ส่องชุดวาบหวิวจนเป็นที่จดจำในหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่น

38 10



en chemise  ของพระราชินี Marie Antoinette


ว่ากันว่า  สิ่งใดก็ตามที่พระนาง Marie Antoinette เลือกมาสวมใส่จะกลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงในแวดวงสังคมผู้สูงศักดิ์แห่งฝรั่งเศส    เธออาจจะเป็นราชินีผู้เปล่งประกายด้วยออร่า  trendsetter ที่มาก่อนกาลเวลา  แต่ก็เคยถูกเย้ยหยันเรื่องตัวเลือกอาภรณ์ว่าดู'ล่อแหลม' และ 'เสื่อมเสีย' เกียรติของราชวงศ์มาแล้ว
แม้ชุดผ้ามัสลินที่ดูบางเบานี้ดูห่างไกลกับความรู้สึกเปลือยเปล่าของเทรนด์ the naked dress ในปัจจุบันอยู่มากมายนัก   ทั้งยังไม่ได้คว้านคอลึกให้เห็นเนินอกหรือเปิดเผยสัดส่วนบริเวณอื่น แต่ในศตวรรษที่ 18   ผู้คนกลับมองว่า ราชินีคนงามได้โพสสวยให้จิตรกรวาดภาพเหมือนในชุดที่เรียกว่า gaulle  หรือ chemise ซึ่งดูแทบไม่แตกต่างจากชุดชั้นใน   เนื่องจากยุคนั้น  สุภาพสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้อื่นในชุดที่มี layer ปกปิดไว้แน่นหนา   ชุดที่มีดีไซน์จับจีบสม็อคผูกโบคาดลำตัวตามภาพนั้นถูกมองว่าหมิ่นเหม่จนไม่สมควรจะเปิดเผยต่อสาธารณชน   เมื่อมีการจัดงานแสดงศิลปะภาพเหมือนของพระราชินี ก็เกิดกระแสต่อต้านมากซะจนต้องปลดภาพนี้ออกไป


ดีกรีความหวิวในแต่ล่ะยุคนั้นช่างแตกต่างกันซะจริงๆ!



กระโปรงกล้วยของ Josephine Baker


เกือบร้อยปีก่อน นางโชว์เชื้อสายผิวดำระดับตำนานได้ทำให้ผูชมต้องลืมหายใจด้วยการร่ายระบำในชุดที่เหนือจินตนาการ มันคือบิกินี่ที่ประดับประดาไปด้วยไข่มุก ท่อนล่างผูกติดด้วยผลกล้วยที่ทำจากยาง และได้สร้างเป็นปรากฏการณ์ความนิยมในยุโรป ตุ๊กตาหญิงสาวใส่กระโปรงกล้วยกลายเป็นไอเท็มขายดิบขายดี รวมไปถึง postcard ที่ผู้คนต้องกาซื้อเก็บไว้ไม่ให้ตกเทรนด์




แม้จะเป็นช่วงเวลาที่การแสดงออกเพื่อแบ่งแยกทางเชื้อชาติและเหยียดสีผิวยังถูกมองว่าไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมหรือละเมิดสิทธิมนุษยชน ศิลปะการแสดงcabaret ที่ลือลั่นด้วยระบำเปลือยอกอาจจะมีเป้าหมายเป็นผู้ชมเฉพาะกลุ่ม และถูกโจมตีว่าเป็นโชว์อนาจารที่ลดคุณค่าความเป็นหญิง แต่ทั้งความงามและเสน่ห์อันเหลือของJoshephine ก็ทำให้เธอก้าวมาเป็น entertainer ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและถูกยกให้เป็นดาวจรัสฟ้าแม้จะล่วงลับไปแล้ว ยืนยันได้จากนักประพันธ์ชื่อดัง Ernest Hemingway ที่ได้ยกย่องให้เธอเป็นผู้หญิงที่เย้ายวนใจมากที่สุดเท่าที่ทุกคนเคยเห็นมา





Costume จากละคร broadway เรื่อง Sex ที่ทำให้ Mae West ถูกจำคุก 8 วัน


การแสดงละครเวทีที่นางเอกถูกจับฟ้องศาลเป็นคดีใหญ่โต มีแบบนี้ด้วยหรือ?


แต่นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงย้อนไปในยุค 20s  

ถ้าพูดถึงสตรีสุดแกร่งที่มาก่อนกาลเวลา Mae West ย่อมติดอยู่ในกลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย เธอใช้เวลาในวัยสาวไขว่คว้าความฝันจะเป็นนักแสดงเลื่องชื่อ แหวกกรอบค่านิยมและขนบธรรมเนียมดั้งเดิม และเป็นผู้กำหนดเส้นทางใหม่ๆให้กับอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่เพียงแต่จะโลดแล่นโชว์skill การแสดงอยู่หน้าจอและบนเวทีจนมีชื่อเสียงในฐานะ sex symbol เธอยังได้รับคำชื่นชมจากการเขียนบท comedy เจ็บแสบ และอยู่เบื้องหลังละคร Broadway และหนภาพบนตร์หลายเรื่องจนถูกเชิดชูให้เป็นหนึ่งในศิลปินหญิงในตำนานภาพยนตร์อเมริกันคลาสสิค

แต่เพราะความเป็นหัวขบถที่เป็นเอกลักษณ์มาตลอดชีวิตนี่เองที่เคยทำให้เธอต้องถูกจำคุกมาแล้ว



Mae ได้เขียนบทและ produce และกำกับ Sex ละครเวทีสุดฉาวเพื่อเป็นเป็นผลงานเดบิวท์ที่ Broadway ไม่ต้องมีคนสปอยล์เรื่องราวก็คงเดาระดับความแซ่บได้ทันที ฝ่ายอนุรักษ์นิยมพยายามสกัดดาวรุ่งกันเต็มที่ แต่ยอดขายตั๋วเข้าชมกลับพุ่งสูง ยิ่งมีคำโปรยท้าทายว่า หากรับมือกับความตื่นเต้นไม่ค่อยจะไหว ขอให้ไปพบแพทย์มาก่อนชม ก็ยิ่งทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ถูกบอกเล่าไปปากต่อปาก ส่งผลให้กลุ่มผู้เคร่งครัดทางศาสนาร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐจนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมเธอและนักแสดงคนอื่นๆด้วยข้อหาอนาจารซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียทางศีลธรรม นำไปสู่โทษจำคุกสิบวัน แต่สิ่งที่ตามมาอาจจะทำให้คุณประหลาดใจ เพราะนอกจากเธอจะไม่เสียขวัญกับข้อกล่าวหาและวิตกกังวลว่าจะเกิดอุปสรรคใหญ่หลวงต่ออาชีพในวงการบันเทิง เธอกลับเดินเข้าตารางแบบเชิดๆ แปดวันต่อมาก็ได้รับการปล่อยตัวเพราะเป็นผู้ต้องขังที่มีพฤติกรรมดี และประกาศว่า ประสบการณ์ในคุกครั้งนี้ช่างคุ่มค่า เพราะมันได้ช่วย boostกระแสจนอาชีพศิลปินบันเทิงของเธอยิ่งรุ่งโรจน์ สิ่งที่เธอรู้สึกรำคาญใจจากการถูกลงโทษครั้งนี้มีเพียงแค่ต้องฝืนใส่ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายเท่านั้น!



จากการเปิดแสดง Sex 370  รอบ  มีผู้คนจองตั๋วเข้าไปชมถึง 325,000  คน  ซึ่งในเวลาต่อมา   ก็มีการวิเคราะห์โดยตัดอคติแบบอนุรักษ์นิยมออกไปว่า   นี่ไม่ใช่ละครเวทีโชว์ฉากติดเรทให้ผู้ชมดูกันสดๆ  แต่แฝงด้วยแนวคิดพลังหญิงในยุค 1920s ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของ sex worker ที่ปรารถนาชีวิตที่ดีกว่าเดิม จึงพยายามแสวงหาความสัมพันธ์ที่มั่นคงแต่ต้องพบกับการทางเลือกที่ยากลำบาก กระแสกดดันจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมทำให้เธอกลายเป็นบุคคลมีประวัติ  ทั้งๆบรรดาตำรวจ ผู้พิพากษา ทนายรวมถึงบรรดาของภรรยาของเจ้าหน้าที่ต่างก็ได้ชมละครเวทีเรื่องนี้กันมาแล้ว    แต่นั่นก็กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนให้เธอประสบความสำเร็จยาวนานมาอีกหลายทศวรรษ ทั้งได้รับข้อเสนอทำสัญญาจากstudio ดัง  เธอติดอันดับบุคคลที่มีรายได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอเมริกาในปี 1935 (เป็นรองก็แต่ William Randolph Hearst ผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อ)  และสร้างผลงานยอดนิยมจนเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต


มีผู้เข้าใจว่า ชุด Happy Birthday Mr. President ของ Marilyn Monroe ถือเป็น the naked dress ชุดแรกๆที่ปรากฏในประวัติศาสตร์ Hollywood แต่ที่จริงแล้ว Mae West สวมใส่ชุดวาบหวิวแบบนี้มาก่อนหลายปีแล้ว หนึ่งในนั้นคือชุดจากหนัง  Go West, Young Manในปี 1936   สำหรับดีไซน์ช่วงกึ่งกลางลำตัวนั้น  บอกเลยว่าสำหรับยุคนี้ก็ยังต้องทำให้ร้องอู้วว์!








ชุดคว้านคอลึกของJayne Mansfield ที่ทำให้ Sophia Loren มองแรง



ด้วยผมสี platinum blonde และส่วนเว้าส่วนโค้งละลานตาทำให้ Jayne Mansfield ถูกจับมาเปรียบเทียบกับ Marilyn Monroe อยู่เสมอ   แต่ภาพที่สร้างความจดจำของเธอกลับไม่ใช่ตอนเข้าใกล้กับ Sex Symbol ในตำนาน   แต่เป็นโมเมนท์การพบกับ Sophia Loren  นางเอกผู้ขึ้นชื่อเรื่องความร้อนแรงจากอิตาลีกลาง party ที่ studio ดังจัดต้อนรับเธอ  

เมื่อได้เห็นกลุ่มคนทรงอิทธิพลและช่างภาพรายล้อมที่โต๊ะของSophia นางเอกสาวอเมริกันก็หาจังหวะเหมาะๆนวยนาดเข้าไปแนะนำพร้อมกับโน้มกายอย่างจงใจทุกสายตาจับจ้อง จนปรากฏดังภาพ



Sophia ได้เล่าเหตุการณ์ว่า

"Paramount เป็นผู้จัด party ต้อนรับฉันค่ะ คนในแวดวงหนังอยู่ที่นั่นกัน มันช่างยอดเยี่ยม แล้ว Jayne Mansfield ก็ปรากฏตัว เธอเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาหา สำหรับฉันแล้ว มันเป็นจังหวะเด็ดของงาน เธอมาที่โต๊ะและรู้ว่าทุกคนกำลังมองอยู่ เธอนั่งลง และแทบจะไม่ปกปิด... ก็ดูภาพสิคะ ตาฉันจ้องไปตรงไหน? ฉันจ้องหัวนมของเธอเพราะกลัวว่ามันจะทะลักมาตกใส่จานของฉัน คุณสามารถสัมผัสความวิตกจริตของฉันได้ชัดเจน ฉันกลัวว่าอะไรๆที่อยู่ใต้ชุดของเธอจะหลุดผลัวะเกลื่อนใส่โต๊ะ"



The Bullet Bra


เทรนด์ที่อาจจะทำให้หลายคนข้องใจ หน้าอกยอดแหลวราวกับจะใช้เป็นอาวุธทำร้ายอริที่เดินสวนกันที่ริมถนนได้นี่ดูเย้ายวนตรงไหนนะ?

แต่นี่คือลุคสุดแซ่บในราวๆยุค 40s-50s ซึ่งต้องอาศัยความมั่นสุดชีวิต แม้จะเห็นเหล่าพินอัพเกิร์ลเค้าใส่กันแบบชิลๆ แต่สำหรับหญิงสาวทั่วไปแล้ว ลุคนี้ย่อมดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้าง และไม่ได้เป็นสายตาปลาบปลื้มไปซะหมด เนื่องจากเทรนด์นี้เริ่มต้นในช่วงหลังสงครามที่ผู้คนยังใช้ชีวิตกันอย่างอัตคัต การเชิดชูความ glamorous ของเรือนร่างหญิงสาวด้วยเครื่องแต่งกายที่สะดุดตาขนาดนี้ยังถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เสื่อมเสีย แต่เมื่อนางเอกชื่อดังอวดโฉมพร้อมนมแหลมในหนังก็เกิดเป็นเทรนด์ sweater girls หรือการใส่ sweater จับคู่กับ bullet bra นั่นเอง



หญิงสาวหลายคนมองว่าลุคsweater รัดรูปเผยนมแหลมเปี๊ยวเพิ่มสีสันความสนุกสนานด้วยทรวดทรงแบบใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงผู้หนึ่งให้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เสื้อชั้นในสุดเทรนดี้นี่คือตัวการของปัญหาอาชญากรรมทางเพศ (victim blaming มีอยู่ทุกยุคทุกสมัย) และกล่าวหาว่า sweater girls เป็นเด็กสาวที่ชื่นชอบที่ได้รับความสนใจจากการโชว์สัดส่วน และปรามาสว่า "พวกเธอพวกนั้นจะกลายมาเป็นแม่คนและภรรยาประเภทไหนกัน"
ผู้กำกับการรายนี้ยังโทษว่า เสื้อชัั้นในที่ทำให้ทรวดทรงท้าทายสายตานั้นทำให้ผู้หญิงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป เพราะผู้ชายจะไม่เห็นเส้นแบ่งที่ไม่ควรล่วงละเมิดผู้หญิงจากเสื้อผ้าที่เชื้อเชิญของพวกเธอ และยังมีนักวิชาการคนอื่นที่ฟันธงว่า bullet bra คือต้นตอปัญหาข่มขืน

แต่เราก็รู้กันดีว่า แม้เทรนด์นี้จะค่อยๆเสื่อมความนิยมลงไป ผู้หญิงก็ยังถูกล่วงละเมิดทางเพศ และก็มีคนโทษแฟชั่นแบบอื่นต่อไปเรื่อยๆ




หลายคนอาจจะรู้สึกงงงวยกับความนิยมใน silhouette  ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเช่นนี้  แต่ลองคิดอีกที  หากคนในอดีตได้เห็นว่า ผู้คนในยุค digital ปลาบปลื้มกับทรวดทรงแบบไหนก็คงจะประหลาดใจไม่แพ้กัน



  Naked dress ไม่แคร์สื่อของ Kate Moss

 

พอถึงยุค 90s แนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่ตัดสิยผู้หญิงจากการเปิดเผยเรือนร่างก็ห่างหายไปจากวงการแฟชั่น เหล่า supermodel เดินแบบบนrunway แบบเปลือยอกหรือใส่ naked dress กันจนชินตาไม่ใช่ scandal แต่อย่างใด แต่ภาพของ Kate Moss ที่สวมใส่ชุดโปร่งใสแบบ no bra นอก runway ก็ยังสร้างเสียงฮือฮาจนถูกยกให้เป็น classic moment ของแฟชั่น 90s   หากพิจารณาจากกลุ่มผู้ร่วมงานเบื้องหลังของนางแบบดัง ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ในขณะๆที่คนอื่นๆแต่งกายอย่างมิดชิดมีสีสันเรียบๆ แต่เธอยิ้มแป้นแล้นอย่างสบายใจในชุดmetallic โปร่งใสที่เหมือนกับใส่กางกางชั้นในตัวเดียวเข้างาน มุมหนึ่งอาจจะดูผิดที่ผิดทาง แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจเหมือนกับใส่ slip dress ธรรมดาทั่วไป

Kate ได้เล่าถึงโมเมนท์ที่สร้างเสียงกล่าวขวัญว่า ตอนนั้นยังอายุแค่ 19 และไม่เคยถูก paparazzi ถ่ายภาพมาก่อน เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปงานนั้นทำไมเพราะเป็นงานของเอเจนซี่อื่น แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมทุกคนต้องตื่นเต้นขนาดนั้น เพราะตอนใส่ในแฟลตมืดๆของเพื่อน มันไม่ได้โปร่งใสจนเห็นทุกอย่างภายใน


แม้ว่าในสมัยนี้เหล่าอิทเกิร์ลจะใส่ naked dress กันเกลื่อนกลาด  แต่ความชิลของ Kate ก็ทำให้ชุดนี้ถูกสื่อแฟชั่นจับมาพูดถึงซ้ำๆจนถึงทุกวันนี้ และมีผู้ recreate look มาแล้วหลายครั้ง  หนึ่งในนั้นคือ Lila Grace ลูกสาวสุดที่รักที่เธอผลักดันเข้าสู่วงการแฟชั่นที่น่าจะมีคุณแม่  Kate  เป็นต้นแบบนั่นเอง



ชุดเดินพรมแดงของ Rose McGowan ที่ทำให้เทรนด์ naked dress ในปัจจุบันดูมิดชิดไปเลย


หลายคนเชื่อว่า naked dress คือเครื่องมือที่ร้องเรียกให้ทุกสายตาจับจ้อง โดยเฉพาะงานระดับ high profileที่มีตากล้องรอจับช็อทเด็ดทุกมุม ดีไซน์ความเปลือยนั้นมีอยู่หลาย level บางคนอาจจะเลือกแบบวับๆแวมๆ เปิดตรงนี้นิด ปิดตรงนี้หน่อยให้จินตนาการต่อยอดกันไปเอง แต่บางคนก็ไปให้สุด ดัง Rose McGowan ที่จับชุดตาข่ายคู่กับ thong เดินเข้างาน MTV Video Music Awards ในปี 1998 ท้าทายทุกสายตา

ไม่ต้องมี shapewear
ไม่ต้องใช้ตัวช่วยอำพรางใดๆ
thong เส้นบางๆก็เอาอยู่!


ที่มาของไอเดียชุดนี้อาจจะสร้างความตกใจให้กับหลายคน เพราะเจ้าตัวเล่าว่า สิ่งที่ทำให้เธอตัดสินใจเดินพรมแดงในชุดนี้มาจากประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ

"มันเป็นการออกงานครั้งแรกหลังจากที่ถูกกระทำชำเรา ฉันเกิดความคิดที่น่าจะเหมือนกับตอนที่ Russell Crowe ประกาศในหนัง Gladiator ว่า สนุกนักใช่มั้ย? มันคือเหตุผลที่ฉันใส่ชุดนี้ มันคือการตอบโต้ที่ถูกล่วงละเมิดค่ะ"

(Rose คือหนึ่งในผู้หญิงคนแรกๆที่ยืนยันว่าถูก Harvey Weinsteinข่มขืนในช่วงเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวMeToo และระบุว่าเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นในปี1997)



candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE