนั้นอย่างนี้
มันไม่สูญเสียรายละเอียด ซึโก๊ย จ๊าบสุดๆ
มืออาชีพเค้าใช้งานในการพิมพ์งานระดับโปรกัน
.
แต่กับเราๆ ที่ไม่ใช่มืออาชีพละ ???
เราๆ ที่เดินเข้าร้านอัดรูปแถวบ้าน
หรือแม้แต่มืออาชีพ ที่ยังพึ่งพาร้านอัดรูปอยู่
.
วันแม่ที่ผ่านมา ได้กลับไปบ้านครับ (บ้านผมเป็นร้านอัดรูป)
เลยได้ทดลอง หยิบกล้อง 450D + Kit ของพ่อมา หาของที่บ้านมาถ่ายรูป
เพื่อลองให้เห็นจริงกันไป
ผมถ่ายภาพที่คาดผมที่มีพลาสติกใสหลายๆสี และ ปากกาเน้นข้อความสีเขียว
เป็น RAW จากนั้นปรับแต่งความสว่างเล็กน้อย ใน LR เหมือนขั้นตอนปกติที่เราๆ ทำรูปกัน
Export ออกมา เป็น 3ไฟล์ ประกอบด้วย ขนาด 4×6 นิ้ว ที่ 300dpi (1200×1800 pixles )
.
1. Jpg Quality 100/100
2. Tiff 8bit
3. Tiff 16bit
เข้า PS พิมพ์ ชื่อที่มุมนิดหน่อย กันหลง Save กลับที่คุณภาพสูงสุดที่ทำได้
แล้ว นำภาพที่ได้ไปอัดเป็น 4×6 ในเครื่อง ฟูจิ ฟอนเทียร์ โดยไม่ปรับแต่งเลย
.
ผลครั้งแรก คือ ด้วยโปรแกรมของเครื่อง ฟอนเทียร์เอง ไฟล์ Tiff 16bit ไม่สามารถพิมพ์ออกมาได้
จึงแทบจะสรุปได้ว่า “การใช้ไฟล์ 16bit” ไม่สามารถทำได้
เนื่องจากโปรแกรมของ เครื่องฟอนเทียร์เอง ไม่ซัพพอร์ตไฟล์ 16bit
.
แต่ ลูกน้องบ้านผม “ทำได้!!”
.
โดยสั่งพิมพ์ทั้ง 3ภาพผ่าน PS ฉลุย
ซึ่งกรณีปกติ คงไม่มีร้านไหนมานั่งเปิด PS เพื่อพิมพ์รูป 4×6 ให้คุณ
ผลของภาพที่ได้
มองด้วยตาเปล่า ในระยะใกล้ “ไม่มีความแตกต่างเลย”
ส่วนที่คาดว่า จะเสียรายละเอียด คือปลอกปากกาสีเขียวสะท้อนแสง ก็สูญเสียรายละเอียดเหมือนกัน
ส่วนพลาสติก สี แดง น้ำเงิน ก็แสดง รายละเอียดได้เท่ากัน
ส่วนพลาสติก สี ขาวใส ก็มีรอยด่าง highlight เท่ากัน เป๊ะๆ
.
ทดลอง Scan ภาพกลับมาที่ความละเอียด 300dpi
แล้ว Crop 100% ในแต่ละส่วนมาให้ดูครับ จะเห็นว่า แทบไม่มีความแตกต่างกันเลย
(นอกจากฝุ่นใน เครื่องแสกนเนอร์ ของผม 55)
สรุป
เทคโนโลยีการอัดภาพ บนกระดาษ Silver Base ด้วยแสง Laser
ทำการไล่สีได้แค่ 8bit ครับ และทำงานบน sRGB
ผลคือ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เราต้องพยายามส่ง
Raw ไฟล์ หรือ Tiff ไฟล์ ที่มี bit-depth สูงไปอัดภาพ ตามร้านอัดรูปทั่วไป
ปกติ ไฟล์ bit-depth สูงมีประโยชน์ เมื่อเราต้องการ “ปรับแต่ง”
หรือ Convert ภาพโดยไม่สูญเสียรายละเอียด
(เช่น เปลี่ยนจาก RGB เป็น CMYK ในงานโรงพิมพ์)
.
เรื่อง ชนิดของไฟล์ Tiff และ Jpeg ที่ต่างกัน ในแง่ว่าไฟล์ jpeg โดนบีบอัดนั้น
หากเราเอาสองไฟล์มา เปิด เทียบกัน โดยไฟล์ jpeg แบบ Quality 100
ดูในจอ Zoom 200% ก็จะเห็นครับว่า เทียบกันจุดต่อจุด ด้วยสายตา สี แทบไม่แตกต่างกันเลย
มีแค่บางจุดที่เห็นรอยด่างเล็กๆ เห็นผล เมื่อเอา Eye droper มาจิ้มดูค่าสี ซึ่งจะแตกต่างกันเล็กน้อย
.
ซึ่งความแตกต่างเล็กน้อยนั้น “น้อยมาก”จน ตาแยกไม่ออก บนภาพที่ความละเอียดสูงถึง 300dpi
ยิ่งเมื่อภาพ ออกมาเป็นกระดาษ แล้ว ยิ่งมองไม่เห็น
.
แต่หากเทียบประโยชน์ จากขนาดไฟล์ ที่เล็กลง 6เท่าแล้ว มีข้อดีมหาศาล
อย่างน้อยที่สุด ก็ส่งเมล์ หรืออัพโหลดผ่านอินเตอร์เน็ต เพื่ออัดภาพคุณภาพสูงได้
.
อย่าลืมครับว่า เราอัดรูป เพื่อให้ มนุษย์ดู เพื่อเสพศิลปะ เพื่อเป็นความทรงจำ
ไม่มีใครยื่นแว่นขยายให้คุณ แล้วบอก “ดูรูปนี้ซิสวยไหม” และ
เราไม่ได้อัดรูปให้ Colorimeter (เครื่องตรวจคลื่นสีของแสง) ดู
.
สวัสดี
http://halfbottle.net/wp/computer/jpg-tiff-lap-printing/
Discussion (8)
แล้วกล้องซื้อมาใหม่มี RAW อีก จะซื้อมาทำไมฟร่ะเนี้ย แต่งภาพก็ไม่เก่ง
เปลืองได้อีก - -*
เดี๋ยวนี้เค้าใช้ jpg ก็พอละเนอะ
เวลาส่งรูป sample ให้ลูกค้าก็ jpeg ตลอดหละ
แถมยังต้องทำเป็น low-res ให้อีกต่างหาก เพราะ hi-res com ไม่แรงนี้จะพาเดี้ยงเอาง่ายๆ
ใครช่วยสรุปให้หน่อยได้ไหม
........
หมายความว่า save เป็น นามสกุลอะไร คุณภาพของรูปก็ไม่ต่างกัน
แต่ .jpg จะมี size เล็กกว่า
........
อย่างนี้ถูกไหม