ดราม่าคนดังแฉพฤติกรรมเพื่อนร่วมวงการ

36 10


ไม่ได้มีแต่สื่อ gossip เท่านั้นที่จุดประเด็นเรื่องฉาวของชาว Hollywood ด้วยการขุดคุ้ยข้อมูลมาแฉสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ แม้แต่ศิลปินดาราที่อยู่วงในสุดๆ ก็ออกตัวแรงด้วยคำกล่าวหาคนร่วม  Hollywood ด้วยกันแบบเผยชื่อกันตรงๆไม่จำเป็นต้องมีตัวย่อ  คนดังที่แฉกันเองในวงการจะมีใครบ้างนั้น มาติดตามกันเลยค่ะ  



Courtney Love กล่าวหา Brad Pitt  ใช้อิทธิพลจนเธอชวดบทนางเอก Fight Club แล้วยังตามกดดันขอสิทธิ์สร้างหนังชีวประวัติของ Kurt Cobain

Fight Club ถูกยกให้เป็นหนัง cult สุด calssic ที่ตราตรึงใจผู้คนมากว่าสองทศวรรษ แม้ว่าจะขายตั๋วได้ไม่ดีนักจนถูกจัดอยู่ในกล่มหนัง Box Office Bomb และยังได้รับคำวิจารณ์หนักหน่วงจากกระแสโต้แย้งจนกลายเป็นหนังที่สร้างเสียงกล่าวขวัญมาที่สุดในยุค 90s สวนทางกับรายได้ แต่ในภายหลังก็ได้เสียงสนับสนุนจากสื่อว่าเป็นผลงานที่ผสมผสาน black comedy และ action thriller และเริ่มเพิ่มพูนความสำเร็จจากยอดขาย home video ส่วนนักแสดงนำในเรื่องต่างก็ย่างก้าวบนเส้นทาง A List อย่างมั่นคง คงไม่น่าประหลาดใจว่าผู้ที่พลาดโอกาสในการสร้างชื่อในหนังในตำนานเรื่องนี้ ยี่สิบกว่าปีผ่านไปก็ยังฝังใจไม่ปล่อยวาง

แฟนๆหนังคงไม่คาดคิดว่า   Courtney Love   rocker แห่งวง Hole ที่มีชื่อเสียงในกระแส alternative และ grunge  ในยุค 90s   จะเคยเข้าร่วม  casting บทนำของหนังเรื่องนี้  และล่าสุด เธอกล่าวโทษ Brad Pitt พระเอก superstar  ว่าเป็นตัวการที่ทำให้เธอชวดบทสำคัญ  

Courtney ได้เปิดเผยในรายการ Podcast ว่า Brad และผู้กำกับหนัง Gus Van Sant ได้เข้ามาทาบทามเธอเพราะมี project สร้างหนังจากเรื่องราวชีวิตจอง Kurt Cobain สามี rockstar ที่จบชีวิตตัวเองลงในปี 1994 แต่เธอปรี๊ดจัดเพราะไม่เห้นด้วยที่จะเห็น Brad รับบทพ่อของลูกที่จากไป

"ฉันไม่ยอมให้ Brad แสดงเป็น Kurt ฉันระเบิดอารมณ์ใส่เขาเลย ฉันไม่ขายวิญญาณตัวเองหรอกนะ นี่คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ฉันไม่คิดว่าจะเชื่อถือคุณได้ และไม่แน่ใจว่าหนังของคุณจะหาผลประโยชน์แบบไหน ถึงจะมีหนังคุณภาพดีๆอยู่ แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจความรู้สึกของฉัน คุณก็ไม่เข้าใจตัวตนของ Kurt และฉันไม่คิดว่าคุณเข้าใจอะไรหรอกนะ Brad"


เธอเล่าต่อว่า หลังจากที่ปฏิเสธ Brad ไป ก็ถูกปลดจากหนัง Fight Club และผู้ที่มาแจ้งข่าวร้ายให้รู้ก็คือ Edward Norton พระเอกที่ประชันบทบาทกับ Brad ในผลงานเรื่องนี้ เขาคือคนรักของเธอในขณะนั้นและเสียใจกับเธอมากจนสะอื้นไห้

"เขาบอกว่าเขาไม่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้"

นิตยสาร Variety อ้าง หล่งข่าววงในว่า   Courtney เข้าออดิชั่นเพื่อร่วมแสดงในหนังFight Club ก็จริง  แต่เธอไม่ได้ถูกปลด เพราะไม่ได้ผ่านการออดิชั่นมาตั้งแต่แรก  เมื่อไม่ได้รับข้อเสนอในเล่นหนัง จะพูดว่าถูกปลดไม่ได้  และเป็นที่รับรู้ทั่วกันว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องเลือกตัวนักแสดงคือผู้กำกับ ไม่ใช่นักแสดงนำ


อย่างไรก็ตาม Courtney ยืนยันซ้ำว่า เธอเกือบจะได้แสดงเป็น Marla ซึ่งภายหลัง บทนี้ตกเป็น Helena Bonham Carter และทุกคำพูดในสัมภาษณ์เป็นข้อเท็จจริง

"Cameron Crowe เพื่อนของฉันบอกว่า Brad Pitt จะตามเกาะติดฉันเพื่อจะทำหนังเรื่อง Kurt ซึ่งมันเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1996"

(Cameron Crowe คือนักเขียนบท, โพรดิวเซอร์และผู้กำกับเจ้าของผลงานดังหลายเรื่อง)

"Brad บีบคั้นฉันเกินไป ฉันไม่ชอบแนวทางการทำธุรกิจหรือการใช้อำนาจของเขาเลย สิ่งที่เล่ามาเป็นเรื่องจริง มันเกิดขึ้นในช่วงสร้าง Fight Club"

"มันเป็นหนังเรื่องหนึ่งเท่านั้น และฉันก็ก้าวไปคว้าบทที่ดีกว่า ใครสนกันล่ะ"
(หลังจากที่ไม่ได้รับเลือกให้ร่วมแสดง Fight Club Courtney ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากหนัง The People vs. Larry Flynt)

"ประเด็นสำคัญคือ เขาคอยไล่ตามฉันเพื่อทำหนังเรื่อง Kurt ต่างหาก"

เธอบรรยายเหตุผลที่ไม่ยอมรับ Brad ว่า ระหว่างการหารือเรื่อง project เขาไม่สนใจรับฟังความเห็นของเธอ และเธอเปิดเผยเรื่องนี้ต่อสาธารณชน เพราะคิดว่ามันจะทำให้เขาหยุดความคิดสร้างผลงานเกี่ยวกับ Kurt ได้ เมื่อสองปีที่ก่อน เธอก็ปฏิเสธ Brad ไปอีกครั้ง

"ฉันไม่อยากทำให้เขาเคืองหรือสร้างความแค้นใจให้กับเขาหรอกนะ ฉันอยากจะให้เขาทำตัวดีกว่านี้หน่อย ฉันไม่ปลื้มการโจมตีกัน ขอทีเถอะพี่ชาย ฉันขอให้คุณเจอแต่สิ่งดีๆนะ พูดจริงๆ  ถ้าเขาโกรธฉัน ก็เป็นเรื่องของเขา ฉันชื่นชอบเขาในฐษนะนักแสดงอย่างมากมายจริงๆ แต่สำหรับบทบาทโพรดิวเซอร์หนัง biopic ฉันไม่ค่อยโดนใจเขาเท่าไร"







ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยที่ให้ความเชื่อถือในคำพูดของ  Courtney   แม้ว่าเธอจะมีภาพลักษณ์ของศิลปินเจ้าปัญหาที่เคยยอมรับเรื่องการพูดโกหกมาก่อน แต่เธอเคยเตือนผู้หญิงเรื่องความอันตรายที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ  Harvey Weinstein หลายปีก่อนจะเกิดกระแส MeToo   และทำให้มีผู้เชื่อว่า เธอสามารถเปิดเผยเบื้องหลังของผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการบันเทิงโดยไม่หวาดหวั่น  

ยังมีเสียงวิจารณ์โจมตี Brad จากโลกออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุน  Angelina Jolie ที่เปิดศึกสิทธิการเลี้ยงดูลูกๆด้วยการกล่าวหาอดีตสามีเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว      คนกลุ่มนี้มองว่า Brad ยังรักษาสถานะดาวอันเจิดจรัสของวงการและยังเป็นที่รักของแฟนๆ ทั้งๆที่มีข่าวเรื่องพฤติกรรม abusive และมีปัญหาติดสุรามาก่อน    แต่ดูเหมือนว่า  Brad จะไมไ่ด้รับผลกระทบกับคำกล่าวหาจาก Courtney นัก   หนัง Babylon  ที่เขาร่วมแสดงล่าสุดอาจจะเจ๊งบน  Box Office ไม่เป็นท่า  แต่เขาก็ติดโผเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเวที Golden Globe และมีความเป็นไปได้จะได้เข้าชิงรางวัล Oscar ซะด้วย 

Dylan Sprouse แฉ   Jared Leto ชอบ DMs นางแบบสาววัยเอ๊าะ
หากพูดถึงดาราใหญ่ที่มีรสนิยมการเดทแบบ'กินเด็ก'  ทั้งสื่อและชาวเน็ทมักจะพุ่งตรงไปที่ Leonardo DiCaprio    แม้แต่พิธีกรในอีเวนท์การประกาศรางวัลก็นำเรื่องนี้มาฉีกหน้าพระเอกดังเรียกเสียงเฮมาแล้วหลายงาน  หลายคนเปรียบเทียบว่า Leo กำลังก้าวสู่เส้นทางที่คล้ายกับ Hugh Hefner ผู้ก่อตั้งนิตยสาร Playboy ที่มีความสัมพันธ์กับหญิงสาววัยเอ๊าะมากหน้าหลายตาจนกระทั่งสาระสุดท้ายที่ใช้ชีวิตกับภรรยาที่อายุน้อยกว่าถึง 60 ปี  รวมถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์เผ็ดร้อนว่า ภาพลักษณ์นักแสดงชั้นนำแห่ง Hollywood ของเขาต้องมัวหมองเพราะถูกมองว่าเป็นชายวัยกลางคนที่ไม่ยอมมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอายุใกล้เคียงกัน แต่หลงไหลในเนื้อหนังมังสาของสาวเซ็กซี่วัยคราวลูกเท่านั้น ล่าสุดที่มีสื่อนำเสนอภาพคู่เดทของ Leo ที่เป็นนางแบบวัย 23 (อ่อนกว่าเขา 25 ปี)   feedback จากสังคมออนไลน์ก็เต็มไปด้วยคำพูดล้อเลียนถึงการรักษานโยบายเลือกคู่ควงเป็น 'นางแบบอายุไม่เกิน 25' อย่างแน่วแน่ของ Leo   แม้แต่สื่อดังก็ยังพาดหัวกระทุ้งว่า 'ทำไมไม่คบผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันซะบ้าง"


แต่ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโพรไฟล์การเดทของ Leo ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่า Jared Leto ที่เพิ่งก้าวสู่วัยเต็ม 51 ปีไปไม่นานมานี้กลับรอดพ้นจากการยัดเยียดข้อกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมหัวงู ทั้งๆที่มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอายุน้อยมาตลอด สาวสวยที่เขาควงในหน้าร้อนก็เป็นนางแบบวัย 25 เท่านั้น และยังมีผู้เชื่อว่า เพราะเขาสามารถรักษาความอ่อนเยาว์จนยากจะเชื่อว่าอายุเลยเลข 5 ไปแล้ว จึงถูกปล่อยผ่าน ไม่ถูกจับมาเป็น meme เรื่องรสนิยมกินเด็กเหมือนกับ Leo หนักไปกว่านั้น สื่อก็ยังเคยจุดประเด็นร้อนร้อนกล่าวหาว่าเขาชอบส่งข้อความจีบสาววัยทีนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาแล้ว แต่ Jared กลับไม่ถูกมองว่าเป็นดาราผู้อื้อฉาว


และเรื่องนี้เคยมีนักแสดงร่วมวงการออกมาแฉ แต่ก็ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตแต่อย่างใด มีเสียงโจษจันอยู่สักพัก แต่ก็ค่อยๆเงียบหายไป คนๆนั้นคือ Dylan Sprose หวานใจของ Barbara Palvin นั่นเอง

มีเสียงซุบซิบมายาวนานว่า   Jaredมีพฤติกรรมแบบ 'ล่าแต้ม'เด็กสาว    ย้อนไปเมื่อปี 2005 ที่เขามีอายุเพียง 33 ปี (และมีรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ราวกับหนุ่มวัย college)   The New York Post ได้ปล่อยข่าวว่า เขาใช้สถานะพระเอกดังและนักร้องนำวง  30 Seconds to Mars  ดึงดูดใจกรุ๊ปปี้สาวเอ๊าะวัยทีนให้มาร่วมชมการแสดงดนตรี  และมันเป็นเรื่องที่คนในรู้กันว่า

"นางแบบจากเอเจนซี่ดังอย่าง IMG, Elite, Next และ Women ต่างเข้ามาร่วมในโชว์ของเขา เขาจีบสาวๆเหล่านั้นทั้งหมดแหละ เขาเป็นประเภทชอบส่งข้อความ คอยส่งข้อความจีบเด็กสาวอายุ 16-17 มันก็ดูหลอนอยู่เหมือนกัน"

สื่อดังชี้ว่า Jared ที่อยู่วัยหนุ่มฉกรรจ์เคยนางแบบสาววัย 17 ไปดินเนอร์ร้านหรู แต่นั่นก็ไม่หนักเท่ากับ user ต่างๆที่แชร์ประสบการณ์ทาง Tumblr, Reddit  ว่า เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศกับพระเอก A List ผู้มีตอนยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือเคยเป็นประจักษ์พยานเห็นเหตุการณ์เมื่อเขาเข้าหาเด็กสาววัยทีน



อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องราวเหล่านี้ เพราะเห็นความเป็นไปได้ว่า มันอาจจะเป็นแต่เรื่องโกหกแบบ fan fiction ที่ไร้หลักฐานแตกต่างไปจากกรณีของ Adam Levine ที่ส่งข้อความเฟลิร์ตใส่สาวสวยทาง social media จนถูก capture มาแฉ และยังมองว่าเป็นเรื่องปกติของ rockstar สุด hot ที่แฟนๆที่คลั่งไคล้ติดตาม ทั้งยังเต็มใจพลีกายให้ตามที่เรามักเคยได้ยินเรื่องราวของศิลปิน rock กับกรุ๊ปปี้สาว

แต่เมื่อคนวงในอย่าง Dylan ออกมา call out ชาวเน็ทก็เริ่มฉุกคิดว่า ข่าวลือเรื่องพฤติกรรม predatory ของ Jared อาจจะมีมูลความจริงหรือไม่?
Dylan แดกดันถาม Jared แบบไร้การไว้หน้าว่า   คอยส่งข้อความหานางแบบสาวอายุ 18-25  แทบทุกคน แล้วมีอัตราจีบสำเร็จอยู่สักเท่าไร?   ซึ่งเมื่อย้อน Timeline ในโพสต์นี้ก็ตรงกับช่วงเริ่มต้นที่เขาเริ่มพูดคุยศึกษาดูใจกับ Barbara Palvin  และอาจจะเป็นไปได้ว่า  เขาได้รับข้อมูลแบบวงในสุดๆกับสาวในดวงใจ หรือไม่ก็เพื่อนฝูงในวงการ จนมั่นใจถึงหลักฐานจนออกมา call out หนักๆ  หนำซ้ำ ผู้กำกับดัง  James Gunn ก็ได้มารสุมเชื้อไฟข่าวลือด้วย  reply ว่า  ถ้าจีบสาวในโลกออนไลน์ เขาจะเลือกผู้หญิงวัยเริ่มต้นที่ 18 งั้นเหรอ?  (เพื่อบ่งบอกว่า Jared  เคยเข้าหาเด็กสาวที่อ่อนวัยกว่านั้นมาแล้ว)   และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยพูดถึงเรื่องแย่ๆของ Jared   ดูไม่น่า surprise นักที่เขาไม่ได้ดึง Jared ให้กลับมารับบท Joker ในหนัง Suicide Squad เมื่อปี 2021



ชาวเน็ทมี reaction ที่ขัดแย้งกันในเรื่องข่าวลือของ Jared ในขณะที่หลายคนมั่นใจว่าเขาถูกใส่ร้ายทำให้มีคนคิดว่าเรื่องที่ปั้นแต่งขึ้นในรูปแบบ fan fiction นั้นเป็นความจริง หากเขาได้ล่วงละเมิดเด็กสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก็คงไม่ได้เฉิดฉายเป็น superstar มาได้ยาวนานขนาดนี้ รวมถึงคนที่กล่าวหา Dylan ว่าอิจฉาความสำเร็จของ Jared ถึงขนาดยกเอาข่าวลือไร้มูลความจริงมาทำลายชื่อเสียงกัน

 แต่ก็ยังมีคนที่มอง Jared ในแง่ร้ายหนักถึงขั้นที่ตอนขึ้นเวทีมอบรางวัลให้กับศิลปินสาววัยทีน Olivia Rodrigo  และถ่ายรูปคู่กันอย่างชื่นมื่น ก็ยังมีคนเตือนเธอว่า ให้ระวังตัว ถอยห่างจากเขาก่อนจะสายไป


ชาวเน็ทวิจารณ์ลั่น  Doja Cat เสียลุคเพราะใช้ดาราวัยรุ่นเป็นตัวกลางจีบหนุ่ม

แฟนๆ Stranger Things ประกาศว่าตกหลุมรัก Eddie Monson จากการแสดงของ Joseph Quinn เป็นทิวแถว และศิลปินสาวสวยอย่าง Doja Cat ก็คือหนึ่งในนั้น เธอเคย Tweet แบบเพ้อๆถึงความมีเสน่ห์ของเขา และพยายามเสาะหาช่องทางเพื่อติดต่อพระเอกหนุ่มอังกกษตากลมแต่ก็ไม่ work จนกระทั่งปิ๊งไอเดียหาพ่อสื่อ เธอมีมิตรภาพที่ดีกับ Noah Schnapp หนึ่งในทีมนักแสดงนำ Stranger Things มาตั้งแต่ซีซันแรก และฝากฝังให้เขาบอกกล่าว Joseph ให้ติดต่อเธอกลับด้วย


แต่ Doja คงไม่คาดคิดว่า มันจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เพราะแม้ว่าเพื่อนวัย 17 จะยินดีส่งบัญชี social media ของเป้าหมายให้ แต่เขาก็ capture บทสนทนานี้มาประกาศผ่าน TikTok videoโลกได้รู้กันทั่ว!



ในขณะที่ Noah อาจจะมองว่า มันเป็นเรื่องเฮฮา แต่ Doja ดูจะเสียหน้าไม่น้อย เธอออกมา live เพื่อเปิดเผยความรู้สึกว่า พยายามใจเย็นกับเรื่องนี้ เพราะอีกฝ่ายยังเด็กมาก และคนวัยนี้ก็ทำผิดพลาดกันตลอดทั้งนั้น แต่เธอก็ฟาดหนักๆเพิ่มว่า การนำบทสนทนาส่วนตัวมาโพสต์ให้คนอื่นรับรู้นั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่เรียนรู้ถึงการเข้าสังคมและเพี้ยนพิลึก และแว้งกัดกันแบบงูเห่าพังพอน ซึ่งเธอไม่ได้มอง Noah ในมุมนี้เลย และได้ตักเตือนเขาไปแล้ว

ไม่หมดเท่านี้ Doja วิจารณ์ว่า นี่เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นดูแคลนและเอาเปรียบกัน  มันได้สร้างความอับอายอย่างใหญ่หลวง   มันไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครๆทำกัน ทำให้เธอต้องผิดหวังและคาใจว่าสิ่งใดที่จูงใจ  Noah ทำลงไปได้  และเธอรู้สึกว่ามันมาจากอีโก้


นี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราหลายคนอยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และแม้ Noah จะเคลียร์ใจกับ Doja และขอโทษขอโพยกันเรียบร้อย แต่ก็มีการคาดเดาไว้ว่า Joseph อาจจะไม่สานต่อไมตรีของแร็พเพอร์สาวท่ามกลางสายตาที่จ้องจับผิดเพราะดราม่าเรื่องนี้

แต่ไม่ใช่ว่าชาวเน็ทจะเห็นใจ Doja กันอย่างพร้อมเพรียง เพราะมีคนให้ความเห็นโจมตีเธอคล้ายๆกันว่า เธอเลือกจะขอความช่วยเหลือจากเด็กวัยทีนเอง จะคาดหวังความมีวุฒิภาวะหรือตรรกะเหมือนกับคนเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไร? และยังมีคนไม่พอใจที่ Doja เปรียบเทียบพฤติกรรมของ Noah ว่าลอบกัดเหมือนงูและอีกหลายสิ่งแย่ๆ ทั้งๆที่เธอออกตัวมาตั้งแต่ต้นว่าพยายามใจเย็นกับเรื่องนี้เพราะเขายังอายุน้อย แต่กลับ call out แบบชุดใหญ่ ขนาดว่าที่ติเตียนกันอย่างส่วนตัวไปแล้ว Noah อาจจะไม่ได้ทำเรื่องเหมาะสม แต่เธอก็เปิดเผยให้ใครๆได้รู้มาก่อนแล้วว่าปลาบปลื้ม Joseph ถึงจะรู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมืองว่าเธอได้ใช้ข้อได้เปรียบจากมิตรภาพกับ Noah มาเป็นสะพานเชื่อมต่อความสัมพันธ์กับหนุ่มน่ารักโดนใจ แต่มันก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องน่าละอาย หรือต้องแสดงท่าทีเหมือนเสียศักดิ์ศรีปานนั้น

ดราม่านี้ค่อยๆเงียบหายไป  แต่สิ่งที่อาจจะค้างคาใจแฟนๆ  Stranger Things อยู่  ก็คงตรงกับคำถามของ Doja ใน DMs นั้น    Joseph มีเจ้าของหัวใจรึยังนะ?!


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE