ขี้เกียจเรียนยังไงให้ได้A
Sora46136“คนขี้เกียจเรียนยังไงให้ได้A“
ขี้เกียจในที่นี้คงไม่ได้หมายถึง การไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงานไม่อ่านหนังสือเเต่เป็นการหาวิธีที่ช่วย/วิธีทุ่นเเรง/วิธีง่ายๆ ให้บรรลุผลตามต้องการต่างหาก
———————
•ข้อเเรก การบริหารเวลา ในเเต่ละวันมีงานต้องทำนับไม่ถ้วนเเต่ก็คงไม่หักโหม จัดการสิ่งที่ต้องทำร้อยแปดให้เสร็จได้ในหนึ่งวัน คนขี้เกียจอย่างเราๆ To do lists ถือเป็นหนึ่งอย่างที่สำคัญมากๆ เขียนแป๊ะไว้ที่ผนัง 3 อย่างที่ต้องทำ เเต่งานมีอีก 2 งานที่เหลือก็ชั่งมันปะไร ก็จดไว้เเค่นี้ ทำเเค่นี้ เดดไลน์ก็อีกตั้งไกล เอาเวลาที่เหลือ ไถ ตต ดูซีรี่ย์ให้จรรโลงใจเสียดีกว่า
•ข้อสอง ค่อยๆ ทำมัน วันไนท์มิราเคิลคงยากที่จะเกิดขึ้นในทัศนะของคนขี้เกียจฉบับนี้ เเต่เปลี่ยนวิธีให้เป็นค่อยๆทำทีละเล็กละน้อย ดังนั้นก็คงเป็นการเรียนเเละเล่นตามอำเภอใจในช่วงเดือนแรก เดือนที่สอง ก็เข้าสู่โหมดยืมหนังสือห้องสมุดมาดอง ไฮไลต์ใจความสำคัญจากชีท อันหนาเต๊อะ แล้วและสังเคราะห์มาเป็น mind mapping ผ่านการเขียนสรุปทีละบท ทีละวิชา ทีละหัวข้อ คนขยันเขาทำเสร็จได้ภายในคืนเดียว คนขี้เกียจอย่างนี้ใช้เวลาเป็นเดือนเศษๆเลยรึ
•ข้อที่สาม จดสรุปผ่านการเขียนแทนการพิมพ์ แม้จะหนักหน่อยสำหรับคนขี้เกียจ แต่ก็อาจเป็นตัวทุ่นให้ไม่ต้องอ่านหนังสือหลายรอบ แต่ใช้ตาเพ่งมองกวาดสายตา ใช้ปากอ่านก่อนที่จะใช้มือคัดตัวบรรจง ผ่านทั้ง ตา หู มือ ปาก มันก็คงไหลผ่านเข้าหัวบ้างสักทางล่ะ
•ข้อที่สี่ ขี้เกียจเปลี่ยนสีไฮไลต์ก็ใช้สีเดียวไปเลยจบๆ
กว่าจะสลับสีนู้นนั้นนี้ กว่าจะสรุปเสร็จคงวันเกรดออกกันพอดี ใช้สีๆเดียวไฮไลต์เเต่ละเรื่อง เเต่ละนักคิด เเต่ละประเด็น พอจบเรื่องนี้เรื่องใหม่ค่อยเปลี่ยนสีอื่น มิหนำซ้ำในห้องสอบอาจจะจำได้ลางๆว่านักคิดนี้เคยไฮไลต์สีๆนี้เอาไว้ ไม่ต้องนั่งเสียเวลาเปลี่ยนสี เเละไม่ลายตาเสียอีก
เป็นเพียงวิธีใน1/2ล้านวิธี สุดท้ายเเล้วก็คงขึ้นอยู่กับเเต่ละคน ว่าชอบเเบบไหน รูปแบบของเราไม่เหมือนกัน บางคนอาจชอบวันไนท์มิราเคิล ที่ทำให้จำได้ดีกว่า
ก็อยากจะบอกว่าเพียงค้นหาวิธีที่ตัวเองชอบและไม่ลำบากตัวเองจนเกินไปหากตั้งความหวังไว้สูงเท่าไหร่ความพยายามก็ต้องมากขึ้นไปเช่นนั้น
—————
#คนขี้เกียจเรียนยังไงให้ได้A
Discussion (6)