จับตามองนางเอก Gen Z ที่ก้าวสู่ทำเนียบA List

37 13
จะสิ้นปี  2022 อีกไม่กี่วันมานี้  เทศกาลงานประกาศรางวัลต่างๆที่เริ่มใกล้เข้ามาได้เปิดเผยรายชื่อนักแสดงผู้ได้รับการนำเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลการันตีความสามารถ  และน่าจะพูดได้เต็มปากว่า  ดาวรุ่งพุ่งแรงที่ยังอยู่ในช่วงวัย zoomers  หรือ Gen Z   ผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญของดาว Hollywood เจ้าบทบาท    

มาติดตามเส้นทางสู่ความเป็น A List ของพวกเค้าได้เลยค่ะ


* รู้ได้เช่นไรว่าเป็น Gen Z?

Wikipedia สรุปว่า สื่อและนักวิจัยได้ระบุว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่เกิดช่วงกลางถึงปลายยุค 90s ไปจนถึงต้นยุค 2010s
The Pew Research Center ระบุตรงตัวว่า เป็นผู้ที่เกิดหลังปี 1996 - ปี 2012
ส่วนเว็บดิคชันนารี่ Merriam- Webster ให้คำนิยามว่า เป็นผู้ที่เกิดในช่วงปลาย 1990s จนถึงต้น 2000s

ดังนั้น นักแสดงดังบางคนในที่นี้จึงอยู่ในกลุ่มคาบเกี่ยวของ  Millennials และ Gen Z 




Millie Bobby Brown


อายุ  18 ปี

ผลงานสร้างชื่อ   The Stranger Things

เข้าชิงรางวัล  นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Emmy สองปีซ้อน ( 2017-2018)  และยังคว้ารางวัลจาก Teen Choice Awards, MTV Movie & TV Awards, Nickelodeon Kids' Choice Awards และอีกหลายรางวัล




Millie Bobby Brown อาจจะถูกเปรียบเทียบว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งวงการ Hollywood ที่ผู้คนมากมายตกหลุมรัก บท Eleven แห่ง Stranger Things ที่ได้นำชื่อเสียงและแรงสนับสนุนจากฐานแฟนคลับอันแข็งแกร่งทำชื่อของเธอพุ่งสู่ทำเนียบนางเอกดาวรุ่งตั้งแต่ยังมีวัยเพียง 13 ปี แต่หนึ่งในความท้าทายโหดหินที่ดาราเด็กทุกคนจะต้องเผชิญนั่นคือการก้าวจากกรอบความสำเร็จของผลงานแจ้งเกิด แม้จะได้รับความนิยมจนได้รับความคาดหวังว่าจะกลายเป็นนักแสดงอนาคตไกล แต่ช่วงเวลาแห่งความ peak ของบทบาทที่สร้างชื่อกระฉ่อนจะไม่คงอยู่อย่างถาวร ดาราเด็กเหล่านั้นต่างต้องฟันฝ่าอุปสรรคของความยึดติดภาพเดิมๆของผู้ชม เมื่อพวกเค้าเริ่มเติบโตจนมีรูปลักษณ์และบุคลิกที่ห่างไกลจากบทวัยเด็กใสกิ๊งที่เป็น signature ดังที่ปรากฏว่า อดีตดาราเด็กจำนวนไม่น้อยได้เงียบกริบจากกระแส จนดูเหมือนว่าผู้คนหลงลืมไปแล้วว่าพวกเค้าเคยสร้างความฮือฮาได้มากแค่ไหน แม้จะยังวนเวียนรับงานแสดงใน Hollywood แต่ก็ยังห่างไกลจากความนิยมในระดับปรากฏการณ์เมือครั้งยังเป็นวัยใส

และสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับ Millie ...



ไม่เพียงแต่บทนำ  Stranger Things จะทำให้เธอกลายมาเป็นนางเอกวัยทีนที่เนื้อหอมสุดๆใน Hollywood    การเข้าชิงรางวัลชั้นนำเบียดกับนางเอกที่มีประสบการณ์ในวงการเป็นสิบๆปียิ่งการันตีฝีมือทางการแสดงทีดึงดูดใจนักสร้างหนัง  โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่าง  Netflix ที่จองตัวเธอยาวเหยียดตั้งแต่เป็นเด็กหญิงจนกลายมาเป็นสาวสะพรั่งวัย 18    นอกจากหนัง  Enola Holmes ที่คว้าเรตติ้งสวยๆ ทั้งสองภาค เธอยังได้รับการทาบทามให้มารับบทนำในโพรเจคท์ใหญ่   ทั้งบทเจ้าหญิง Elodie แห่งหนังแฟนตาซี  Damsel   และ Michelle แห่ง หนังไซไฟ The Electric State    เมื่อมองทุนสร้างและทีมนักแสดง  A List ที่ร่วมประชันบทบาทกันก็ยืนยันได้เลยว่า เส้นทางสู่ดวงดาวของ Millie ยังห่างไกลกับคำว่าแผ่ว

แต่ชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามา ก็ไม่ได้มีแต่พลังงานด้านบวก...

"คุณจะเป็น Millie Bobby Brown ได้ยังไงงั้นเหรอ?  ก็ตื่นขึ้นมา คว้ากาแฟมาดื่ม ไปทำงานอย่างน้อย 14 ชั่วโมงต่อวัน นี่คือวิธีที่คุณจะเป็นเหมือนฉันได้นะ ขอให้โชคดีแล้วกัน" เธอเคยตอบคำถามของชาวเน็ทที่ปรากฏขึ้นมาจากการพิมพ์คำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุดใน google   แต่ที่จริง เธอเป็นหนึ่งในคนดังที่ออกมาต่อสู้กับ online bullying  และ sexualisation ที่ไม่เหมาะสม (การถูกมองหรือตีค่าทางเพศแม้จะอยู่ในวัยผู้เยาว์) และเมื่อถูกรุมเร้าด้วยคำพูดรุนแรงที่เกิดจากความเกลียดชัง เธอจึงต้องได้รับการบำบัดเพื่อเยี่ยวยาจิตใจ และตั้งนโยบายเคร่งครัดว่า จะไม่ใช้social media  app ผ่านโทรศัพท์ และมอบหมายให้ผู้ที่วางใจได้เป็นผู้ดูแลบัญชีของเธอแทน


หนึ่งในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของเธอคงหนีไม่พ้นตอนที่ถูกอดีตแฟนหนุ่มออกมาแฉเรื่องความสัมพันธ์ หนักกว่านั้นยังบอกใบ้เรื่องใต้สะดือจนชาวเน็ทวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึง

"ปีที่ผ่านเป็นช่วงเวลาแห่งการเยียวยาตัวเองจากการถูกประจานให้อับอายต่อสาธารณชนแบบนั้น  ฉันรู้สึกระส่ำระสายและสิ้นท่าไปหมด เมื่อได้ก้าวออกจากความสัมพันธ์เก่าและรับรู้ถึงคุณค่าของตัวเองและรู้ว่าคนๆนั้นจะไม่สามารถพรากสิ่งใดไปจากฉันได้  มันได้เรียกพลังใจได้มากมาย  ฉันได้รู้สึกว่า ในที่สุดชีวิตของฉันก็พบกับจุดเปลี่ยนและฉันก็ได้ปิดฉากบทชีวิตที่มันยาวนานเกินทนไปได้เสียที"

"ถึงที่สุดแล้ว สิ่งที่ฉันปรารถนาจากการทำอาชีพนักแสดงก็คือช่วยเหลือกลุ่มคนหนุ่มสาว เพื่อชี้ให้พวกเค้าได้รับรู้ว่า ฉันได้ผ่านเรื่องราวย่ำแย่มาเช่นกัน  และฉันไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบที่ทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวออกขายและแสดงซีรีส์ Stranger Things   ฉันเคยตัดสินใจผิดพลาดไปอย่างมหันต์ได้เช่นเดียวกัน"





นอกจากความ toxic  ของโลกออนไลน์   หลายคนน่าจะได้พบกับเสียงวิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของเธอว่าดูอายุมากเกินวัยมาแล้วหลายครั้ง  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่  fashionable บนพรมแดง หรือภาพจาก  social media     และผู้ที่ปรามาสเธอด้วยเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแต่ชาวเน็ท   แต่เป็นฝ่าย casting  ที่เคยทำให้เธอต้องหลั่งน้ำตา  

"ฉันรู้ตัวอยู่เสมอว่าดูโตกว่าวัย และมันเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้ ตอนที่ฉันได้เล่าว่า ตัวตนที่ฉันเป็นทำให้เกิดความหงอยเหงาโดดเดี่ยว และรู้สึกว่า เด็กคนอื่นๆที่โรงเรียนไม่เหมือนกับฉันสักเท่าไรและไม่มีใครดูโตแบบนี้  เมื่อได้ยินมันก็ทำใจลำบาก เพราะฉันเคยคิดว่า การเป็นผู้ใหญ่นั้นเป็นเรื่องดีเสียอีก"

"จากนั้นก็มีคนบอกว่า มันไม่ใช่ข้อดีอะไรเลย และมันทำให้ฉันไปไม่ถึงไหนในวงการบันเทิง คำพูดนี้ทำให้เจ็บปวดมาก และฉันเศร้าหนักไปเลยค่ะ"


แม้จะหมดกำลังใจกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเธอชักจูงให้ส่งเทปออดิชั่นบทเป็นครั้งสุดท้าย และบทนั้นก็คือ Eleven แห่ง Stranger Things ที่พลิกชีวิตของเธอนั่นเอง!


ใครว่าดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัยแล้วเป็นเรื่องแย่ไปหมด?

Sydney Sweeney


อายุ 25
ผลงานสร้างชื่อ
Euphoria
เข้าชิงรางวัล 
Emmy จาก  Euphoria และ  The White  Lotus  พร้อมกันสองสาขาในปีเดียวกัน

เราเคยได้ยินเสียงวิจารณ์ว่า  บทบาทที่ร้อนแรงของ  Sydney Sweeney ทำให้เธอเป็นจุดขายสำคัญของซีรีส์  Euphoria  และทำให้เธอได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ชมเพศชาย หลายคนโฟกัสกับฉากโป๊เปลือยจนละเลยการให้เครดิตเรื่องฝีมือการแสดงที่โดดเด่นจนได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัล Emmy     แต่เธอยืนยันว่า  เรือนร่างที่เย้ายวนใจไม่ได้เป็นเครื่องตีคุณค่าอาชีพการงานของเธอในวงการแสดง   และนั่นทำให้เรานึกถึง Scarlett   Johansson  ขึ้นมาทันที

เธอชี้ว่า การเข้าถึงบท Cassie นั้นเป็นเรื่องท้าทาย การขายความเซ็กซี่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายในการสร้างชื่อในฐานะนักแสดง

"ฉันย้อมผมเป็นสีบลอนด์และแต่งตัวสวยเริ่ดเพื่อถ่ายแบบ ผู้คนคิดกันไปว่านั่นตรงกับตัวตนของฉัน  ฉันพยายามอย่างหนักที่จะเปลี่ยนแปลงภาพพจน์ของตัวเอง  โดยเฉพาะช่วงที่ยังเรียนมัธยม"

"ฉันมีหน้าอกก่อนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ และมันทำให้ฉันรู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับ ฉันอับอายและไม่อยากจะเปลี่ยนเสื้อในห้องล็อกเกอร์ ฉันว่าได้สร้างภาพลักษณ์แปลกๆให้คนอื่นได้เห็นเพราะร่างกายของฉัน ฉันเล่นกีฬาทุกประเภทและท่มุเทเรียนอย่างหนัก และทำกิจกรรมทุกอย่างที่คนอื่นไม่คาดคิดว่าฉันจะทำ มันเป็ยการพิสูจน์ว่า เรื่อนร่างนี้ไม่ได้กำหนดตัวตนที่แท้จริงของฉัน ตอนนี้ฉันก็ยังทำมันอยู่นะคะ แต่เป็นการยกระดับขึ้นมาเป็นระดับโลก"




บทสาวแซ่บทรงโตแห่ง Euphoria อาจจะทำให้เธอขึ้นแท่นนางเอกสุด hot ของวงการตั้งแต่ยังอายุยี่สิบเศษๆ   แต่บทสนับสนุนจาก The Whie Lotus  ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์และยังทำให้เข้าชิงรางวัล Emmy เช่นเดียวกันนั้นก็ได้พิสูจน์แล้วว่า  เธอไม่ได้ปังจากบทเซ็กซี่เท่านั้น

"ฉันภูมิใจกับผลงานใน Euphoria มาก ฉันคิดว่าแสดงไว้อย่างดีเยี่ยม แต่ไม่มีใครให้เครดิตชื่นชมเรื่องการแสดงของฉันเพราะต้องเล่นบทเปลือย แต่พอเป็นบทในThe Whie Lotus นักวิจารณ์กลับสนอกสนใจขึ้นมาทันทีซะงั้น"



อย่างไรก็ตาม การถูกตีตราจากการเข้าฉาก nude รวมถึงประสบการณ์ก่อนจะสร้างชื่อเสียงโด่งดังที่ยังไม่สามารถต่อรองเรื่องดีกรีความโป๊เปลือยกับนักสร้างหนังได้ก็ทำให้เธอต้องรู้สึกย่ำแย่   ชาวเน็ทคุกคามเธอถึงขั้นที่ tag  เรียกครอบครัวของเธอมาชมภาพเปลือยในฉากหนังที่ capture มา  และเย้ยหยันเธอว่าประสบความสำเร็จจากการขาย sex   มันทำให้ Sydney ระบายความขุ่นข้องหมองใจจากเรื่องสองมาตรฐานไว้ว่า

"มีนักแสดงชายที่ถ่ายฉาก nude  แล้วคว้ารางวัล Oscar และได้รับคำชมเรื่องการแสดงเยอะจนสามารถร่ายรายชื่อยาวติดต่อกันได้เป็นชั่วโมง  แต่พอนักแสดงหญิงถ่าย nude บ้าง มันกลับเป็นสิ่งที่บั่นทอนคุณค่าของพวกเธอ  สองมาตรฐานกันถึงขนาดนั้น และฉันหวังว่าตัวเองจะเป็นส่วนเล็กๆที่สร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาได้"


ผลงานฟอร์มยักษ์เรื่องต่อไปของSydney คือ Madame Web ที่อยู่ในจักรวาลเดียวกับ Spider-Man ของ Sony







Jenna Ortega

อายุ 20

ผลงานสร้างชื่อ Wednesday

เข้าชิงรางวัล   นักแสดงหญิงนำยอดเยี่ยมสาขาซีรีส์คอเมดี้และมิวสิคคัล Golden Globe ปี 2023

แรงจนฉุดไม่อยู่   Wednesday เพิ่งจะออนแอร์ใน Netflix กวาดชั่วโมงชมเป็นพันล้านในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน    นางเอกสาวละติน่าก็กลายมาเป็นหนึ่งในตัวเก็งที่จะเป็นผู้คว้ารางวัลสาขานักแสดงนำหญิงจากซีรีส์คอเมดี้แห่ง Golden Globes ไปซะแล้ว  และที่ผ่านมา มีนักแสดง Gen Z  เพียงน้อยคนที่เอื้อมถึงรางวัลนี้  
เมื่อไล่เรียงผลงานหนังเลือดสาดเขย่าขวัญหลายเรื่องติดต่อกันทำให้สื่อบางเจ้ายกให้  Jenna เป็น IT girl  แห่งวงการ  Horror    แต่แม้จะมีประสบการณ์ในวงการ Hollywood มาตั้งแต่เป็นเด็กหญิง และยังยืนยันว่า ตัวตนในโลกแห่งความจริงก็ถูกยกจับไปเปรียบเทียบกับ Wednesday มาโดยตลอด   แต่กำแพงบททดสอบที่เธอจะต้องฟันฝ่าคือการนำเสนอภาพของ Wednesday ตัวละครสุด iconic ที่แฟนๆยึดติดจากการแสดงของ Christina Ricci  ในหนังยุค 90s  และหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะถูกเปรียบเทียบว่า เวอร์ชั่นใดที่สร้างความประทับใจได้มากกว่า? และสำหรับเธอ มันคือผลงานที่ไร้ที่ติ เล่นเอาเธอถูกข่มขวัญไปเต็มๆ เจ้าตัวได้ออกปากถึงความกังวลใจไว้ว่า

" ความโหยหาถึงอดีตช่างเป็นสิ่งที่ทรงพลัง และมันเป็นเหตุผลที่หนัง super hero และ horrorได้สร้างความน่าเชื่อถือและยังได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบันนี้"

แต่มันเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เธอได้พิสูจน์ตัวเองเพื่อสร้างสรรค์ Wednesday ในแบบของเธอเองขึ้นมา และการทุ่มเททำงานสร้างสรรค์ก็นำสู่ผลงาน iconic ในที่สุด (รอคอยซีซันต่อไปกันไมไ่หวแล้ว!)



"ฉันได้เห็นคนในวัยเดียวกันสร้างชื่อในอุตสาหกรรมบันเทิง   ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เพื่อเขียนบท กำกับ และโพรดิวซ์กันในวัยที่อ่อนกว่าเดิม  ฉันเชื่อว่ามันช่วยเพิ่มขีดความสามารถและมีความสำคัญ เพราะทุกวันนี้ ส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวการแสดงออกของเด็กวัยรุ่นมักจะถูกชายผิวขาวที่เป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ตีความนำเสนอ"

"ยิ่งมีเด็กรุ่นใหม่ได้ออกมาเป็นปากเป็นเสียงมากเท่าไร  ก็ทำให้พวกเราได้ตระหนักว่า เหล่าเด็กสาววัยรุ่นสามารถไปได้ไกลกว่าการถูกเหมารวมแบบแย่ๆ " 


ฟังดูแล้วทรงพลังคล้ายกับ Wednesday จริงๆ



Zendaya


อายุ
26 ปี ( คาบเกี่ยว Millennials และ Gen Z )

ผลงานสร้างชื่อ   
Euphoria, Spider-man


ได้รับรางวัล   นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งซีรีส์ดราม่าในปี  2020 (เป็นผู้ชนะที่อายุน้อยที่สุดของเวทีนี้)    และสองปีต่อมาก็ได้รับรางวัลเดียวกัน    ล่าสุด ติดอยู่ในโผตัวเก็งที่มีสิทธิ์คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งซีรีส์ดราม่า Golden Globe


วันเวลาที่ผ่านไปเร็วจนแทบZendaya ได้ครองภาพลักษณ์สาววัยทีนมาติดต่อกันถึง 12 ปี นับตั้งแต่ที่เธอแจ้งเกิดในวงการในฐานะเด็กปั้นของค่าย Disney แม้ตอนนี้เธออยู่ในวัย young adult แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนวัยและการรับบทสาวมัธยมจากผลงานหลายเรื่องติดต่อกัน ก็ยังทำให้หลายคนยังรู้สึกว่าเธอเหมือนกับเป็นน้องสาววัยใสอยู่ไม่เปลี่ยน แม้แต่ตอนที่รับบทที่มีฉากหวิวก็ยังมีแฟนๆออกมาประท้วงว่ารับไม่ได้ แม้ในตอนนั้นเธอจะอายุ 24 แล้ว แต่หลังจากตัดสินใจรับบทนำใน Euphoria  มันก็ได้เปลี่ยนแปลงภาพเธอจากไอดอลสาวแสนสดใสแห่ง Disney Channel ไปอย่างสิ้นเชิง
ซีรีส์ดังที่ได้ตีแผ่ปัญหาความสัมพันธ์สุด toxic, ความรุนแรง, เพศ และยาเสพติดในสังคมวัยรุ่นจากย่านชานเมืองได้ทำให้ทีมนักแสดง Gen Z ได้แจ้งเกิดอย่างสวยงามในวงการ  แต่สำหรับ Zendaya นี่คือผลงานที่ทำให้เธอก้าวเข้าสู่ทำเนียบนางเอก A List  อย่างเต็มภาคภูมิ  ไม่เพียงแต่การแสดงทรงหลังจะทำให้คว้า  Emmy  มาถึงสองตัว  เธอยังมีโอกาสชิงชัยใน  Golden Globes ที่จะประกาศผลตัดสินกันเร็วๆนี้  


หากมองกันแต่ภายนอก   คุณอาจจะพบว่า  เพื่อจะสวมบท  Rue ได้อย่างสมจริง  Zendaya ต้องสลัดลุคสวยเริ่ดออกไปแล้วเผยด้านที่ดูโทรมผิดหูผิดตา    แต่สิ่งที่ทำให้แฟนๆกล่าวขวัญ คือฝีมือการแสดงที่พวกเราอาจจะไม่เคยสัมผัสกันมาก่อน  ห่อนหน้านี้ หลายคนอาจจะจินตนาการไม่ถูกว่า Zendaya จะกลายมาเป็นนางเอกดังจากบทเด็กสาวที่จมดิ่งกับปัญหาในจิตใจจนหันมาใช้ยาเสพติดร้ายแรงเป็นที่พึ่งพิง 
หลายตัวละครใน Euphoria คือคำนิยามของคำว่าเหลวแหลกและแรงจนต้องจัดเรท Mature Audience Only    แต่ชื่อของ Zendaya ได้พุ่งฉลุยสู่โผผู้เข้าชิงรางวัลใหญ่ด้วยบท Rue เด็กสาวที่พยายามใช้ชีวิตต่อหลังจากเกือบตายเพราะเสพยาเกินขนาด ทั้งๆที่ครอบครัวพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยความรักและห่วงใย เธอกลับไม่สามารถถอนตัวจากสิ่งที่เป็นภัยต่อตัวเองและยิ่งถลำลึกไปสู่ความมืดมน  

"เธอต้องอยู่ท่ามกลางโรคภัยแห่งความเสื่อมสลายและความพยายามที่จะจัดการชีวิตให้เข้ารูปเข้ารอย และเธอกลับพบว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอไม่สามารถควบคุมอารมณ์ ร่างกาย และเธอกำลังเจ็บปวดทรมานอย่างหนัก  และฉันคิดว่าเราอยากจะทำให้คนเห็นความเจ็บปวดจนถึงแก่น  และยังมีความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับคนที่จำเป็นต้องให้ความรักกับผู้ที่ประสบปัญหาติดยาเสพติด"


หลายคนออกอาการสะพรึงกับฉากที่เธออยากยาขาดสติจนพุ่งเข้าไปโจมตีครอบครัวอันเป็นที่รัก(Zendaya ทุ่มสุดตัวกับฉากสุดช็อคนี้ เพื่อเผยถึงด้านป่านเถื่อนรุนแรง เธอเจ็บตัวจนมีรอยแผลเป็น) แต่แม้ว่าจะการได้ติดตามภาพของเด็กสาววัยรุ่นที่กำลังแตกสลายจะสร้างความสะเทือนใจ เพราะไม่เพียงแต่เธอกำลังทำลายชีวิตตัวเอง แต่ยังทำลายคนรอบข้างให้พังย่อยยับตามไปด้วย แฟนๆจำนวนมากต่างชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่า การแสดงของ Zendaya ได้ชี้ให้ตระหนักถึงพิษร้ายของยาเสพติดและส่งสารให้สังคมได้ร่วมแก้ไขปัญหานี้

"นิสัยที่คอยเห็นอกเห็นใจผู้อื่นคือเหตุผลที่ฉันเลือกเป็นนักแสดง หลายครั้งฉันได้แบกรับความเจ็บปวด ความเครียด ความหวาดกลัวและความวิตกกังวลจากคนอื่นราวกับว่าเป็นความรู้สึกของฉันเอง ฉันมองว่า การแสดงฉากนี้ทำให้ปลดปล่อยความรู้สึกภายในใจให้พร่างพรู  ฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้ทำงานในพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยและสบายใจ และได้ร่วมงานกับนักแสดงที่ฉันสนิทสนม ทุกครั้งที่บอก take  เราจะกอดกันและพูดคุยถึงประเด็นนี้ เราคอยห่วงใยและเช็คกันเสมอ นั่นเป็นเพราะว่าการแสดงฉากนี้เหมือนกับอยู่ในสนามรบเลยค่ะ"




Anya Taylor Joy


อายุ 26 ปี ( คาบเกี่ยว Millennials และ Gen Z )

ผลงานสร้างชื่อ
The Queen's Gambit

ได้รับรางวัล  นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมทั้งจากเวที Golden Globes และ SAG Awards    และสำหรับ Golden Globesปี 2023  เธอก็ยังได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหนังคอเมดี้หรือมิวสิคคัลอีกด้วย


Anya อาจจะไม่ได้มีได้แจ้งเกิดในวงการด้วยบทบาทTeen Queen แต่ได้เริ่มต้นผลงานจอเงินเรื่องแรกในชีวิตด้วยบทนางเอก The Witch หนังสยองจากยุคศตวรรษที่ 17 ก็เผยความสามารถที่เปล่งประกายจนคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมและนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากการประกวดผลงานหนัง independent หลายเวที จะมีนักแสดงสักกี่คนที่ปังตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรก?

หากนับกันจริงๆ การเดบิวท์งานแสดงของเธอคือบทตัวประกอบในหนัง Vampire Academy ที่ไร้ความสำคัญ และเป็นฉากที่ถูกตัดออกไปจนไม่ได้มีชื่อในเครดิตนักแสดงด้วยซ้ำ ปีต่อมาเธอก็สอยบทนางเอก The Witch จนเป็นประตูสู่ Hollywood และเธอก็ได้ฝากคำพูดถึงตัวเองที่ยังเป็นนางเอกวัยทีนโนเนมว่า


"ในวันข้างหน้าเธอจะชอบในสิ่งที่ทำซะยิ่งกว่าเดี๋ยวนี้ซะอีก  ดังนั้นจงพยายามต่อไปนะ"



มาถึงปี 2020 เธอได้ตอกย้ำว่า การเปิดตัวใน Hollywood อย่างสวยงามนั้นไม่ใช่เรื่อง fluke เพราะบท Emma ผู้ดีสาวจอมจุ้นจับคู่ให้คนอื่นที่สร้างจากบทประพันธ์ของ Jane Austen ได้ทำให้เธอเข้าชิง Golden Globes เป็นครั้งแรก และหากได้ติดตามผลงานของเธอมาก่อนก็น่าจะทำนายกันได้เลยว่า นี่ไม่ใช่การเข้าชิงรางวัลครั้งสุดท้ายแน่ๆ

Emma อาจจะไม่ทำให้เธอคว้ารางวัล Golden Globes ในปี 2020 แต่เป็น The Queen's Gambit หนึ่งในซีรีส์ดราม่า Netflix ที่สร้างความตรึงตราใจให้กับแฟนๆ และหลายคนต่างเฝ้าจับตามองผลงานใหม่ของเธอ


ในปีนี้ เธอมาพร้อมกับ The Menu  หนังตลกร้ายที่ได้รับเสียงอวยจากนักวิจารณ์หนัง และเข้าเป็นส่วนหนึ่งของนักแสดงล่ารางวัลอีกครั้ง     ดูเหมือนว่า Golden Globes ตัวที่ 2  อาจจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

รูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดด้วยดวงตากลมโต ผมบลอนด์และผิวพรรณที่เรียบเนียนราวกับกระเบื้องที่ดูอ่อนเยาว์นั้นอาจจะทำให้คุณสงสัยว่า เหตุใด เธอจึงไม่รับบทในหนังหรือซีรีส์วัยทีนบ้าง? แม้สวมบท Beth Harmon วัย 15 ใน The Queen's Gambit จนคว้าใจผู้ชม แต่ก็ซีรีส์เรื่องนี้ได้นำเสนอวิวัฒนาการของเด็กสาวอัจฉริยะจนเติบโตสู่วัย young adult ที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าวัย  ซึ่งเธอได้ให้เหตุผลว่า เธอหลงรักบทที่แตกต่างหลากหลายจากหนังเรื่องต่างๆ และมันไม่จำเป็นต้องใกล้เคียงกับตัวตนของเธอ

"ผู้คนมักจะตีกรอบให้กับคนอื่น และฉันก็พูดเสมอว่า ฉันจะยืนอยู่เหนือกรอบนั้น เพราะงานของฉันคือการเปลี่ยนโฉมให้ได้ราวกับกิ้งก่าและเป็นมนุษย์กลายร่าง"



Anya ไม่ได้ตีตัวออกห่างจากการแสดงหนังฟอร์มยักษ์ ข่าวที่สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆคือ การสอยบทนำ Furiosa ผลงานน้องใหม่ในตระกูล Mad Max จากการสร้างของผู้กำกับชื่อดัง George Miller  แม้ยังจะไม่มีภาพอย่างเป็นทางการออกมาชัดๆว่า Anya จะนำเสนอบทบาทที่เคยสร้างชื่อให้กับ Charlize Theron ใน Fury Road เมื่อ 7 ปีก่อนในรูปแบบใด แต่บอกได้เลยว่านี่เป็น project ระดับงานช้าง มีค่าใช้จ่าย production ที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การสร้างหนังใน Australia ส่วนนักแสดงดังที่ประกบคู่กันคือ Chris Hemsworth ที่ถือเป็นพระเอก action ระดับแม่เหล็ก แต่ชื่อหนังก็บอกชัดๆว่าโฟกัสที่ Furiosa (ในวัยสาว) และฟันธงได้เลยว่าต้องยืนหนึ่งเรื่องความ bad-ass และต้องรอถึงปี 2024 กว่าจะได้พิสูจน์กันว่างานดีแค่ไหน
 
"กว่าที่ฉันจะปรับสมองทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็น่าจะใช้เวลาสองปีพอดีกับที่หนังเข้าโรง มันการถ่ายทำหนังที่ยาวเหยียดที่สุดที่ฉันเคยทำมาและเปลี่ยนชีวิตฉันไปเลยค่ะ"


 The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE