++ เมื่อฉันมีอาการของโรค กระเพาะปัสสาวะอักเสบ !?!! ++

1 27
สดๆร้อนๆเมื่อวานเลยค่ะ คือเราไปบ้านเพื่อนแฟนกับแฟนของเราค่ะ (เค้าไปสังสรรค์กัน)
เสร็จแล้วสักพักเราก็รู้สึกปวดปัสสาวะ เราก็เลยไปเข้าห้องน้ำ ...
ปรากฏว่า พี่น้องคะ !! พอปัสสาวะเสร็จแล้ว รู้สึกปวดตรงนั้นมากเลย
แล้วพอก้มลงมองไปที่โถเท่านั้นแหละค่ะ ... อื้อหือออ เลือดนี่หว่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
....... ตกใจมาก ช็อค อึ้งไป 10 วินาที ... เอิ่ม ตอนแรกทำไรไม่ถูกเลยค่ะ

( คือมันจะมีอาการประมาณ เมื่อปัสสาวะเสร็จ จะรู้สึกปวดในท่อปัสสาวะอ่ะคะ่ ปวดแบบแสบๆ
แล้วก็จะรู้สึกอยากจะปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา  ถึงแม้ว่าจะเพิ่งไปเข้าห้องน้ำมาก็ตาม )

เลยไม่รอช้าค่ะ เดินไปบอกแฟน ว่าเราไม่ไหวแล้ว ปวดมาก นั่งก็ปวด เดินก็ปวด พาเราไปซื้อยาที
แฟนเราก็รีบกุลีกุจอ ขับรถพาออกไปร้านขายยาทันที ... แต่ตอนขับรถออกมา ดันไปป๊ะกับศูนย์การแพทย์เข้าค่ะ
แฟนเลยบอก งั้นไปหาหมอให้หมอตรวจเลยดีกว่า (คือเค้ากลัวเภสัชฯไม่รู้จริง แล้วให้ยามั่ว มันจะไม่หายเอาน่ะค่ะ)

เราก็เลยไปหาหมอ นั่งตรวจอยู่แปปนึง เล่าอาการให้คุณหมอเค้าฟัง
คุณหมอก็บอกว่า โรคนี้คือโรค "กระเพาะปัสสาวะอักเสบ" นะครับ
แต่ยังถือว่าโชคดีที่คุณอยู่ในขั้นที่ไม่อันตราย เพราะรู้สึกปวดแสบแค่ท่อปัสสาวะเท่านั้น ยังไม่ลามไปถึงท้องน้อย



สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ มี4ปัจจัยหลักๆ คือ
1. ชอบอั้นปัสสาวะ
2. ดื่มน้ำน้อย
3. ติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ ( ข้อนี้คุณหมอบอกว่า ไม่ใช่ติดเพราะแฟนไม่สะอาดนะคะ แต่จะติดเพราะว่า หลังเรามีเพศสัมพันธ์แล้ว เชื้อโรคและแบคทีเรียจากภายนอกอาจจะเข้าไปในท่อปัสสาวะได้ง่ายกว่าปกติ แต่เราจำไม่ได้แล้วอ่ะค่ะว่าเพราะอะไร ต้องขออภัยด้วยจริงๆ )
4. ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นไม่ดี ( เพราะคุณหมอบอกว่า ท่อปัสสาวะกับช่องคลอดมันอยู่ใกล้กันมากน่ะค่ะ ถ้าเราทำความสะอาดไม่ดี แบคทีเรียจากช่องคลอดก็อาจจะเข้าไปสู่ท่อปัสสาวะของเราได้ แล้วก็จะทำให้เกิดการอักเสบตามมาในภายหลังค่ะ )


วิธีแก้ไขก็คือ
1. อย่าอั้นปัสสาวะค่ะ พอรู้สึกปวดก็ให้รีบไปเข้าเลย ไม่ใช่รอให้ปวดสุดๆถึงค่อยไป
2. ดื่มน้ำให้เพียงพอค่ะ (ไม่ใช่ดื่มน้ำมากนะคะ แต่ต้องให้เพียงพอกับตัวเอง เพราะการดื่มน้ำมากไปก็ไม่ดีเช่นกันค่ะ)
3. หลังมีเพศสัมพันธ์ ให้รีบไปเข้าห้องน้ำเลยค่ะ แล้วพยายามปัสสาวะออกมา เชื้อโรคและแบคทีเรียที่ไปติดค้างอยู่มันจะได้ออกมาจากตัวเราค่ะ
4. รักษาความสะอาดของจุดซ่อนเร้นให้ดี ก็พอแล้วค่ะ


( โดยส่วนตัวคิดว่าตัวเองเป็นเพราะข้อ 1 กับ 2 ค่ะ เพราะข้อ 3 กับ 4 เราทำแบบที่คุณหมอบอกจนเป็นนิสัยแล้ว )




พอหาหมอเสร็จ เค้าก็จัดยามาให้ 1 ชุดค่ะ มียาทั้งหมด 3 ตัว
- Pyridium แก้ปวดระบบทางเดินปัสสาวะ ( ทาน ครั้งละ 2 เม็ด หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น )
- Ponstan-250 แก้ปวด แก้อักเสบ ( ทานครั้งละ 1 เม็ดทันที หลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น )
- Tarivid-100 เป็นยาปฏิชีวนะ ( ทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร เช้า เย็น

ตัวที่ 1 กับ 2 ทานจนกว่าจะหมดอาการ แล้วให้เราหยุดทานค่ะ
แต่ตัวสุดท้ายต้องทานจนหมดแผงเลย (คือถึงแม้จะหายแล้ว แต่ก็ยังต้องทานจนหมดนะคะ)
คือแฟนอธิบายให้ฟังว่า ถ้าเกิดเราทานไม่หมด พอเราเป็นโรคนี้อีกแล้วต้องมากินยาตัวนี้ อาจเกิดอาการดื้อยาได้ค่ะ
*** ยาตัวแรกทานแล้วจะทำให้ปัสสาวะที่ออกมามีสีเข้มกว่าปกตินะคะ ไม่ต้องตกใจค่ะ (ของเราออกมาเป็นสีส้มเลย)




ยังไงก็ต้องระวังนะคะสาวๆ เพราะโรคนี้เป็นแล้วทรมานมาก
เพราะมันจะเดินก็เดินไม่ได้ นั่งก็นั่งลำบาก จะปัสสาวะก็ปวดแสบมากๆ
อีกอย่าง ถ้าเป็นโรคนี้นานๆ ... เราว่าัมันอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆต่อไปก็ได้ค่ะ




ปล. ถ้ามีจุดไหนที่กล่าวผิด หรือไม่รู้จริง ก็รบกวนช่วยติง ช่วยแก้ไขด้วยนะคะ เพราะเรา็ก็ไม่มีความรู้ทางการแพทย์สักเท่าไร .. ที่เล่าๆมานี่ก็ฟังคุณหมอมาหมดเลยค่ะ (ไม่อยากให้สมาชิกชาวจีบันได้รับความรู้ผิดๆกัน)


DigiNeko

DigiNeko

ข้าพเจ้าชื่อ ดิว ชอบแมว เกมออนไลน์และการช๊อปปิ้ง เป็นชีวิตจิตใจ (O.o) ป.ล. Log In TaitarBok แฟนหนูเองคร่าา =w=

FULL PROFILE