เจาะลึกเบื้องหลัง The Revenge Dress ของคนดัง

36 14
ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ผู้หญิงสวยสะดุดตาดูแปลกใหม่ไปจากเดิมจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเธอก้าวออกจากความสัมพันธ์ที่แสนเจ็บปวด แล้วได้ก้าวเข้าสู่ความรู้สึกแบบ'เกิดใหม่'  หรือ 'ผลิบาน' จนใครๆก็ต่างสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง   ความรู้สึกมาดมั่นจากอิสระนี้อาจจะถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบ  revenge  dress   ซึ่งถ้าให้ถอดความหมายกันจริงๆแล้ว fashion สวยเริ่ดนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้แก้แค้นคนบางคนที่เคยทำให้ใจสลาย  แต่เป็นการพิสูจน์ชัดๆว่า  พวกเธอไม่ต้องคอยทุกข์ใจกับความรักแบบเดิมๆอีกต่อไป   ถึงจะยุติความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทิ้งหรือฝ่ายถูกทิ้ง ก็ไม่ได้จมดิ่งกับอดีตที่จามหลอกหลอน  แต่เริ่มต้นใหม่อย่างไฉไล

revenge dress  ของคนดังที่ใครๆพูดถึงจะเป็นเช่นใดบ้างนั้น  มาติดตามกับเราได้เลยค่ะ

Revenge Dress  โลกไม่ลืม


ในก้าวเริ่มต้นสู่ราชวงศ์ Windsor เจ้าหญิง Diana ได้ปลุกความสนใจจากสาธารณชนด้วยภาพลักษณ์ของเลดี้จากตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่ซื่อใสดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาจนมีผู้ตั้งฉายาให้ว่า " Di สาวขี้อาย" แต่ประสบการณ์ได้หล่อหลอมให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองในหลายแง่มุม เธอกลายมาเป็นเชื้อพระวงศ์ที่มีความโดดเด่นเรื่องงานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จิตใจที่อ่อนโยนและเปิดกว้างต่อกลุ่มชนชายขอบนั้นทำให้เธอถูกวิจารณ์ว่าเป็นแกะดำของราชวงศ์ เพราะแทนที่จะคงรักษาภาพลักษณ์อันสูงส่งยากจะเอื้อมถึง เธอกลับสร้างกระแสความคลั่งไคล้ไม่ต่างจาก celebrity เธอสนิทสนมกับ superstar ทำงานการกุศลช่วยเหลือผู้ติดเชื้อ HIV และเป็นพันธมิตรกับชาวเพศทางเลือก
จากสาวขี้อายกลายมาเป็นเจ้าหญิงแห่งปวงชน เธอเป็น trendsetter ที่ทำให้ผู้คนรำลึกถึงจนถึงทุกวันนี้ แต่ลุคที่ทำให้มีการตีความสิ่งที่อยู่เบื้องหลังก็คงหนีไม่พ้น Revenge dress นี่เอง!

หนึ่งใน moment แห่งความทรงจำของเจ้าหญิง Diana ก็คือภาพที่เธอสวมใส่ little black dress เปิดไหล่ที่คว้านด้านลึกให้เห็นสัดส่วนรำไร  นี่อาจจะไม่ใช่การเปิดเผยเรือนร่างแบบจัดเต็มเหมือนกับเทรนด์ the naked dress ของชาว Hollywood   แต่หากนึกถึงธรรมเนียมของเชื้อพระวงศ์ที่ยังให้ความสำคัญกับแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยม   ภาพของเจ้าหญิงที่เปล่งประกายความมั่นใจเต็มร้อยทุกย่างก้าวในชุดสั้นเหนือเข่านี้ดูไม่ต่างจากการ 'เอาคืน'  ด้วยการประกาศถึงอิสรภาพที่ไม่ต้องจำนนกับธรรมเนียมชาววังที่เคร่งครัดอีกต่อไป    




