กระแสเปลี่ยนทิศในโลกออนไลน์หลังการเสียชีวิตสุดช็อคของอี ซอนกยุน

22 7
อีกครั้งที่ดวงดาวที่เคยเปล่งประกายเจิดจ้าต้องมืดดับไปจากวงการบันเทิง  เหตุเสียชีวิตสุดช็อคของอี ซอนกยุนเกิดขึ้นหลังจากข่าวอื้อฉาว เมื่อมีการสืบสวนขยายผลตามนโยบายกวาดล้างเสพติดของเกาหลีใต้  แม้จะยังไม่มีการยืนยันถึงสาเหตุการเสียชีวิตแน่ชัด แต่ข่าวลือทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่า ผลกระทบหนักหนาสาหัสต่อชื่อเสียงนักแสดงที่สร้างสมยาวนานได้บีบคั้นให้เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง  

ในระยะเวลาสั้นๆหลังจากสื่อประโคมข่าวเครือข่ายค้ายาเสพติดที่กังนัม ภาพลักษณ์ของพระเอกหนุ่มระดับ A List ได้แปรเปลี่ยนเป็นเป้าโจมตีจากกระแสเกลียดชังในโลกออนไลน์ การขออภัยสังคมและครอบครัวดูจะไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ของเขาดีขึ้นแม้แต่น้อย มีคนมากมายที่ต้องการให้หน้าที่การงานของเขาพินาศลงไปเพื่อชดใช้กับความผิดใหญ่หลวงที่ได้ก่อ

แต่ในวันนี้ อี-ซอนกยุนไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกแล้ว ปฏิกิริยาจากสังคมนั้นมีทิศทางที่แตกต่างกัน ในขณะที่ชาวเน็ทกลุ่มหนึ่งจะยืนกรานสาปส่งต่อไป แต่หลายคนเริ่มออกมา call out ถึงความไม่เป็นธรรมและวิธีปฏิบัติอย่างไร้ความเห็นอกเห็นใจที่พระเอกดังและครอบครัวต้องเผชิญในช่วงไม่กี่เดือนมานี้




พวกเราอาจจะเชื่อในคำเตือนใจว่า ไม่มีครสมบูรณ์แบบกันไปหมด ไม่ว่าใครก็ทำผิดพลาดได้ แต่ข้อผิดพลาดเหล่านั้นจะให้บทเรียนที่สำคัญกับเราและทำให้เราพัฒนาตนให้ดียิ่งขึ้น แต่ในชีวิตจริง อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่ก้าวข้ามบทเรียนอันแสนเจ็บปวดไปได้ สำหรับสังคมเกาหลีใต้ พฤ๖ิกรรมมัวเมากับอบายมุข การใช้ยาเสพติดยาเสพติดในบาร์โฮสเตสที่มีไว้เฉพาะแขก VIP นั้นอาจจะเหมือนกับ open secret ที่แม้แต่ในซีรีส์ก็ได้เปิดเผยด้านมืดของกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่สรรหาความบันเทิงใจด้วยสิ่งผิดกฎหมายจากสถานบันเทิง แต่หลังจากรัฐบาลได้ประกาศถึวมาตรการกวาดล้างยาเสพติดอย่างแข็งกร้าว ตามมาด้วยการสนองตอบนโยบายของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมาย การประกาศรายชื่อคนดังที่พัวพันกับเครือข่ายค้ายาเสพติดนั้นอาจจะถูกมองว่า เป็นการกระชากหน้ากากอันดีงามของศิลปินบันเทิง แต่ก็ถูกเปรียบเทียบว่า นี่คือการลงโทษผู้กระทำผิดโดยมีจุดประสงค์เชือดไก่ให้ลิงดู ข่มขวัญให้ผู้คนหวาดกลัวต่อการกระทำความผิด เพราะสิ่งที่ตามมาอาจจะจะถึงขั้นไรที่ยืนในสังคม ซึ่งการ cancel คนดังจากคดียาเสพติดได้เคยเกิดขึ้นในวงการเกาหลีมาแล้วหลายครั้ง

แต่ท่ามกลางกระแสโจมตีคนดังที่พัวพันกับยาเสพติดนั้นก็อาจจะมีคำถามตามมาว่า นี่คือวิธีจัดการกับปัญหายาเสพติดที่ตรงเป้าเด็ดขาด หรือเป็นการใช้สื่อเป็นเครื่องมือจนกระทบต่อผู้ค้ายาและผู้ซื้อรายย่อย แต่ไม่ใช่ตัวการใหญ่ที่สร้างปัญหาเรื้อรังในสังคม 

อดีตว่าการรัฐมนตรีพระทรวงยุติธรรมชี้ อัยการและตำรวจใช้อำนาจบีบคั้นผู้ถูกกล่าวหาจนต้องมีคนสังเวยชีวิตจากการฆ่าตัวตายไปมากกว่าหนึ่งคน


แม้นายโช กุก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้จะเป็นหนึ่งในนักการเมืองชื่อฉาวโฉ่ ถูกศาลสั่งลงโทษจำคุก 2 ปี ฐานปลอมแปลงเอกสารเพื่อแทรกแซงกระบวนการรับสมัครเรียนสร้างความได้เปรียบให้กับลูกๆของตัวเองในการศึกษาต่อ แต่ก็ขอออกมาใช้พื้นที่ทาง social media เพื่อ call out ทั้งเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายและสื่อที่บีบคั้นให้ผู้ถูกกล่าวหาไร้ที่ยืนในสังคม

"อัยการและตำรวจใช้วิธีผูกขาดอำนาจของรัฐอย่างรุนแรงขั้นสุดเข้าจัดการในช่วงเวลาอันสงบ ใครก็ตามที่ต้องตกเป็นเป้าการใช้อำนาจเช่นนี้จะต้องเผชิญกับวิกฤติทางอารมณ์อย่างสาหัส สื่อต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย ทั้งเย้ยหยัน ใส่ร้าย นำเสนอข้อมูลที่ยังไม่มีการยืนยัน และดูหมิ่น จนเป้าหมายถูกฝังให้ตายทางสังคม"
"ในระหว่างที่อัยการและตำรวจดำเนินการสืบสวนนี้ มีมากกว่าหนึ่งคนที่เลือกจบชีวิตตัวเอง ซึ่งผู้ที่มีอำนาจการสืบสวนไม่ได้แสดงความรับผิดชอบ สื่อก็ไม่ยอมรับผิดชอบเช่นกัน"
"มีเพียงแต่ผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดภายในและเลือกความตายก็ถูกมองว่าเป็นคนอ่อนแอ"
ไม่เห็นว่าจะมีใครรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนแทน ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวเหลือเกิน ขอภาวนาให้กับผู้วายชนม์ให้ไปสู่สุคติด้วยเถิด"

นายโจ กุกยังยังฟันธงว่า หลักการในคดีอาญาที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทําความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้ และการยึดมั่นให้ความสำคััญกับสิทธิมนุษยชนของจำเลยและสิทธิในการการต่อสู้คดีนั้นมีอยู่ในในตำรากฎหมายเท่านั้น และได้เผยประสบการณ์ว่า  ช่วงที่รับหน้าที่นายกว่าการกระทรวงยุติธรรมในช่วงสั้นๆ  เขาได้ตัดสินใจปรับปรุงการยกมาตรฐานการแสดงข้อมูลต่างๆต่อสาธารณชนเพื่อหลีกเลี่ยงการประกาศข้อมูลอาชญากรรมและจะไม่แถลงการณ์แถลงการณ์จนกว่าจะสอบปากคำครอบครัว แต่เขากลับถูกอัยการและสื่อโจมตี

บางคนเชื่อว่า กระบวนการสืบสวนคด่ียาเสพติดที่คลับกังนัมที่ลากอี ซอนกยุนออกมาแบกรับความผิดซะยิ่งกว่านักค้ายานั้นอาจจะมาจากความพยายามประชาสัมพันธ์ผลงานของตำรวจและอัยการ  ยิ่งผู้ต้องสงสัยโด่งดังในระดับ high profile ก็ยิ่งทำให้สังคมตื่นตัวกับการเอาจริงเอาจังในหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ  แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า  กลุ่มคนทรงอิทธิพลที่เกี่ยวโยงกับแวดวงผิดกฎหมายนี้ย่อมไม่ได้มีแต่พระเอกชื่อดังหรือวนเวียนอยู่ในคลับแห่งเดียวเท่านั้น   หากเจ้าหน้าที่มุ่งมั่นเพื่อจะล้างบาง ก็ย่อมมีความเคลื่อนไหวเพื่อเปิดโปงธุรกิจสีเทายิ่งกว่านี้  แต่สื่อกลับวนเวียนตีข่าวให้ยิ่งสนั่นหวั่นไหวตัวละครนามแฝง ทั้งมาดามที่หยิบยื่นยาเสพติดให้กับลูกค้า VIP  พ่อค้ายาในคราบหมอ  แต่ผู้ที่อยู่ในที่แจ้งอย่างพนะเอกที่ถูกหมายหัวเป็นผู้ต้องสงสัยต้องรับบทหนักที่สุด เรียกว่า ขุดคุ้ยเท่าใดก็ไม่พอ มีทั้งข่าวจริงไม่จริงปะปนออกมาปลุกเร้ากระแสสังคมให้เดือดพล่าน


แม้ผู้คนมากมายจะร่วมไว้อาลัยผู้วายชนม์อย่างใจหาย  แต่โลกออนไลน์ก็ยังไม่ปลอดจากเสียงสาปส่ง

ความสูญเสียครั้งนี้คือข่าวใหญ่ระดับประเทศที่ดึงดูดเสียงวิจารณฺ์ให้สั่นสะเทือนซะยิ่งกว่าช่วงที่เกิด scandal   ประเด็นที่ร้อนแรงสุดๆคือ การถกเถียงหาตัวการที่ทำให้เกิดความสูญเสีย ใครกันแน่ที่สมควรต่อคำประนาม? พระเอกดังที่ถูกเปิดทางการชี้ตัวว่าเป็นผู้ต้องสงสัย แม้จะยังไม่ได้รวบรวมหลักฐานยืนยันแน่ชัด ผู้คนเริ่มโยนความผิดให้กับนโยบายรัฐและกระบวนการดำเนินคดีของเจ้าที่ซึ่งถูกมองว่า ขาดความเป็นธรรมและบีบคั้นกันอย่างไร้เหตุผล บางคนมองว่า พลังสื่อมีบทบาทสำคัญที่ปลุกปั่นให้เกิดกระแสเกลียดชังจากมวลชน ถึงขนาดมีการเปรียบว่า เคสของอี-ซอนกยุนคือการ'ฆาตกรรมทางสังคม' สวนทางกับผู้ที่เชื่่อว่า  หากเขาวางตัวห่างไกลจากสิ่งผิดกฎหมายก็คงไม่ต้องถึงจุดที่พังพินาศ   สำหรับคนมีชื่อเสียงในสังคมเเกาหลี หากถูกเปิดโปงว่าพัวพันกับยาเสพติดก็ยากที่จะได้รับโอกาสแก้ตัวในระยะเวลาอันสั้น ถึงแม้ว่าเขาจะปฏิเสธข้อกล่าวหาและผลตรวจสารเสพติดเป็นลบทุกครั้ง  แต่สิ่งที่ทำให้สถานการณ์ของเขาย่ำแย่ลงไป คือข่าวลือเรื่องความเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้ายาและค้าประเวณีจากการเข้าใช้บริการคลับ VIP ที่กังนัมนั่นเอง   การนำเสนอข่าวจากสื่อที่ชี้นำว่า เขามีความสัมพันธ์กับมาดามผู้เป็นตัวกลางค้ายาที่ถูกจับกุมไปแล้ว  สื่อ TV บางช่องถึงขนาดอ้างหลักฐานบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ของทั้งสอง ผู้ต้องหาให้การซัดไปทอดไปที่ใครบ้าง รายละเอียดชัดเจนราวกับว่าเราไปนั่งฟังร่วมห้องสอบปากคำ และทำให้ชาวเน็ทหลายคนมั่นใจว่า พระเอกชื่อดังกระทำความผิดที่ต้องชดใช้อย่างใหญ่หลวง

ในขณะที่เอเจนซี่ของอี ซอนกยุนได้ขอร้องให้ผู้คนไม่ให้ปล่อยข่าวเท็จหรือข้อความว่าร้าย เพื่อการเดินทางครั้งสุดท้ายของพระเอกผู้ล่วงลับจะได้พบกับสุคติ แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่สาปส่งเขาไม่เลิกรา ทั้งประนามว่า เป็นคนขี้ขลาดที่ใช้ความตายหนีปัญหา แทนที่จะก้มหน้าก้มตาชดเชยความผิด แต่กลับทรยศครอบครัวซ้ำอีกด้วยการลาโลกนี้ไป ทิ้งให้คนที่อยู่เบื้องหลังต้องเจ็บปวดแสนสาหัส


แต่ยังมีชาวเน็ทที่เกาหลีที่ออกมาห้ามปรามไม่ให้ซ้ำเติมผู้สูญเสียด้วยถ้อยคำร้ายกาจ เพราะแม้จะอ้างเหตุผลว่าเห็นใจครอบครัวที่ต้องทนทุกข์จากความตายอันสุดสะเทือนใจ แต่การสาปส่งคนที่จากไปแล้วด้วยคำพูดร้ายกาจนั้นไม่ได้ทำให้มีสิ่งใดดีขึ้นมาแม้แต่น้อย และบางคนก็เริ่มจุดกระแสกดดันเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการสืบสวนที่เปิดเผย detail ที่ปลุกเร้าความสนใจจากผู้คนด้วยดีเทลราวกับ K-drama จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรง ทั้งที่ไม่สามารถตรวจพบสารเสพติดตกค้างในร่างกายผู้ต้องสงสัย ในเคสนี้ไม่ได้มีอี-ซอนกยุนที่ถูก drug scandal เล่นงานจนเป็นมลทินติดตัว แต่ยังมี G-Dragon ที่ต้องเข้ารับการตรวจหาสารเสพติดตกค้างซ้ำๆ ก็ยังไม่ปรากฏเป็นหลักฐาน จนในที่สุดก็เคลียร์ตัวเองจากข้อกล่าวหาได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แรงกดดันที่ต้องตกเป็นจำเลยสังคมย่อมหนักหน่วงจนยากจะรับมือ เพราะถึงจะขาดหลักฐานถึงการกระทำผิด แต่ก็มีคนที่ประนามสาดเสียเทเสีย เพราะปักใจว่า พวกเค้าถูกจับได้ว่ามีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายที่เสื่อมเสียหนักจนไม่ควรได้ผุดได้เกิดในวงการบันเทิงอีกต่อไป

อีกหนึ่งสิ่งที่ดูจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคือวิธีการขายข่าวของสื่อ ถึงขณะนี้ ก็มีรายการ  TV ที่ไม่ยอมปล่อยโอกาสเปิดเผยภาพหลุดของพินัยกรรมที่อี-ซอนกยุนทิ้งไว้ให้ครอบครัว ทำให้ผู้ติดตามข่าวหงุดหงิดใจถึงความกระหายเรตติ้งจนโยนจริยธรรมสื่อทิ้งไปและไม่สนใจความทุกข์ของครอบครัวผู้วายชนม์
ทั้งๆที่คดีนี้ยังไม่จบสิ้น และตัวพระเอกดังก็เคยร้องขอการสอบปากคำด้วยเครื่องจับเท็จเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์จากข้อหาใช้ยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย แต่ชาวเน็ทหลายคนก็สรุปแล้วว่าเขาคืออาชญากร  รวมถึงผู้ที่ปักใจว่า ถึงเขาจะรอดพ้นจากบทลงโทษตามกระบวนการกฎหมาย แต่เขาก็หักหลังครอบครัวรุนแรงจากการเที่ยวเตร่ในบาร์โฮสเตสแล้วถูก blackmail จนสูญเสียเงินก้อนโต  บรรทัดฐานอันเคร่งครัดของสังคมได้คาดหวังให้คนดังแสดงพฤติกรรมขาวสะอาดไร้ที่ติและห้ามก้าวพลาดอย่างเด็ดขาด  มิเช่นนั้นก็เสี่ยงกับวิกฤติรอบด้านเหมือนกับ อี-ซอนกยุน  จนกระทั่งเมื่อเขาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว  กระแสโจมตียังดำเนินต่อไป  โดยเฉพาะผู้ที่รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำอัตวิบากกรรม เพราะเชื่อว่า เขาควรใช้ชีวิตเพื่อสำนึกตัวและชดใช้บาปที่ก่อไว้

แต่ผู้ที่เห็นต่างโต้แย้งว่า ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนตั้งแต่ที่เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีเสพยา ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีความรุนแรงหนัก ไม่ได้มีเพียงแต่เขาผู้เดียวที่อาจจะถูก boycott ถาวรจากวงการ อนาคตทางอาชีพนักแสดงของภรรยาของเขาคือ จอน-ฮเยจินก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้งๆที่เธอไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยในการทำผิดกฎหมาย แต่ก็มีการคาดการณ์ว่า scandal ของสามีอาจจะทำให้เธอถูกปิดกั้นโอกาสที่จะได้รับเลือกให้แสดงในหนังละครและงานโฆษณา หากเขาถูกตัดสินให้มีความผิดจริงแล้วรับโทษลงรออาญาหรือปรับเงิน ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดเรื่องหมดราว หรือจะได้รับกำลังใจให้กลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ สังคมได้ลงทัณฑ์เขาและครอบครัวก่อนที่จะมีคำตัดสินจากศาลซะอีก เห็นได้ชัดว่า เขาถูกไล่ต้อนให้จนมุมอยู่บนปากเหวอันมืดมน และเมื่อไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดและเลือกจะจากไป แทนที่โศกนาฏกรรมจะให้บทเรียนกับผู้คนเพื่อจะปฏิบัติต่อกันอย่างเห็นอกเห็นใจมากขึ้น แต่หลายคนก็ยังปักใจว่า ถึงอี-ซอนกยุนจะร่วงหล่นจากจุดสูงสุดจนต้องกับความระทมทุกข์ เขาก็ยังชดเชยความผิดไว้ไม่พอ


impact ของข่าวช็อค  ซีรีส์และหนัง เลื่อนการแถลงข่าวโพรโมทกับสื่อ

ล่าสุด งานแถลงข่าวและประชาสัมพันธ์ของซีรีส์ที่น่าจับตามอง  Marry My Husband และ หนัง Deadly Sea  ได้ยกเลิกอีเวนท์โพรโมทรอบสื่อทำให้ชาวเน็ทมั่นใจว่า  นี่คือผลกระทบจากข่าวการเสียชีวิตของ อี-ซอนกยุน   เพียงชั่วระยะเวลาไม่นานที่พระเอกดังต้องต่อสู้กับกระแสต่อต้านจากคดียาเสพติด ชื่อเสียงของเขาอาจจะถูกทำลายหนัก แต่สำหรับเพื่อนร่วมวงการเดียวกัน  การเข้าร่วมอีเวนท์ในสถานการณ์ที่สะเทือนใจถึงขั้นนี้ มันคงเป็นเรื่องยากเย็นหากจะต้องเดินสายโพรโมทลผงานด้วยความสดใสมีชีวิตชีวา  ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจและความเห็นอกเห็นใจไปที่จอน-ฮเยจิน ภรรยาที่มีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงเช่นเดียวกัน ทั้งยังมีลูกๆที่ต้องผจญกับมรสุมหนักไปด้วยกัน  บรรยากาศจากคนร่วมวงการนั้นยังเต็มไปด้วยความตกตะลึง เศร้าเสียใจ  และสัมผัสถึงความตึงเครียด


การไว้อาลัยจากคนร่วมวงการ



ท่าทีของคนดังต่อข่าวความสูญเสียครั้งนี้น่าจะถูกจับตามองไม่น้อยเลย ดังที่เราได้รับรู้เรื่องราวในสังคมเกาหลีว่า ผู้มีชื่อเสียงจะต้องรักษามาตรฐานเรื่องการประพฤติตัวเป็นแบบอย่างอันดีงามไว้ไม่ให้หลุดกรอบ ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายและเรื่องผิดศีลธรรม สถานการณ์อาจจะเลวร้ายถึงขั้นถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวจากแวดวงเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกัน หรือหากชาวเน็ทพบว่า ยังมีการติดต่อคบหากัน พวกเค้าอาจจะถูกโจมตีว่าคบคนพาลและไม่รักษาภาพลักษณ์ตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบ จึงต้องระมัดระวังการแสดงความเห็นต่อคนดังที่ถูก scandalเล่นงาน แต่หลังจากพระเอกผูัมีชื่อเสียงกว้างขวางในอุตสาหกรรมบันเทิงได้จบชีวิตลง ก็เริ่มมีคนร่วมวงการกล่าวคำไว้อาลัย ทั้งเพื่อนนักแสดง/ศิลปินที่สนิทสนมกันและคนที่อาจจะไม่ได้รู้จักกันดี แต่รู้สึกเห็นอกเห็นใจ และยังมีผู้กำกับ โพรดิวเซอร์ นักเขียน ซึ่งเราน่าจะเห็นคนดังระดับ A List ออกมาแสดงความรู้สึกและไว้อาลัยเพิ่มขึ้น


ยูรี ศิลปิน K-Pop รุ่นบุกเบิก
"ขอให้ไปสู่สุขติ อี-ซอนกยุน ฉันเศร้าใจเหลือเกิน เรื่องนี้ทำให้ฉันหวาดกลัวผู้คนมากไปยิ่งกว่าเดิม เขาเป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกับเรา ความผิดที่เขาทำไปนั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิตเลยหรือ? เป็นเรื่องที่ทำให้เจ็บปวดและสลดใจ ฉันขอภาวนาให้กับครอบครัวของเขา"

Claudia Kim
"รู้สึกช็อคและเศร้าที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ทุกคนต่างคู่ควรจะได้รับการให้อภัยต่อความผิดพลาดที่ทำลงไป ทุกคนคู่ควรที่จะได้โอกาสครั้งที่สอง ช่างเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลี ขอภาวนาให้กับครอบครัวและคนสนิทของเขา ขอให้ไปสู่สุคติ"

ความเห็นที่น่าสนใจอันหนึ่งมาจากผู้ประกาศข่าว คิม ซ็อง

"การใช้จิตวิทยาฝูงชนคือสิ่งที่ร้ายกาจที่สุด สังคมประเทศนี้บีบคั้นให้คนฆ่าตัวตาย พวกเขาบอกว่าต้องฆ่าพื่อช่วยชีวิตคนอื่น แต่ไม่มีใครหรอกที่สะอาดไร้ความแปดเปื้อน มีแต่คนที่ถูกจับได้ว่าทำผิดกับคนยังไม่ถูกจับได้เท่านั้น เราต่างติดอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฉันไม่สามารถการันตีได้เต็มที่ว่า ฉันไม่มีทางทำเรื่องนั้น สิ่งที่อยู่รอบตัวสามารถสร้างตัวตนให้กับคนเราแต่ก็ทำลายพวกเค้าได้เช่นกัน นี่ไม่ใช่การปกป้องการกระทำผิดกฎหมาย หากยอมรับผิดแล้วก็ควรยอมรับถึงในผลกระทบที่ตามมาแม้ว่าจะต้องเจอกับเรื่องสาหัสโชกเลือดเพื่อครอบครัวของคุณ อย่างไรก็ตาม นี่คือข่าวที่ทำให้สะเทือนใจและเศร้าหมอง"


จากบทบาทหนุ่มแว่นน่ารักใน Coffee Prince  มาเป็นเชฟปากร้ายใน Pasta  จับใจผู้คนด้วยภาพของคุณลุงหัวใจอบอุ่นใน My Mister   คงไม่มีใครที่คาดคิดมาก่อนว่า เส้นทางอันเรืองโรจน์ของอี-ซอนกยุนจะสิ้นสุดด้วยบทสุดท้ายที่สะเทือนอารมณ์ นั่นคือภาพเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าล้อมรอบที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบและเคลื่อนย้ายร่างของเขาออกจากรถซึ่งถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก   ทั้งๆที่เพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ เขาได้นัดสังสรรค์กับ IU นางเอกที่สนิทสนมกันจากการร่วมงานแสดงซีรีส์ My Mister พวกเค้าต่างส่งยิ้มเบิกบานสร้างความอบอุ่นใจให้กับแฟนๆ  เหตุการณ์ที่แปรเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังมือในระยะเวลาสั้นๆได้ทำให้เราตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต  แต่สำหรับอีกหลายคน  มันช่างยากเย็นที่จะทำใจกับโศกนาฏกรรมครั้งนี้


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE