++นอกเรื่อง++AFและบ้านโฮมฮักทำน้ำตาไหล......

ก่อนหน้านี้ไปเจอเวปนี้มา

http://www.banhomehug.org/


คือวันนี้อยู่ที่บ้านอ่ะคะ

เลยดูทีวีทั้งวัน เลยเปิดดูทรูช่อง 17 ที่เป็นAFTV ค่ะ ก็มีAF รุ่นไหนจำไม่ได้3คน

เค้าให้ไปทำดีให้พ่อดูซึ่งทั้ง 3 คนเลือกไปที่บ้าน โฮมฮัก ของแม่ติ๋วที่อยู่จังหวัด ยโสธร

ใช้ชีวิตอยู่กับแม่ติ๋วและเด็กๆๆที่ติดโรคร้าย 3วัน 2คืน

ประทับใจค่ะ ที่ทั้ง 3คนใช้ชีวิตแบบไม่เกียจ แม้จะสร้างภาพหรือไม่เราไม่รู้แต่ถ้าคุณได้ดูจะซึ้งมากๆๆ

ทั้ง3ถามว่าถ้าพาเด็กๆกว่า100คนไปเที่ยวงานกาชาด ที่จังหวัดยโสธรจะใช้เงินเท่าไหร่

แม่ติ๋วบอกว่า1000บาท รู้สึกว่ามันน้อยมั้ยคะสำหรับเรา แต่สำหรับเด็กเหล่านี้1000บาท

ทำให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเค้ามีความสุขมาก

ซึ่งเค้าไม่รุ้ว่าจะได้ไปเที่ยวอีกเมื่อไหร่

และตอนนี้ทราบข่าวว่าอาการป่วยของแม่ติ๋วได้หนักขึ้น ..เลยมีคำถามมาว่าถ้า

แม่ติ๋วเป้นไรไป...แล้วเด็กๆๆเหล่านี้ล่ะคะ..จะกำพร้าอีกครั้งหรอ

เปิดเวปไปเจอ ไม่รู้จะผิดกฎหรือเปล่า เอามาให้ลองอ่านกันค่ะ
 
ข่าวการล้มป่วยอย่างหนักอีกครั้งของแม่ติ๋ว กำลังสร้างคำถามมากมายให้กับสังคม
สุธาสินี น้อยอินทร์ หรือแม่ติ๋วของเด็กๆ แห่งบ้านโฮมฮัก คือ NGO หญิงแกร่งนักสู้ ที่ทำงานด้านเด็กมาเป็นเวลากว่า 30 ปี เธอเริ่มต้นจากงานแก้ปัญหาเด็กสารพัดเรื่อง ทั้งล่วงละเมิด บ้านแตก ยาเสพติด กระทั่งสุดท้ายจับพลัดจับผลูมาจับงานเด็กติดเชื้อ HIV ที่มีความซ้ำซ้อนเพิ่มอีกขั้นคือเป็น…เด็กกำพร้า
เพราะทั้งพ่อและแม่ของเด็กได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว…ด้วยโรคเอดส์!
แม่ติ๋วจึงกลายเป็นคุณแม่คนใหม่ให้กับเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV จากพ่อแม่แท้ๆ ของเขาเอง อาจคล้ายละครชีวิตแสนเศร้าสำหรับผู้ชมและผู้อ่านทุกท่าน แต่มันคือเรื่องจริงและวิถีชีวิตประจำวัน…ของเธอ
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในชีวิต ทุ่มลงไปในบ้านหลังนี้ “บ้านโฮมฮัก” บ้านที่มีแต่ความรัก ณ จ.ยโสธร ภายใต้ชื่อจดทะเบียนอย่างเป็นทางการว่า “มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน”
“อะไรจะเกิดขึ้นถ้าแม่ติ๋วซึ่งเป็นแม่ชีวิตและแม่พระของเด็กๆ เกือบ 200 คน …ต้องตายลง” เหตุการณ์นี้เริ่มใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ด้วยอาการลุกลามจากมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายของเธอ
ผู้หญิงที่กำลังใช้ชีวิตในวาระสุดท้าย…เพื่อคนอื่น ตัวจริงเสียงจริงจากโฆษณา บริษัท ประกันชีวิต เพียงแต่ในทีวีปรับเปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่ จากติ๋ว…เป็นต้อย
ฉันวนเวียนอยู่กับคำถามนั้นอย่างคนเสียขวัญ เพราะน้ำเสียงสั่นไหวแฝงทั้งความหวาดกลัวและความเสียใจจาก “น้องเกี้ยว” ลูกสาวแท้ๆ คนเดียวของแม่ติ๋ว ดังก้องหูฉัน ด้วยทุก 2 ชั่วโมงในสองสามคืนนั้น ลูกสาววัยรุ่นของแม่ติ๋วจะโทรศัพท์เข้ามารายงานถึงอาการป่วยที่น่ากลัวลง เรื่อยๆ ของแม่เธอ
พร้อมเสียงสะเทือนจากขั้วหัวใจว่า “ถ้าแม่ตายไป…หนูคงไม่มีใครอีกแล้ว”
ยามนี้…เธอจึงต้องการเพื่อนร่วมทุกข์
แม่ติ๋วหรือพี่ติ๋วที่ฉันรู้จักเมื่อ 4 ปีก่อน จากการทำงานเยาวชนกับเสถียรธรรมสถาน คือคนจริงที่น่าศรัทธา แทบหาไม่ได้อีกแล้วที่ใครสักคนหนึ่งจะเสียสละทุกอย่างในชีวิตตนเพื่อคนอื่น โดยไม่ใส่ใจในความสุขสบายของตนเอง
หมดคำถาม และความสงสัยในตัวตนของเธอ
มีเพียงความรัก และความศรัทธา ในพี่สาวคนดี…ของฉัน
แล้วเธอก็ล้มป่วยอีกแล้ว พร้อมทำท่าเหมือนจะตาย
ฉันทบทวนตัวเองไปมาอยู่หนึ่งวัน หลังจากอยู่กับอาการแกว่งของหัวใจ และเที่ยววิ่งไล่หาคนโอ๋ แต่สุดท้ายก็ได้พบความจริงว่า “ไม่มีใครเป็นกำลังให้เราได้หรอก หากเราไม่หยุดเสียกำลังใจด้วยตัวของเราเอง”
ความตาย…คือความแน่นอนของชีวิต อันทุกคนพึงตายโดยแท้
คนที่ยังอยู่จึงควรเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนพลังโศกเศร้าในใจ ให้เป็นการกระทำเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของคนที่เตรียมจาก เพื่อให้เราและเขาจะได้อยู่ร่วมกันนิรันดร์…ในกุศล
แม่ติ๋วห่วงลูกๆ กลัวว่าเด็กๆ จะไม่มีอนาคต จะไม่มีคนเลี้ยง ไม่มีคนรัก ไม่มีคนเยียวยา และไม่ได้เรียนหนังสือ
แม่ติ๋วห่วงเด็กๆ ว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม พวกเขาไม่เคยทำอะไรผิด เชื้อเอดส์ในเลือดทุกอณูล้วนส่งผ่านจากเลือดในอกพ่อและแม่แท้ๆ ของพวกเขา มันเป็นกรรมเก่าที่สมควรถูกกระทำซ้ำเติมอีกหรือ
เธอจึงฝากเสียงเรียกร้องในเรื่องสิทธิของผู้ป่วยเอดส์ทุกคน เพราะพวกเขาเป็นคนเหมือนเรา จึงสมควรอย่างที่สุดที่จะได้รับความรักจากสังคม อย่างไม่มีเงื่อนไข และได้โอกาสที่จะมีชีวิตต่อไปอย่างมีคุณภาพ เธอหวังอยากให้มีคนมาช่วยอุปถัมภ์เด็กๆ ประคองชีวิตที่เปราะบางของพวกเขา ให้ก้าวผ่านสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เพื่อกลายเป็นพลังให้กับประเทศชาติ
เป็น “การให้” ที่ยั่งยืน เพื่อให้เขาเติบใหญ่และเป็นที่พึ่งตัวเอง กับโครงการ “ครอบครัวอุปถัมภ์แห่งบ้านโฮมฮัก มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน” การขอการสนับสนุนแบบเป็นประจำรายเดือน จากผู้ใจบุญทุกท่าน เพียงเดือนละ 1,000 บาท ตัดผ่านบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคาร เพื่อสมทบค่าเล่าเรียน ค่าอาหาร หรือค่ายา เพื่อให้ทุกเดือนของพวกเขา มีเรียนและมีกิน
ไม่ต้องทนเป็นโรคลักปิดลักเปิด…ในชีวิต เช่นอดีตที่ผ่านมา โดยได้นักธุรกิจใจดี เจ้าของกิจการอุตสาหกรรมเคมีขนาดใหญ่ของประเทศ และรีสอร์ตบนเกาะพีพี รับเป็นประธานในการดำเนินงานหาคนใจดี ร่วมต่อชีวิตที่ยั่งยืนให้เด็กๆ ส่งประสานทุกความช่วยเหลือให้หลั่งไหลโดยตรงไปยังมูลนิธิฯ ประธานงานบุญใหญ่ครั้งนี้ คุณเอธัส มนต์เสรีนุสรณ์
นักธุรกิจคนหนึ่ง ที่ทราบเรื่องชีวิตอันน่าศรัทธาของแม่ติ๋ว เดินทางไปศึกษาและทำความเข้าใจด้านลึกๆ ของปัญหาถึงบ้านโฮมฮัก จ.ยโสธร และขออาสาเป็นกำลังหลักในการผลักดันความฝันสุดท้ายของแม่ติ๋ว
ด้วยเหตุผลเพียงข้อเดียวคือ…ไม่อยากโดดเดี่ยวคนดี
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนั้น ขอเชิญติดต่อมาที่ homehugfamily@yahoo.com เราจะได้มาร่วมกันเป็นครอบครัวอุปถัมภ์ เพื่อเป็นกำลังสนับสนุนชีวิตและการเงินแก่เด็กๆ ร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับอนาคตของชาติ และเพื่อให้แม่ติ๋วที่รักของเรา ได้พักผ่อนใจ… อย่างตาหลับ
 
ก่อนวันที่เด็กกำพร้า จะต้องกำพร้าอีกครั้ง


http://www.banhomehug.org/

ใครที่คิดว่าสามารถช่วยได้ก็ช่วยหน่อยนะคะ.....เด็กๆๆต้องการกำลังใจ แต๋วก็ต้องการกำลังใจค่ะ

ถ้ากระทู้นี้รบกวนก็ขออภัยค่ะ

Discussion (5)

รู้จักเหมือนกันค่ะ....
เคยดู เคยฟัง แล้วก็น้ำตาปริ่ม ใจหายวูบ

เคยส่งเงินไปให้เค้าใช้จ่าย ไม่มากไม่มาย

แต่ให้แล้วมีความสุขมากนะคะ

บางทีจำนวนเงินเท่ากัน เมื่ออยู่กับเรา ก็หมดไปอย่างไม่มีประโยชน์ไรมาก
แต่พออยู่ในมืออีกคน กลับมาคุณค่ามากมายมหาศาล

ขอให้แม่ติ๋วหายไว ๆ เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้น้อง ๆ เค้าต่อไป

T__________T ..

แม่ติ๋วหายไวๆน๊าค่ะ

สงสารเด็กด้วยละ...

เป็นกำลังใจให้น๊ะค่ะ
อยากให้แม่ติ๋วหายป่วยจัง

สงสารเด็กๆด้วย

ขอให้แม่ติ๋วแข็งแรงขึ้นนะคะ
เคยดูเหมือนกันค่ะ
โปรเจกต์ ทำดีให้พ่อดู
ดูแล้วร้องไห้เหมือนกัน

เป็นกำลังใจให้แม่ติ๋วคะ