แทบไม่ต้องเดาเลยว่า ซีรีส์ The Crown นำความ iconic ของชุดมาถ่ายทอกเผื่อบอกเล่าตัวตนของเจ้าหญิง Diana หลายคนเรียกชุดนี้ว่า Revenge dress เพราะมันเป็นชุดที่เจ้าหญิงเลือกใส่ในช่วงค่ำคืนเดียวกับตอนที่สวามีประกาศยอมรับเรื่องความสัมพันธ์ผิดศีลธรรมกับ Camilla หากถามว่า LBD ตัวนี้ทรงพลังมากแค่ไหน? มันก็เปรียบเหมือนกับ statement ที่ไม่ต้องอาศัยคำพูดใดๆ แต่ทำให้ผู้คนรับรู้ว่า แทนที่จะเก็บตัวด้วยความอับอายอยู่ลับหลัง แต่เจ้าหญิงได้ก้าวข้ามปัญหาชีวิตคู่ที่หนักหนาสาหัส และออกงานด้วยลุคที่สวยสะกดใจ ไม่ปล่อยให้เรื่องราวฉาวโฉ่ฉุดรั้งลงสู่ความทุกข์ระทม แล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยความเลิศเลอจนน่าอิจฉา





มีรายงานว่า เจ้าหญิงซื้อเก็บLBD จากแบรนด์ Christina Stambolian ไว้ถึงสามปีโดยไม่หยิบออกจากตู้มาใส่ออกงานเพราะเชื่อว่า นี่เป็นลุคที่เปิดเผยท้าทายสายตาเกินไป และเธอเลือกชุดนี้มาใส่พบปะกับแขกเหรื่อในงานกาล่าจากการตัดสินใจนาทีสุดท้าย สไตลิสต์ของเจ้าหญิงเล่าว่า เธอต้องการลุคที่ดูสวยเลิศเลอหรูระยับไปทั้งตัว ถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนเชื่อว่า นี่คือ revenge dress ที่ไม่ต่างจากการประกาศกึกก้องว่า ชีวิตคู่ของเจ้าหญิงและสวามีผู้สูงศักดิ์ได้ยุติลงอย่างเด็ดขาด



No Bra No Care


อิทเกิร์ลสมัยนี้ no bra ในชุด see through บ่อยจนหลายคนมองว่า มันไม่ใช่ประเด็นร้อนที่ต้องโต้เถียงกันอีกแล้ว แต่เมื่อ 5 ปีก่อน Bella Hadid วัย 20 ปี ก็ทำให้สื่อต้องเกรียวกราวด้วยชุดคอร์เซ็ทโปร่งบางจาก Christian Dior บางคนมองว่า นี่เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างลุคเจ้าหญิงกับความเคลื่อนไหว #FreetheNipple ในขณะเดียวกัน มันยังถูกปะติดปะต่อกับข่าวความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของ The Weeknd คนรักเก่าของเธอ เมื่อสื่อได้เผยแพร่ภาพที่เขากำลังสวีทกับ Selena Gomez หลังจากที่เขาเลิกรากับ Bella ได้เพียงสองเดือนเท่านั้น

คุณอาจจะสงสัยเหมือนกันว่า นี่คือ Revenge dress รึเปล่านะ?
ในขณะที่แขกร่วม party ของ  Christian Dior อีกหลายคนจะใส่ bustier dress ผ้า sheer ที่เป็น signature ของแบรนด์เหมือนกัน   แต่คงเดากันออกอยู่แล้วว่าพวกเธอเลือกปกปิด nipples ไว้  นั่นยิ่งทำให้  Bella ยิ่งโดดเด่นกลายเป็นนางเอกของงาน      คนรักเก่าของเธออาจจะกำลังเดทกับ  superstar สาวหน้าเด็ก  แต่เธอไม่ได้เก็บตัวอยู่ที่บ้าน แต่สนุกสนานกับการความรื่นเริงยามราตรีท่ามกลางหมู่เพื่อนคนดังและแชร์ภาพผ่าน social media รัวๆ    ใครจะรักกันก็รักไป ขอ free the nipple และเติมหน้าสวยๆต่อ
มีข่าวลือหนาหูว่า  Belle หงุดหงิดใจที่อดีตคนรัก move on รวดเร็วไม่รักษาน้ำใจกันชาวเน็ทยังมั่นใจว่า มีแรงกดดันแบบคนเก่า  VS คนใหม่ เพราะไม่กี่วันหลังจากที่ข่าวความสัมพันธ์ของ Abel และ Selena ถูกเปิดเผย   Bella ยังส่งสารไปถึงคู่รักคู่ใหม่ด้วยการแชร์ภาพยกนิ้วกลางใส่ใครสักคนทาง Instagram    พวกเธอยัง unfollow กันจนทำให้เกิดข่าวลือเรื่องความบาดหมางตามมา


หลายคนทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตามมากันแล้ว Bella กลับไปมีความสัมพันธ์แบบ on and off กับ Abel (หลังจากที่เขากับ Selena เลิกกัน) แต่ในที่สุด เธอก็ move on ไปเริ่มต้นใหม่กับผู้กำกับศิลป์ Marc Kalman แม้จะไม่ได้เผยชีวิตความรักแบบหวือหวาหรือควงคู่กันออกสื่อ แต่ก็ทำให้แฟนๆเชื่อว่า นี่น่าจะเป็นความสัมพันธ์ที่ healthy กว่าครั้งที่ผ่านมา



ฉลองอิสระด้วยชุดแซ่บ


วันเวลาที่ผ่านมานานหลายปีอาจจะทำให้บางคนลืมเลือนไปว่า ชีวิตแต่งงานครั้งแรกของ Mariah Carey ได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง เรื่องราวศิลปินสาวในวัยยี่สิบที่พบรักกับหนุ่มใหญ่ผู้บริหารค่ายดนตรีทรงอิทธิพลนั้นฟังดูเป็น cliche ของวงการนี้ เมื่อเธอเข้าพิธีวิวาห์กับ Tommy Mottola โพรดิวเซอร์และ CEO แห่งค่าย Columbia(ในขณะนั้น) ก็ได้รับการเปรียบเทียบให้เป็นตำนาน Cinderella แห่งอุตสาหกรรมดนตรี Mariahคือหญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่ต้องใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างยากลำบากและตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาเส้นทางดาวดัง เมื่ออายุได้ 19 ปี เธอก็พยายามหาโอกาสเพื่อยื่นเดโมเทปของตัวเองให้กับ Tommy กับมือ ทันทีที่เขาได้รับรู้ถึงความสามารถสูงลิบลิ่วของสาววัยทีนเจ้าของเทปก็เฝ้าติดตามหาตัวเธออยู่สองสัปดาห์เต็มๆ เมื่อเขาได้เจอตัวก็หว่านล้อมให้ Mariah เซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ใหญ่ เริ่มต้นความสัมพันธ์แบบมืออาชีพที่ร่วมงานกันในฐานะผู้บริหารและศิลปินดาวรุ่งพุ่งแรง  และในที่สุด พวกเค้าได้พัฒนาความสัมพันธ์จนกลายเป็นคู่รักต่างวัยที่สื่อต่างจับจ้อง



ในสายตา Mariah ชายคนรักที่อายุมากกว่าถึงยี่สิบปีทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใจที่เขาเชื่อมั่นในตัวเธออย่างแน่วแน่ แต่เมื่อเธอตกลงใจแต่งงานสร้างครอบครัวกับเขาก็ได้พบว่า เขาไม่ได้เพียงแต่ใช้อำนาจควบคุมเธอในการทำงานดนตรีเท่านั้น แต่ยังบงการราวกับเป็นเจ้าชีวิต หากเขาไม่อนุญาต เธอก็ไม่สามารถพบปะสังสรรค์กับครอบครัวเพื่อนฝูงได้ แม้แต่อาศัยอยู่ในบ้านก็รู้สึกเหมือนกักขังเพราะถูกจับตามองตลอดเวลา หลายปีผ่านไป Mariah ได้เปิดเผยความจริงสุดช็อคว่า อดีตสามีผู้ทรงอิทธิพลเคยยกมีดมาจ่อที่หน้าของเธอหลังจากที่เธอเรียกร้องขอหย่า นั่นคืเส้นสุดท้ายที่ทำให้เธอก้าวออกมาจากความสัมพันธ์สุด abusive

หลังจากประกาศแยกกันอยู่ในปี 1997   Mariah ไม่รอช้า เผิดเผยภาพลักษณ์ใหม่เอี่ยมและงานดนตรีที่สื่อให้เห็นตัวตนที่มีอิสระอย่างเต็มที่  เธอไม่ใช่ girl next door หัวอ่อนที่ถูกบงการอีกแล้ว  ในงาน ในงาน VMAs  ปี1997 ภาพของrevenge dress ที่ประกอบไปด้วย crop top ตัวจิ๋วและกระโปรงผ่าสูงเกือบถึงระดับสะโพกได้สร้างความฮือฮาในวงกว้าง     หากเป็นยุคนี้ก็คงเห็นคนดังใส่ style นี้เกลื่อนจนดูไม่แปลกใหม่  แต่ในอดีตที่social media ยังไม่แพร่หลายนั้น  นี่เป็นลุคที่ร้อนไฟลุกจนดูเป็นคนละคนกับ Mariah เมื่อยังมีสถานะภรรยา CEO


Energy โสดแล้วต้องชวนเพื่อนสาวมาช่วยเผ็ด

หลายคนคงจะเคยผ่านประสบการณ์ party ฉลองความโสดกับเพื่อนสาวมาแล้ว   มันอาจจะไม่ใช่วิธีเยียวยารักษาความเจ็บปวดจนหายขาดในทุกกรณี   แต่สำหรับคนอกหักแล้ว การรับพลังใจที่จากคนที่อยู่เคียงข้างกันมาโดยตลอดคือสิ่งจำเป็นจากสถานการณ์นี้   และเพื่อนสาวนี่แหละที่หว่านล้อมให้เราสลัดความเศร้าทิ้งไว้ชั่วคราวแล้วจับชุดเซ็กซี่มาใส่ซิ่งราตรีด้วยกัน




มีเสียงเลื่องลือว่า Halsey และ G Eazy จบกันแบบไม่สวยเพราะปัญหาความสัมพันธ์  toxic รวมถึงข้อสันนิษฐานว่า   แฟนหนุ่มที่ Halsey ได้กล่าวถึงในบทกวีของเธอคือ G Eazy    จากการเผยประสบการณ์ว่า เคยถูกเขาคนนั้นกุมคอและผลักกระแทกใส่กำแพง, ขู่ฆ่า  และยังบรรยายรูปลักษณ์ตรงกับแร็พเพอร์หนุ่มทุกอย่าง  หรือจะเป็นเพลง Without Me ที่ทำให้แฟนๆมั่นใจว่าต้องใช่แน่! เพราะนักแสดงที่รับบทแฟนหนุ่ม abusive นั้นทั้งมีรูปร่างสูงและผมสีเข้มเหมือน G Eazy เป๊ะ   เมื่อมีการยืนยันว่า พวกเค้าได้กลับมาคบหากันอีกครั้งหลังจากเลิกกันไปแบบเจ็บๆ  แฟนๆของ Halsey จึงเฝ้ามองอย่างกังวลใจ แต่เพียงเดือนเดียวต่อมา ทั้งสองก็ทางใครทางมัน     G Eazy  ประกาศใน party ชัดเจนว่ากลับมาโสดแล้วและหว่านเสน่ห์ใส่สาวๆแบบไม่ต้องเกรงใจใคร   ส่วน Halsey นั้นควง Bella Hadid เที่ยวสุดเหวี่ยงยามค่ำคืน   เธอมาพร้อมกับความ fierce จนแทบดูไม่ออกมาเพิ่งจะผ่านการเลิกรามา   แต่ก็ไม่แน่ว่า เธออาจจะกำลังฉลองที่หลุดพ้นไปได้เสียทีก็ได้?

เมื่อวันเวลาหมุนผ่าน Halsey มองย้อนกลับไปแล้วก็บอกแบบชิลๆว่า

"เรื่องที่แย่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นก็คือ ฉันใส่เสื้อผ้าที่ดูงี่เง่าและเดทผู้ชายสุดห่วย ตอนนี้ก็สบายดีแล้วล่ะ"




Revenge  dress ที่ลือว่าทำให้กลับมาคืนดีกับคนรักได้


ก่อนที่จะ Kate Middleton จะก้าวสู่พิธีเสกสมรสเพื่อเข้าสู่ราชวงศ์ Windsor ฉายาของเธอที่มักปรากฏที่หน้าสื่อคือ 'Kate ผู้เฝ้ารอ' จากเสียงเล่าลือว่า เธอคาดหวังจะได้รับคำขอแต่งงานจากเจ้าชาย William แม้อีกฝ่ายจะยังไม่แสดงท่าทีชัดเจนว่าปรารถนาจะยกระดับความสัมพันธ์สู่ความจริงจังถึงขั้นนั้น ในปี 2007 สื่อก็ประโคมข่าวกันใหญ่โต ทั้งคู่ได้ตัดสินใจ 'ห่างกันสักพัก' เพราะต้องรับมือกับแรงกดดันจากกระแสความสนใจจากสาธารณชน ซึ่งได้ส่งกระทบกับการวางแผนใช้ชีวิตคู่ จากเดิมที่หลายฝ่ายค่อนข้างมั่นใจว่า Kate จะกลายมาเป็นชายาของเจ้าชายและรับบทบาทว่าที่ราชินีแห่งสหราชอาณาจักร แต่เมื่อเธอกลับไปมีสถานะโสด สื่อยิ่งจับตามองเธอทุกความเคลื่อนไหว ช่วงเวลานั้น เธอนัดสังสรรค์กับเพื่อนฝูงที่คลับหรูบ่อยครั้ง  เธอส่งรอยยิ้มขี้เล่นต่อหน้ากล้อง paparazzi  และดูร่าเริงกว่าตอนที่เดทเจ้าชายซะอีก แทบลอยด์บางเจ้าพาดหัวฟันธงว่า เธอ move on ได้อย่างเข้มแข็ง และดูมีความสุขขึ้นเพราะไม่ต้องรับแรงกดดันจากสำนักราชวังแล้ว

ภาพของ Kate ที่แต่งตัวเปิดเผยเรือนร่างมากขึ้นและมี energy แบบ single & happy ไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจจากสื่อฝ่ายเดียว เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่มีข่าวแยกทางกับเจ้าชาย William ก็มีภาพยืนยันชัดเจนว่า พวกเค้ากลับมารักกันเหมือนเดิม ท่ามกลางกระแสข่าวลือเกรียวกราวว่า เมื่อเธอได้เผยด้านที่ดูเย้ายวนใจก็ทำให้เจ้าชายรู้ตัวว่าไม่สามารถตัดใจจากเธอได้จนต้องหาทางง้องอนขอคืนดี

บรรดาสื่อต่างพันธงว่า นี่คือความตั้งใจของ Kate ที่วางแผนมัดใจเจ้าชายด้วยการส่งสาร 'ดูสิว่าคุณได้พลาดอะไรดีๆไปแล้ว"อันทรงประสิทธิภาพ แต่ไม่ว่าเธอจะใช้เสน่ห์เกินต้านทานเรียกร้องความสนใจจากอดีตคนรักจริงหรือไม่ ปัจจุบันเธอคือเจ้าหญิงแห่ง Wales และพวกเราคงไม่ได้เห็นลุค party girl ของเธออีกต่อไป เป็นช่วงเวลาที่ชวนคิดถึงเหมือนกันนะ



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE