HBD TO ME อายุ 32 ปีนี้ อชิ เจออะไรมาบ้าง..
ArchiReview3421HBD TO ME อายุ 32 ปีนี้ฉันเจออะไรมาบ้าง..
เรื่องสุขภาพ
เมื่อก่อน = ไม่นอน จนกว่างานจะเสร็จ (สรุปโต้รุ่ง ไม่ได้นอน!) / เดี๋ยวนี้งานไม่เสร็จ = นอนก่อน ให้เป็นภาระของเช้าวันรุ่งขึ้นที่พลังกายพลังใจดีกว่านี้ละกันค่ะ ช่างมันบ้าง กลัวตายค่ะ ถ้าไม่ตายก็กลัวเป็นอัลไซเมอร์ตอนแก่
เพิ่งค้นพบว่าที่แพ้กุ้งแม่น้ำและมันกุ้ง จริงๆแล้วไม่ได้แพ้กุ้ง แต่แพ้สารตกค้างในกุ้ง (กุ้งเป็น เผาสดๆ กินได้ กุ้งตายมาแล้ว ฟอร์มาลีนทำชั้นตาบวม ผื่นขึ้นหน้าทุกครั้ง!) ซึ่งก็สงสารกุ้งมาก จะลดละเลิกแล้ว
เพิ่งค้นพบว่าแพ้นมวัวค่ะ ไม่ได้แพ้รุนแรง แต่การที่เป็นสิวซ้ำซาก เพราะนมวัวนี่แหละ ตอนนี้กินน้ำเต้าหู้ , นมอัลมอนด์ เท่านั้น ชีวิตดีขึ้นจริงๆ
อาการป่วยล่าสุด = เครียดลงกระเพาะ ความสุขในชีวิตลดลง 90% กินยาก ใช้ชีวิตยาก แต่ก็เตือนใจมากๆ ว่าอย่าพาตัวเองกลับมาอยู่จุดนี้อีก
เทียนหอม , diffuser , aroma oil คือ สิ่งเยียวยาใจ รู้สึกสงบ และ focus ดีมากขึ้น เมื่อได้ใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ ตอนเช้าและก่อนเข้านอน (ถ้า work from home ก็จะอยู่กับมันทั้งวัน)
สุขภาพผิว.. หลงรักการใช้ออยล์มากขึ้น เมื่อก่อนไม่กล้าใช้เพราะ ผิวมัน รูขุมขนกว้าง อุดตันเป็นสิวง่าย แต่ก็ค้นพบว่า ออยล์ที่ดีและความชุ่มชื้นที่เพียงพอ ทำให้ใต้ชั้นผิวผลิตน้ำมันลดลง กลายเป็นว่า ใช้ออยล์แล้วหน้ามันน้อยลง มีอยู่จริงค่ะ
เรื่องความสัมพันธ์
โสดอีกครั้ง ในวัย32 ค้นพบว่าสุดท้ายแล้ว เราไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะข้อดี100ประการ เราอยู่ด้วยกันเพราะยอมรับข้อเสียของกันและกันได้ต่างหาก ซึ่งถ้าข้อเสียเพียง1ข้อ คือข้อที่เป็นใบแดงสำหรับเรา (นอกใจ/ทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ/เหล้า/บุหรี่/พนัน หรือใดๆก็ตาม ถามตัวเองว่า สิ่งที่ยอมไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องยอมคืออะไร) ก็อย่าพยายามเอาข้อดี100ข้อ มาเป็นข้ออ้างเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์ จงตื่นและหยุดทำร้ายตัวเองตั้งแต่วันนี้ค่ะ ไม่ปฏิเสธว่า การจากลามันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่มันจะไม่เป็นแผลเรื้อรัง
ยัง enjoy กับการออกไปเดต แต่ไม่เดตคนไทยมาพักใหญ่ๆ เป็นปีๆแล้ว อยากแนะนำให้คนโสดๆ ลองเดตต่างชาติดูค่ะ จะสายฝอ หรือ Asian ก็ได้ มันจะมี mindset , culture , belief บางอย่างที่เปิดโลกเรามากๆ บางอย่างเอามาปรับใช้ แล้วชีวิตดีขึ้นหลายๆด้านจริงๆ (เรื่องนี้ถ้าพูดต่อจะยาวมาก ถ้ามีโอกาส ไว้มาเล่าแยก EP. ไปเลยดีกว่า)
ใครบอกแก่แล้ว อย่าเลือกเยอะ ตบปากตัวเอง 3 ทีค่ะ !! ยิ่งแก่ยิ่งต้องเลือก เราใช้ชีวิตมาขนาดนี้ ลงทุนกับตัวเองในทุกเรื่องไปขนาดไหน มันไม่ใช่ใครก็ได้ป่ะ และการลงทุนที่ว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินอ่ะ มันคือเวลา มันคือค่าประสบการณ์กว่าที่เราจะเรียนรู้การดูแลร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้น เราจะไม่เลือกหน่อยเหรอ ไม่เห็นใจใคร ก็เห็นใจตัวเองเถอะ--
เรื่องเพื่อน
เพื่อนน้อยลงมากๆ (ทั้งแบบที่เราเลิกคบเค้า และเค้าเลิกคบเรา 5555) เราไม่ได้มีเพื่อนเป็นแก๊ง แต่เรามีเพื่อนเป็นคนๆ เพื่อนหลายคน เหมือนจะสนุกเวลาออกไปเจอ แต่กลับมาแล้วเหนื่อยกว่าเดิม (เหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจ เราต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นนานเหมือนกันนะ ไม่คุ้มเลย) ถามว่าเค้าผิดหรือเราผิด มันอาจจะไม่ได้มีใครผิด แค่เราต่างกัน
ไม่กล้าเคลมใครว่าเป็นเพื่อนสนิท เพราะไม่รู้ว่าเค้ายังสนิทกับเราอยู่รึเปล่า
ถึงจะเพื่อนน้อย แต่เราก็ยัง enjoy กับการทำความรู้จักเพื่อนใหม่ๆ คนใหม่ๆ ตลอดเวลา (น่าจะเป็นเรื่องเดียวกับการออกเดต เปิดโลก เปิดมุมมอง แค่ได้รู้ว่ามันมีสิ่งนู้น สิ่งนี้อยู่ในโลกด้วยนะ แค่นี้ก็คุ้มแล้ว)
เรื่องงาน
งานบางอย่างได้นำพาเรามาถึงจุดที่ไม่คุ้มจะทำอีกต่อไป ไม่คุ้มเวลา ไม่คุ้มอาการป่วย(ทั้งทางกายและทางใจ) อยู่ในระหว่างการจัดสรรชีวิตใหม่ ว่าจะเก็บอะไรไว้ และปล่อยอะไรไปจริงๆสักที
ปัญหาทุกอย่างมีทางออกจริงๆ ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นทางตัน สุดท้ายแล้วมันจะคลี่คลายจนได้ ค้นพบว่า ตัวแปรนึงที่มีผลมากๆ ที่จะทำให้เรื่องราวมันดีขึ้นหรือแย่ลง คือ พลังงานข้างในของเราเอง
ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน = ไม่จริง!! ยิ่งไม่เลือกงาน เราจะยิ่งยากจนค่ะ เพราะงานที่ไม่ตอบโจทย์(ทั้งศักยภาพเราและยุคสมัย) ไม่ทำให้เราหลุดออกจากกรอบเดิมๆ จะยิ่งทำให้เราจนลงค่ะ แค่ทำงานแล้วป่วยกายป่วยใจ ก็จนแล้ว (โยงกลับไปที่เรื่องสุขภาพ)
ใครอ่านมาถึงตรงนี้ หวังว่าจะเอาเรื่องของเราไปฉุกคิด ไปปรับใช้อะไรได้บ้าง
ถามว่าทุกวันนี้ฉันปรับตัวเองได้อย่างดีเลิศแล้วมั้ย ก็ไม่หรอกค่ะ 5555
แต่อย่างน้อย แค่ detect ตัวเองได้เร็วขึ้น รู้ตัวเองเร็วขึ้น โอกาสแตกสลายมันก็น้อยลงค่ะ
#รีวิวชีวิต #วัยเลข3 #สุขภาพ #การงาน #ชีวิต #ความสัมพันธ์
Discussion (21)