สามสาว superstar ที่เคยถูกหาว่าเป็นสาวร้าย

37 17

เพราะอะไร  เซเลบสาวทั้งสามคนจึงเคยเผชิญกับข้อกล่าวหาว่าเป็นสาวร้ายแห่ง Hollywood ลองมาติดกับเราสิคะ!

Angelina Jolie กับ image  สาวอันตราย


หากย้อนไปยังช่วงปลาย  90s ถึง 2000s    นางเอกสุด hot ที่สร้างปรากฏการณ์จากภาพลักษณ์ badass  ย่อมหนีไม่พ้น  Angelina Jolie     แม้จะเป็นยุคสมัยที่เรายังไม่คุ้นเคยกับ social media   หรือคำว่า gone viral  แต่ดูเหมือนว่าสื่อจะหยุดพูดถึงเธอไม่ได้เลย      แม้จะมีข่าวลือว่าเธอเป็น bad girl ยืนหนึ่ง  แต่ก็ทำให้หลายคนหลงจากกลิ่นอายความอันตราย   แม้แต่นางเอกรุ่นหลังบางคนก็ยังยกให้เธอเป็นไอดอล
เริ่มแรก เส้นทางสู่วงการมายาของ Angelina   นั้นอาจจะถูกเหมารวมว่าเหมือนกับทายาทนักแสดงดังคนอื่นๆ    แต่เธอ shut down เสียงซุบซิบนินทาด้วยรางวัล Oscarจากบทสาวร้ายที่ทั้ง toxic และอันตรายแห่ง Girl,Interupted     ไม่เพียงแต่จะก้าวสู่ทำเนียบนักแสดง A List ในวัยเพียง 25   แต่เธอได้กลายมาเป็นดาราคนโปรดของแทบลอยด์จากข่าวอื้อฉาวไม่หยุดหย่อน    เลื่องลือกันว่าWinona Ryder ที่ประชันบทบาทด้วยกันจากผลงานเรื่องนี้ก็ยังขยาดกับพฤติกรรมของเธอจนแทบไม่มองหน้ากัน  ภายหลัง Winona ได้ยอมรับตรงๆว่า Angelina วางตัวเหินห่างไม่ยอมสานมิตรภาพกับเธอ นื่องจากความมุ่งมั่นสวมบทบาทเพื่อนร้ายให้สมจริงมากที่สุด สร้างความผิดหวังให้กับเธอไม่น้อย

สื่อยังปล่อยข่าวว่า Winona เกิดจิตริษยาเพราะคาดหวังจะแสดงฝีมือการแสดงบท Lisa แต่กลับได้รับเลือกให้เล่นเป็น Susanna แต่กลายเป็นว่า Angelina เปรี้ยงปังในฐานะจากผู้ขโมยซีนไปทั้งเรื่อง   เธอได้รับรางวัล Oscar แจ้งเกิดเปรี้ยงปังในฐานะ The It Actress แห่งยุคนั้น แต่ Winona ได้ยืนยันในภายหลังว่า เธอคือผู้ตัดสินใจเลือกบทนี้เอง และไม่ได้เกลียดชังอีกฝ่ายดังที่ใครๆคาดคิดกัน

หลังจากประสบความสำเร็จจากบทบาท bad girl ใน Girl,Interupted Angelina ยังดึงดูดใจผู้กำกับให้รับแสดงบทสาวเผ็ดร้อนอีกหลายครั้งจนมันกลายเป็นแบรนด์ของเธอไปอีกหลายปี!



ช่วงยี่สิบปีก่อน สื่อมักนำเสนอข่าวของ Angelina ในภาพลักษณ์สาวเจ้าปัญหาที่แม้ว่าจะอันตรายแต่เย้ายวนเกินห้ามใจ เธอให้สัมภาษณ์ถึงความคิดหม่นมืด การสะสมมีดเป็นงานอดิเรก รวมถึงประสบการณ์การร่วมรักกับ Billy Bob Thornton สามีที่อายุมากกว่ายี่สิบปี พวกเค้ามาถึงงานพรมแดงในสภาพผมยุ่งเสื้อผ้ายับ และให้สัมภาษณ์ตรงๆว่าเพิ่งจะมีอะไรกันในรถวันนี้ เธอยังบรรยายถึงลีลาเด็ดของสามีที่ทำให้เธอเกือบจะหมดสติไปเพียงแค่ได้จูบกัน และsex มันช่าง amazing จนไม่น่าเชื่อว่าพวกเค้าจะทำใจออกมาจากห้องนอนได้ บอกได้เลยว่า การบรรยายถึงความสุขสมลึกล้ำจากการร่วมรักได้เป็นฉากๆไม่ใช่เรื่องแปลกของ Angelina ในวัยยี่สิบเลย



"ฉันมองว่าตัวเองเป็นคนที่คลั่งไคล้เรื่องทางเพศ หากว่าฉันตกหลุมรักผู้หญิงสักคนในวันพรุ่งนี้น่ะเหรอ ความรู้สึกที่อยากจูบและสัมผัสเธอนั้นเป็นสิ่งที่ใช่มาก"
Angelina เผยว่า เธอเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงด้วยกันในสมัยวัยรุ่นและมันทำให้เธอหมกมุ่นกับความคิดด้านมืดจนใช้มีดกรีดกันทั้งสองฝ่าย และแม้ว่าจะก้าวผ่านวันเวลาที่คิดทำร้ายตัวเองมาแล้ว แต่เมื่อได้มาใช้ชีวิตกับ Billy Bob Thornton ก็สร้างเสียงโจษจันจากการห้อยล็อคเก็ตที่บรรจุเลือดของกันและกัน สื่อได้บรรยายถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ด้วยคำว่า พิลึกพิลั่น บ้าคลั่ง และอันตราย โดยเฉพาะ Angelina ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่แตกต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง เธอได้รับฉายาว่า Hollywood man-eater ผู้สามารถสยบผู้ชายทุกคนที่เธอต้องการได้ด้วยความงามอันเหลือเชื่อ และเป็นเธอที่ออกมาโต้ข่าวลือนี้ว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอเคยมีประสบการณ์หลับนอนกับผู้ชายมาเพียงสี่คนเท่านั้น

จูบช็อคโลก


หลายปีที่ผ่านมานั้น Angelina มีชื่อเสียงเรื่องความ stylish และออร่านางพญาที่สง่างามบนพรมแดง แต่ช่วงที่เธอยังเป็นดาวรุ่ง จริตการโพสนั้นแตกต่างจากปัจจุบันอย่างชัดเจน เธอดึงดูดทุกสายตาด้วย enerfy สาวหัวขบถ แต่ทำให้รู้สึกว่า นี่คือตัวตยภายในของเธอ ไม่ใช่การประดิษฐ์ให้เป็นกัวข้อข่าว แต่ถ้าหากปี 2000 มี Twitter ภาพการจุมพิตของ Angelina กับพี่ชายในงานประกาศรางวัล Oscar ก็คงกลายเป็น trending ลือลั่นในระดับ break the internet ไปแล้ว สื่อหลายเจ้าตั้งข้อกังขาถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ว่าเกินเลยความเหมาะสม พวกเค้าถูกข้อกล่าวหาเรื่อง incest เพราะไม่ได้จูบบนพรมแดงเพียงครั้งเดียว แม้จะมีผู้แย้งว่า มันอาจจะเป็นจังหวะการกด shutter ที่ทำให้ดูเหมือนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม ทั้งๆที่น่าจะเป็นแค่การจูบแสดงความยินดีในเสี้ยววินาที แต่ข้อครหายังก่อตัวอย่างรุนแรงจนพี่ชายของ Angelina ต้องออกมายืนยันว่า พวกเค้ามีสายสัมพันธ์บริสุทธิ์และรักกันแบบพี่น้อง ไม่ได้ทำผิดศีลธรรมดังที่ใครๆกล่าวหา แต่เรื่องนี้ทำให้หลายคนมองเธอว่าทำตัวผ่าเหล่าจนดูเสื่อมเสีย รวมถึงความสงสัยว่า เธอจงใจสร้างกระแสให้กับตัวเองให้ยิ่งโด่งดังเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ bad girl ด้วยจูบช็อคโลกนี้


เรื่องฉาวระดับhigh profile ที่สุดครั้งหนึ่งของ  Hollywood

แม้การก้าวเข้าสู่งานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงตัวตนของ Angelina จนทำให้ภาพลักษณ์สาวร้อนสุดอันตรายเริ่มดูเบาบางลงไป   แต่ scandal หนัง Mr. & Mrs. Smith ที่แบ่งผู้ติดตามเป็นสองฝักฝ่ายนั้นทำให้เธอถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงที่แย่งสามีชาวบ้านอย่างหน้าไม่อาย   แม้ว่าระหว่างการโพรโมทหนัง  Angelina และ ฺ Brad พยายามวางตัวห่างเหินกันต่อหน้าสื่อ   แต่เคมีที่รั่วไหลไปไกลเกินกว่าคำว่าเพื่อนร่วมงานได้สร้างเสียงซุบซิบนินทามาตั้งแต่กำลังถ่ายทำหนัง (หลายปีต่อมา  เธอได้ยอมรับว่ามีใจให้กันระหว่างการทำงานจริงๆ)   ความขัดแย้งของชาวเน็ทดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อนจากผู้ที่เชื่อว่า Angelina เป็นนางมารร้ายยั่วยวนให้ผู้ชายมีพันธะต้องเปันใจไปหา สวนทางกับกลุ่มที่สนับสนุนเธอเพราะเชื่อมั่นว่า ถึงจะผิดที่ผิดเวลาแต่ไม่มีทางห้ามใจคนให้หยุดรักกันได้  บานปลายไปถึงขนาดหันไปโจมตี Jen ว่า มีพฤติกรรมย่ำแย่เหลือทนจนสามีหันไปซบอกหญิงอื่น      เพียงไม่นานต่อมา  Brad ก็แยกทางกับภรรยาผู้ที่มีฉายา America's Sweetheart และถูกติดตามเก็บภาพยืนยันความสัมพันธ์กับ Angelina ในทริปครอบครัวที่ดูอบอุ่นพร้อมหน้าแบบพ่อแม่ลูก     ซึ่งในสายตาชาวเน็ทหลายคน มันคือสิ่งการันตีว่าเธอมีคุณสมบัติสาวร้ายเต็มขั้น!

ตัวตนของ Angelina ในปัจจุบันที่มักถูกเปรียบเปรยว่าเป็นแม่พระและนักบุญนั้นช่างห่างไกลกับภาพลักษณ์สาวอันตรายในยามเก่าก่อน  ชีวิตคู่ของเธอและ Brad พังทลายลงไป และดูเหมือนว่าพวกเค้าจะกลายเป็นศัตรูที่ยากจะประนีประนอมหาข้อตกลงกันได้   ในขณะเดียวกัน การทำหน้าที่ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้กับผู้ตกทุกข์ได้ยากและการเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมนั้นได้สร้างความโดดเด่นและทำให้หลายคนมองเธออย่างเชื่อถือ   แม้จะมีเสียงลอยลมตามมาว่า cheating scandal ยังฝังใจ  ไม่ว่าตอนนี้จะดูดีมากขนาดไหนก็ไม่ศรัทธา    แต่คำว่า  bad girl หรือ maneater นั้นได้จางหายจากชื่อของ Angelina ไปเนิ่นนาน จนบางคนอาจจะลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำ 


Ariana Grande ที่เคยถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรม  diva เกินเบอร์

ที่ผ่านมา หากพูดถึงข่าวลือของคนดังที่มีพฤติกรรมจอมเรียกร้องจนได้ชื่อว่า diva    หลายคนอาจจะนึกถึง Jennifer Lopez หรือ Mariah Carey     โดยเฉพาะคนหลังที่ประกาศว่า เธอควรค่าที่จะได้รับการทะนุถนอมปรนเปรอ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เธอต้องฝ่าฟันดิ้นรนจากศูนย์  ทุ่มเททำงานมาหนักมาทั้งชีวิต มันก็ถูกต้องแล้วที่เธอจะได้รับการตามใจ


แต่จะมีกี่ครั้งที่เราได้ยินข่าวฉาวเรื่องพฤติกรรม diva หรือ princess syndromeจากศิลปินดาวรุ่งที่อายุยังน้อย?

เรื่องฉาวจากเส้นทางสู่ความเป็น superstar ของ Ariana Grandeไม่ได้มาจากข้อกล่าวหาลอยๆจากบุคคลไม่ประสงค์จะออกนามหรือแทบลอยด์ที่อ้างข้อมูลคนวงใน เพียงเท่านั้น ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนที่เธอกำลังแจ้งเกิดในฐานะนักร้องสาวเสียงทรงพลัง ผู้ที่เคยผ่านการทำงานร่วมกันก็เคยออกมาแชร์เรื่องราวที่ฟังสอดคล้องกัน หนึ่งในตำนาน diva รุ่นเยาว์ คือเรื่องนโยบายถ่ายรูปเฉพาะมุมสวยด้านซ้าย แม้ว่าหลายฝ่ายจะเห็นเป็นเรื่องเฮฮาชวนอมยิ้มตาม (เพระาไม่ว่าคนดังหรือใครก็ตามก็อยากจะมีรูปจากมุมสวยเป๊ะ) แต่บางครั้งก็มีคนที่ไม่รู้สึกสนุกไปด้วย
 


  • Giuliana Rancic พิธีกรจาก E! เผยว่า เสียความรู้สึกหลังจากทีมของAriana ดันให้เธอออกไปจากตำแหน่งยืนทางด้านซ้าย และส่งสัญญาณให้เห็นว่า หากไม่ยอมให้ Ariana ยืนในด้านที่เธอโปรดปราน ก็จะไม่มีสิทธิ์สัมภาษณ์   Giuliana ฟาดฟันว่า หากเป็น  Mariah Carey   เธอจะยอมทำทุกอย่าง ให้ปีนบันไดสัมภาษณ์ก็พร้อม  แต่ Ariana ที่เพิ่งอายุ 21 ปียังเป็นหน้าใหม่แท้ๆ เธอควรจะสร้างชื่อเสียงในทางดีงาม ซึ่งหมายถึงการสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้าง แต่กลับโชว์ความเป็น diva ซะได้  
  • ช่างภาพชาวออสซี่แฉว่า เธอยกเลิกการถ่ายแบบไปดื้อๆ เพราะเธอต้องการจะถ่ายภาพเฉพาะมุมหน้าด้านซ้ายและไม่ใช้แสงธรรมชาติ   เธอได้โต้ข่าวนี้ระหว่างการโพรโมทผลงานในออสเตรเลียว่า  ช่างภาพไม่พอใจที่เธออยากจะเปลี่ยนชุด  เธอแจ้งแล้วว่าจะกลับมาถ่ายภาพต่อ แต่เมื่อกลับมาเขาก็หายไปแล้ว แต่ข้อหาเรื่อง princess  syndrome  ก็ยังไม่หายไป
  • นักร้องนำวง The Cab แชร์ประสบการณ์ที่ได้พบ Ariana ว่าเป็นสาวหยิ่งยโยและหยาบคายที่สุดที่เขาเคยเจอในวงการนี้
  • แฟนที่คว้าสิทธิ์พบกับArianaด้วยการชนะการประกวดผลงานศิลปะได้ระบายว่า รู้สึกผิดหวังที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาจากไอดอลในดวงใจ  ไม่ถามแม้กระทั่งชื่อแซ่ และไม่ใส่ใจเรื่องผลงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเธอแต่อย่างใด
  • สื่อหลายเจ้าได้สุมไฟข่าวลือนี้ด้วยเรื่องราวที่ฟังดูพิลึกพิลั่นอีกหลายอย่าง   ภายหลังเธอได้ยอมรับว่า ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้เธอหยุดให้สัมภาษณ์ไปนานมาก  เพราะถูกใส่ร้ายป้ายสีเพื่อ clickbait  และบิดเบือนคำพูดให้ดูเป็นคนนิสัยแย่ แต่ถ้าออกมาชี้แจงตอบโต้ก็ถูกวิจารณ์ว่าทำตัว diva ยิ่งกว่าเก่า


แม้เธอจะถูกโจมตีด้วยข่าวฉาวที่ปะทุรัวๆในปี 2014 ยังมีผู้เชื่อว่า นี่อาจจะเป็นการกล่าวเกินจริงเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของศิลปินสาวดาวรุ่ง จนกระทั่งปีต่อมา Ariana อายุครบ 22 ปีก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้แฟนๆของเธอสับสนกันยกใหญ่!





 

โดนัทแผลบๆในตำนาน

วงจรปิดเผยภาพนักร้องสาวที่ดมและแอบเลียโดนัทในร้านด้วยท่าทางซุกซนและหัวเราะอย่างสนุกสนาน  ทั้งยังวิจารณ์เมื่อได้เห็นพนักงานนำโดนัทถาดใหม่มาวางว่า "นั่นมันบ้าอะไรเนี่ย? ฉันเกลียดคนอเมริกัน ฉันเกลียดอเมริกา" ได้กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์  แน่นอนว่า ชาวเน็ทจำนวนมากได้รุมโจมตีเธอเรื่องสุขอนามัยและทัศนคติไม่เห็นหัวคนอื่น    แม้จะมีคนชี้ว่า พฤติกรรมห่ามๆนี้ดูไม่ได้แหวกแนวไปจากวัยรุ่นอเมริฮอร์โมนพลุ่งพล่าน   แต่ท่าทางที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวทั้งๆที่พนักงานในร้านน่าจะจำเธอได้อยู่แล้วก็ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า  เธอน่าจะถูกตามใจมามากจนไม่แคร์ว่าคนที่ได้ยินคำพูดจะคิดเช่นไร

การแก้ไขสถานการณ์ในรอบแรกนั้นดูจะไม่ได้ผลนัก เมื่อเธอพยายามชี้แจงว่า เธออาจจะใช้คำพูดที่ฟังดูไม่ดี แต่เพราะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการกินเพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง เมื่อได้เห็นว่าชาวอเมริกันกินอาหารแย่ๆโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมาก็เสียความรู้สึก เธอยังแนะนำว่า จะต้องให้การศึกษาที่ถูกต้องเพื่อตัวเองและเด็กๆจะเข้าใจถึงผลเสียของการกินไม่เลือกและสารพิษที่แฝงมากับอาหาร แม้เธอจะออกตัวว่า เข้าใจดีที่เลือกวิธีแสดงความรู้สึกในเรื่องนี้แบบผิดๆ แต่ชาวเน็ทก็เรียกร้องให้เธอขอโทษเรื่องเลียโดนัทและการแสดงท่าทีที่ดูไม่สุภาพ และตำหนิเธอว่า หากหงุดหงิดเรื่องอาหารประโยชน์ต่อร่างกาย ก็ควรไปสั่งสอนเพื่อนของเธอที่มาซื้อโดนัทกิน ไม่ใช่ดมและเลียโดนัทบนชั้นวาง (และหลายคนเชื่อว่า เธอไม่ได้ซื้อโดนัทเหล่านั้นไป)

ปฏิกิริยาตอบรับจากสังคมยังร้อนแรง เธอจึงส่งวีดีโอออกมาขอโทษอีกครั้ง คราวนี้เธอได้ประกาศว่า เมื่อได้เห็นพฤติกรรมย่ำแย่ของตัวเองแล้วก็ทำให้ได้สติขึ้นมา เธออับอายอย่างเหลือล้น และสำนึกแล้วว่าไม่อยากจะดูเสื่อมเสียแบบนี้อีก เพราะปรารถนาจะเป็นแบบอย่างที่ดีกับแฟนๆ ข้อผิดพลาดครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่จะทำให้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นจงได้





หลายคนเชื่อว่า  Ariana ได้เติบโตจากเหตุการณ์นั้นขึ้นจริงๆ  ข่าวลือเรื่องนิสัยdivaจอมบงการได้ห่างหายไปจนคล้ายกับว่ามันไม่เคยเป็นประเด็นใหญ่โตมาก่อน    จากที่เคยถูกมองว่าเป็นศิลปินวัยรุ่นเจ้าปัญหา  เธอได้ก้าวสู่ทำเนียบ superstar เต็มขั้น ไม่เพียงแต่สร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จจากผลงานดนตรี เธอยังสร้างความโดดเด่นจากภาพลักษณ์ผู้หญิงแกร่ง แสดง girl power ด้วยการต่อต้านแนวคิดเหยียดเพศด้วยความมาดมั่น    นอกเหนือจากนั้น ข่าวลือเรื่องความหมกมุ่นเรื่องใบหน้าด้านซ้ายหายไปนานมากแล้ว     ถ้าจะให้ไล่เรียงชื่อของสาวร้ายของวงการ ก็น่าจะยืนยันได้ว่า Ariana จะหลุดไปจากโผนี้ไปแล้ว



 Taylor  Swift กับข้อกล่าวหาแรง 'เสแสร้งเป็นเหยื่อ'


เธอคือหนึ่งใน superstar ที่มี fanbase ที่แข็งแกร่งเป็นที่สุด เธอมี girl squad ที่ผูกพันแน่นเหนียว เธอมีชื่อเสียงในฐานะผู้หญิงชั้นนำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนจำนวนมาก ทั้งพรสวรรค์ เสน่ห์ดึงดูดใจ และความ nice กับ แฟนๆนั้นเป็นคุณสมบัติที่ขึ้นชื่อลือชาของเธอ

แต่อาจจะมีคนที่ตั้งข้อสงสัยว่า เพราะอะไร   Taylor Swift จึงพบกับดราม่าความขัดแย้งกับคนร่วมวงการมาแล้วหลายครั้ง?  

หนึ่งในดราม่าที่เผ็ดร้อนที่สุดในวงการคือเพื่อนรักหักเหลี่ยยมโหด Taylor และ Katy เคยส่งคำหวานให้กันผ่านsocial media พวกเธอขึ้นแสดงดนตรีด้วยกัน และเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายมาร่วมสนุกใน party เมือได้เจอกันในอีเวนท์ก็ดูสนิทสนมจนอาจจะพัฒนามิตรภาพไปเป็นเพื่อนสนิทได้ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น

สถานะ mean girl ที่ถูกจับมาพัวพันกับ Taylor ถูกขยายความจาก tweet ของ Katy ที่เปรยถึงใครบางคนโดยไม่ระบุชื่อว่า ให้ระวัง Regina George ที่ซ่อนอยู่ในคราบแกะ ความบาดหมางของสองสาวดำเนินมาหลายปีจนที่คนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าพวกเธอทะเลาะกันเพราะอะไร บ้างก็ว่าเป็นเพราะแย่งตัวแดนเซอร์ บ้างก็ว่าเบื้องหลังเป็นคู่แข่งที่ไม่อยากให้อีกฝ่ายดีเกินหน้า เมื่อ Taylor เผยว่า ที่มาของเพลง Bad Blood คือศิลปินหญิงอีกคนในวงการ ชาวเน็ทก็มั่นใจทันทีว่าย่อมไม่มีใครอื่นที่ทำให้ Taylor แค้นใจจนต้องแต่งเพลงบรรยายความรู้สึกที่ถูกหักหลัง Katy อาจจะไม่ได้โต้กลับทันที แต่สองปีให้หลังก็ส่งเพลง Swish Swish ที่ชื่อเพลงก็บอกอยู่ตรงๆว่ากำลังจิกกัดใคร ไม่นานจากนั้น เธอก็ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึง Taylor ว่า ถึงเธอจะพยายามอดทนรับมือกับการโจมตีให้ได้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่พวกที่ยอมแพ้ใครง่ายๆ โดยเฉพาะใครบางคนที่พยายามทำลายภาพลักษณ์ของเธอโดยมีแรงสนับสนุนจากกลุ่มเด็กสาว (แฟนของTaylor)

การแสดงออกของศิลปินสาวทั้งสองทำให้หลายคนเชื่อว่า พวกเธอคงไม่สามารถฟื้นฟูมิตรภาพที่แตกร้าวให้กลับมาดีได้อีกครั้ง แต่พวกเค้าคิดผิดไป..

Katy คือฝ่ายยื่นกิ่งมะกอกเพื่อสันติภาพให้Taylorก่อน และเธอก็ไม่ได้ตัดรอนน้ำใจ ทั้งสองได้แสดงให้โลกเห็นว่าสามารถก้าวข้ามข้อขัดแย้งที่ทำให้ตั้งหน้าฟาดฟันกันและหันมาปรับความเข้าใจ แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมเป็นเพื่อนซี้ปึ้ก แต่ก็พูดถึงกันในแง่ดีได้ ภาพที่ Katy มาร่วมแสดงในวีดีโอ You Need To Calm Down ของTaylor ก็น่าจะพิสูจน์แล้วว่า   ศึกเจ้าหญิงเพลง pop ที่เรื้อรังมานานได้ยุติลงแล้ว
ข้อพิพาทกับ  KimYe   ที่ทำให้อีโมจิน้องงูถูกปล่อยออกมาอย่างเกลื่อนกลาดไม่เพียงแต่จะเป็น scandal แฉแบบพ่วง receipt ที่สร้างความอื้อฉาวเป็นที่สุด มันดึงดูดเสียงวิจารณ์ในตัว Taylor ในหลากหลายแง่  สำหรับผู้ที่ไม่ปลาบปลื้มตัวเธอมาแต่ไหนแต่ไร ก็ฟันธงว่า เธอแอบซ่อนความร้ายลึกด้วยการใช้ victim card  มาแล้วหลายครั้งจนฝ่ายตรงข้ามรู้เท่าทัน แอบอัดเสียงไว้เพื่อเป็นหลักฐานมัดตัว   แต่ยังมีคนอีกมากที่เชื่อมั่นว่าสามีภรรยาชื่อดังไม่ได้มีเจตนาบริสุทธิ์  แต่จงใจวางกับดักเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ  คลิปที่ถูกปล่อยออกมาก็ถูกตัดทอนออกไปเพื่อใส่ร้ายว่าเธอเป็นจอมโกหกสร้างภาพ   และยังดูหมิ่นศักดิ์ศรีกันด้วยการนำเสนอหุ่นขี้ผึ้งรูปเปลือยของเธอ   ซึ่งไม่ว่าเธอจะเห็นด้วยกับเนื้อเพลง Famous แสนอื้อฉาวมาตั้งแต่แรกหรือไม่ ก็ไม่สมควรจะถูกล่วงละเมิดจิตใจเช่นนี้

แม้ดราม่าครั้งนั้นจะค่อยๆซาลงไปตามวันเวลา แต่สี่ปีหลังจากนั้นก็มีการเปิดเผยบทสนทนาเต็มๆของ Kanye และ Taylor มันทำให้แฟนๆของเธอเดือดจัดเมื่อได้รู้ว่า เธอแสดงความคิดเห็นกลางๆ ไม่ได้ตอบรับคำโน้มน้าวจากแร็พเพอร์จอมโวยด้วยความยินดีไปทุกอย่าง สำหรับเนื้อเพลงล่อแหลมว่า เธอยังติดค้างมี sex กับ Kanye เพราะเขาเป็นคนทำให้เธอโด่งดังนั้น เธอก็เน้นชัดว่า เธอประสบความสำเร็จขายอัลบั้มได้เป็นล้านมาก่อนเหตุการณ์ถูกขัดจังหวะรับรางวัลVMAs แล้ว ทั้งยังแนะนำKanye ไว้อย่างน่าฟังว่า เขาควรจะรักษาความสัมพันธ์ให้ดีที่สุด ไม่ทำอะไรให้สุ่มเสี่ยงที่จะทำลายความสุขครอบครัว Taylor ยังแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยการการใช้ Bitch เนื่องจากมองว่าเป็นสรรพนามที่ดูด้อยค่ากัน ตรงกับที่กับที่เธอยืนยันมาตลอดว่า ไม่ได้ให้ความยินยอมพร้อมใจกับเพลงนี้และคำหยาบดังกล่าวเลย

Kim ที่เคยฟาดฟัน Taylor ว่าจงใจ play victim เพื่อให้ร้าย Kanye ก็ยังยืนกรานตามเดิมว่า ยังไง Taylorก็เป็นฝ่ายโกหกอยู่ดี เพราะตัวแทนของเธอประกาศตั้งแต่ต้นว่า Kanye ไม่ได้ติดต่อมาขอการอนุมัติเรื่องเพลง Famous จึงจำเป็นต้องปล่อยคลิปออกมาเพื่อแฉ  ไม่มีใครปฏิเสธสักหน่อยว่า Kanye ใช้ B wordโดยที่Taylor ไม่ได้เห็นชอบ



หลายครั้งหลายคราที่เราได้พบเห็นข้อโต้เถียงว่า Taylor เพียงแค่แกล้งเป็นผู้ถูกกระทำเพื่อกอบโกยความนิยม หรือเธอมีสิทธิ์เต็มที่ในการตัวเองจากผู้ที่มีเจตนาร้าย แต่มหากาพย์ความขัดแย้งกับ KimYe ที่ส่งผลกระทบต่อเธออย่างหนัก ก็ทำให้เธอเลือกจะเก็บตัวไม่ตามตอบโต้ตอบเสียงโจมตีจากทุกทิศทาง

"เมื่อผู้คนพุุ่งโจมตีด้วยความเกลียดชังและมองเห็นว่าพวกเค้ามีเป้าหมายคนเดียวกัน มันจะยิ่งทำให้พวกเค้าผนึกกำลังอย่างแน่นเหนียว ไม่ว่าคุณจะชี้แจงอย่างไร มันจะจะถูกสะท้อนมาด้วยคำล้อเลียนเย้ยหยัน"

ไม่เท่านั้น คำว่า play victim ยังถูกนำมาใช้กับสถานการณ์ของ Taylor อีกหลายครั้ง และไม่ได้มีแต่ hater ในโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังนักข่าวที่ตอกย้ำข้อครหานี้อีกหลายครั้ง ดังกรณี USA Today ที่เคยพาดหัวบทความไว้ว่า "ถึง Taylor Swift เธอไม่ได้เป็นเหยื่อ เลิกทำเหมือนว่าเธอเป็นสักทีเถอะ" และนั่นไม่ใช่สื่อเจ้าเดียวที่วิจารณ์ Taylor แบบไม่ไว้หน้าในประเด็นนี้

ผู้คนยกให้เธอเป็นผู้หญิงแถวหน้าของวงการ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้คนก็สนุกสนานกับสัมพันธภาพกับคนดังในรูปแบบ love to hate     ในบางครั้ง แค่อยู่นิ่งเฉยก็ถูกหาเรื่องแบบไร้เหตุผล  ในบางสถานการณ์ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่าเธอได้ซ่อนตัวตนร้ายลึกไว้    หรือแท้จริงแล้ว เธอเป็นเหยื่อของอคติที่บดบังตากันแน่!?
แท้ที่จริงแล้ว คุณอาจเป็นหนึ่งอาจจะเคยผ่านประสบการณ์ถูกบีบให้เป็นสาวร้าย  เพราะหากไม่เผยด้านมืด ก็อาจจะถูกรังแกจนต้องเจ็บช้ำ จำเป็นจะต้องลุกขึ้นมาทวงความเป็นธรรมด้วยตัวเอง!

The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE