คนดังที่ถูกกล่าวหาเรื่องความรุนแรง

36 11

Emma Roberts


ข้อกล่าวหา ทำร้าย Evan Peters จนถูกคุมตัวไปสถานีตำรวจในปี 2013

คำชี้แจง   'การจับกุมเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความเข้าใจผิด' และฝ่ายชายไม่แจ้งความแต่อย่างใด


พวกเค้าเคยมีภาพลักษณ์ของคู่รักเซเลบที่น่ารักอิจฉา ทั้งวัยที่ใกล้เคียงและเคมีที่ดูเข้ากัน แต่หลังจากที่สื่อตีข่าวครึกโครมถึงการทะเลาะเบาะแว้งในห้องโรงแรมที่ Montreal ก็จุดประเด็นให้สังคมตั้งคำถามเรื่อง abuser ที่เป็นเพศหญิง เหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นที่แขกที่เข้าพักโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาระงับเหตุการณ์ มีรายงานว่า Evans ปรากฏร่องรอยความบาดเจ็บชัดเจน ทั้งเลือดจมูกไหลและมีรอยกัด นั่นทำให้เจ้าหน้าที่สันนิษฐานทันทีว่าเขาคือเหยื่อของความรุนแรงจากน้ำมือแฟนสาว และควบคุมเธอไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจอยู่หลายชั่วโมง แม้ตัวแทนของทั้งคู่จะส่งคำแถลงการณืถึงสื่อว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความเข้าใจผิด และ Emma ก็ถูกปล่อยตัวออกมาโดยไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่ข่าวนี้ก็ได้สั่นคลอนภาพลักษณ์ good girl ของเธอ ชาวเน็ทจำนวนหนึ่งกล่าวหาว่าเป็น abuser และแสดงความข้องใจเมื่อบรรดาสื่อไม่ได้ตามขุดคุ้ยหรือมีกระแส cancel ตามมา






บางคนระบุว่า หากสังเกตจากภาพที่ Evan กำลังปลอบใจ Emma ที่กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญไม่กี่วันหลังจากที่เธอถูกคุมตัวไปสถานีตำรวจเพราะถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องพฤติกรรมใช้ความรุนแรงนั้น จะพบกับร่องรอยอาการบาดเจ็บที่จมูก และรอยที่ถูกกัดและรอยฟกช้ำที่มือและแขนตรงกับที่สื่อรายงาน อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์มา paparazzi ก็ได้ติดตามถ่ายภาพที่ปรากฏรอยฟกช้ำดำเขียวที่ขาของ Emma ซึ่งอาจจะมาจากการกระทบกระทั่งกันในโรงแรม แต่ทั้งคู่ไม่ได้ออกมาอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้นเพิ่มเติม ทำให้เรื่องราวยังดูคลุมเครือต่อไปว่า Emma คือผู้ร้ายของเรื่องนี้ หรือพวกเค้าต่างลงมือลงไม้ทำร้ายกันจนได้แผลมาจากความชุลมุน?


ดูเหมือนว่า Emma และ Evans จะทิ้งข่าวฉาวไว้เบื้องหลังแล้วสานต่อความสัมพันธ์ในระดับจริงจังด้วยการหมั้นหมาย พวกเค้าแสดงความรักหวานซึ้งไปทุกหนทุกแห่ง แต่ก็รักๆเลิกๆท่ามกลางข่าวลือว่า แม้จะหลงใหลกันมากล้นแต่ก็เป็นความสัมพันธ์สุด toxicตลอดเวลา 7 ปี ในที่สุดก็ตัดสินใจแยกทางกันอย่างเด็ดขาด ต่างคนต่างmove on ไปกับรักใหม่



Dr.Dre



ข้อกล่าวหา 
ทำร้ายร่างกายนักข่าวหญิงในยุค 90s และยังมีอดีตคนรัก(แม่ของลูก) และแร็พเพอร์หญิงที่ไม่ถูกกกัน
อดีตภรรยาที่แต่งงานกันมาถึง 24 ปีฟ้องหย่าด้วยข้อกล่าวหาถูกทำร้ายร่างกายและใช้ปืนจ่อหัว และได้รับทรัพย์สินจากข้อตกลงหย่าไปถึงร้อยล้านเหรียญ

คำชี้แจง 
ผ่านไปยี่สิบกว่าปีจึงประกาศรับผิดและขอโทษในพฤติกรรมใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง



การแสดงดนตรีที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆในช่วงพักครึ่ง Super Bowl ในปีนี้ อาจจะทำให้ผู้คนรู้สึกอิ่มเอมกับความทรงจำแห่งความรุ่งเรืองของ West Coast hip hop Dr. Dre คือศิลปินชั้นนำที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับแร็พเพอร์รุ่นหลังจำนวนมากมาย ทั้งชื่อเสียงและความสำเร็จที่ถูกยกให้เป็นตัวพ่อแห่งวงการ hip hop ได้สร้างความข้องใจให้กับแฟนๆซะด้วยซ้ำว่า เขาน่าจะได้รับเชิญมาแสดงที่ Super Bowl มาเนิ่นนานก่อนหน้า

แต่ในท่ามกลางความปลาบปลื้มยินดีกับการรวมตัวของศิลปินระดับตำนาน   ก็มีคอมเมนท์ทัดทานตามมาว่า สังคมไม่ควรเชิดชูความสำเร็จของผู้ชายที่มีประวัติทำร้ายร่างกายผู้หญิง  โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมผิดซ้ำซาก  แต่ดูเหมือนว่า  ผู้คนจะลืมเลือนคดีที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงของ Dr. Dre ไปซะแล้ว

Johnny Depp ถูกตราหน้าว่าเป็น abuser ทำร้ายร่างกายและจิตใจAmber Heard จนถูกค่ายหนังยักษ์ใหญ่ตัดหางปล่อยวัด กลายเป็นพระเอกดังที่ถูกกาหัวblacklist แต่การต่อสู้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาด้วยการฟ้องร้องหมิ่นประมาทพร้อมหลักฐานหักล้างข้อกล่าวหาของอดีตภรรยาก็ทำให้หลายคนหันมารับฟังและพิจารณาข้อมูลจากสองข้าง ตามมาด้วยกระแสต่อต้านของผู้คนมากมายที่เชื่อว่า ฝ่ายผู้กล่าวหากำลังเล่นบทเหยื่อเพื่อหาประโยชน์และกำลังเข้าตาจนเพราะถูกต้อนให้จนมุมจากคำโกหก

แต่นั่นแตกต่างจากข่าวอื้อฉาวของ Dr. Dre ...

ในขณะที่ JD ต้องเว้นวรรคจากงานแสดงมาพักใหญ่หลังจากถูกปลดจากหนังฟอร์มยักษ์ ส่วนหนังที่ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยก็ถูกเลื่อนฉายหรือพูดได้ว่าดองลืม แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนที่สังคมจะตื่นตัวกับความเคลื่อนไหว MeToo และวัฒนธรรม cancel บรรดาชายทรงอิทธิพลที่ถูกกล่าวหาหรือต้องคดีทำร้ายร่างกายผู้หญิงกลับไม่ได้รับผลกระทบด้านการงานมากเท่าใด แม้แต่ Dr. Dre ที่ยอมรับว่ากระทำผิดจริง ก็ยังได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจของศิลปินรุ่นใหม่ แต่ผู้คนกลับเมินเฉยกับอีกด้านที่เป็นserial abuser

Dr. Dre อาจจะประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจและ produce งานดนตรีจนเป็นติดอยู่ในกลุ่มศิลปิน hip hopที่ร่ำรวยที่สุด และดูเหมือนว่า ข่าวอื้อฉาวเรื่องทำร้ายร่างกายผู้หญิงจะไม่กระเทือนต่อเส้นทางอาชีพที่เรืองโรจน์ของเขา แม้จะถูกตราหน้าว่าเป็น abuser แต่เขาก็ยังรักษาอิทธิพลในวงการดนตรีไว้อย่างเหนียวแน่น อย่างไรก็ตาม ข้อกล่าวหาจากอดีตภรรยาที่ครองคู่กันมาเนิ่นนานก็ปลุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกครั้ง








ย้อนไปเมื่อปี 1991 แร็พเพอร์สาว Dee Barnes ผู้ผันตัวมาสร้างชื่อในการจัดรายการดนตรีhip hop ทางวิทยุและโทรทัศน์ถูกหมายหัวจาก Dre หลังจากที่เธอวิพากษ์วิจารณ์วง N.W.A รวมถึงสัมภาษณ์ Ice Cube ที่ล้อเลียน The DOC เพื่อนรักของเขา ทั้งๆที่ DOC เพิ่งจะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนบาดเจ็บสาหัส เขาสั่งสมโทสะคุกรุ่นไว้จนกระทังได้เผชิญหน้ากับเธอใน party
จากปากคำของDee Barnes แร็พเพอร์ดังจิกผมเธอแล้วเหวี่ยงร่างจนกระแทกของดำแพงหลายครั้ง เขาพยายามจะเหวี่ยงเธอให้ร่วงตกบันไดไปแต่ก็ไม่สำเร็จจึงเตะสีข้างเธอ แม้จะมีผู้คนจ้องมอง แต่บอดี้การ์ดของเขาได้ถืออาวุธกันไว้ไม่ให้ใครเข้ามาแทรก เธอกระเสือกกระสนหลบหนีมาซ่อนในห้องน้ำหญิงได้สำเร็จ


เหยื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำ $ 22.75 ล้าน แต่พวกเค้าเจรจาตัวเลขเพื่อชดเชยกันนอกศาล แต่ก็ต้องจ่ายค่าปรับและเข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติและบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ประกาศว่า ใครร้ายมา เขาก็แรงกลับ และไม่ได้ทำร้ายเธอหนักมืออย่างที่ใครๆพูดกันไปเรื่อย แค่เหวี่ยงข้ามประตูไปเท่านั้น

เมื่อปี 2016 Michel’le นักร้องสาวที่เริ่มต้นความสัมพันธ์กับ Dre ตั้งแต่ที่ยังเป็นเพียงสาววัย 17 ได้บรรยายถึงการใช้ชีวิตคู่กับเขาผ่านสารคดี Surviving Compton ว่า เธอรู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่ยุค 80s ก่อนที่จะโด่งดังกลายเป็นศิลปินร่ำรวย แต่ไม่นานจากนั้นเขาก็เผยด้านที่รุนแรงซึ่งจากปัญหาการดื่มสุรา เมื่อเขาเมากลับบ้านมา เธอถูกตบตีจนบาดเจ็บหลายครั้ง หนักสุดคือจมูกหักจนต้องทำศัลฺยกรรมแก้ไข รวมถึงวินาทีหวิดตายเมื่อเขายิงปืนมาทางเธอและลูกกระสุนก็เฉียดร่างไปเพียงนิดเดียว





ในปี 2015 Dreได้เปิดใจถึงอดีตที่อื้อฉาวกับRolling Stone ว่า เขาได้ทำผิดพลาดอย่างรุนแรงเพราะยังอายุน้อยและยังโง่เขลา ข้อกล่าวหามีทั้งทั้งเรื่องจริงและไม่จริง ซึ่งบางอย่างก็ทำให้เขาอยากย้อนเวลาไปแก้ไขเพราะมันช่างย่ำแย่เกินบรรยาย และยืนยันว่า จะไม่มีวันทำเช่นนั้นอีก


แต่คำพูดของดังกล่าวอาจจะไม่พอเพียงให้เขาดูน่าเชื่อว่าได้เปลี่ยนแปลงเป็นชายคนใหม่อย่างแท้จริง Dre ตัดสินใจประกาศขอโทษต่อบรรดาผู้หญิงที่เขาทำร้าย (โดยไม่ระบุชื่อ แต่ใช้คำพหูพจน์ที่แสดงว่า มีเหยื่อสองรายขึ้นไป)
เขายอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะนำมาแก้ตัวเรื่องพฤติกรรมรุนแรงที่ในอดีต แต่จะทุ่มเทเต็มที่เพื่อปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนดีขึ้นเพื่อครอบครัว

Dre เลือกจะเผยความรู้สึกเรื่องการใช้ความรุนแรงอีกครั้งผ่านสารคดี The Defiant Ones ยืนยันว่ามีแต่ผู้ชายที่งี่เง่าไร้ที่ทำร้ายร่างกายผู้หญิง และในตอนนั้นเขาก็ขาดความยั้งคิดจึงต้องชดใช้ด้วยมลทินติดตัวไปตลอดชีวิต แม้ว่าเขาจะเคยเห็นแม่แท้ๆถูกทำร้ายร่างกายมาห่อน จึงยิ่งไม่มีข้อแก้ตัวใดๆกับพฤติกรรมที่แสนโง่เขลานี้

แต่การให้คำมั่นว่าจะไม่มีวันลงไม้ลงมือกับผู้หญิงอีกก็ถูกสั่นสะเทือนด้วยคดีฟ้องหย่าจากNicole Young ภรรยาที่ใช้ชีวิตคู่มาด้วยกันถึง 24 ปี โดยที่สื่อได้นำเนื้อความคำกล่าวหาจากเอกสารทางศาลมาตีแผ่ว่า เธอคือเหยื่อความรุนแรงที่ถูกสามีทำร้ายร่างกายมาครึ่งค่อนชีวิต ทั้งถูกทุบตีและขู่ฆ่าด้วยใช้ปืนจ่อหัวจนเกิดอาการ PTSD


แร็พเพอร์ดังได้โต้กล่าวหาภรรยาว่า เธอไม่มีหลักฐานใดๆที่รองรับคำพูดแม้แต่อย่างเดียวไม่ว่าจะเป็น เอกสาร ข้อความ ภาพถ่าย รายงานการแจ้งความ พยาน การกระทำของเธอทำให้เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่า ที่ผ่านมารู้จักตัวตนที่แท้จริงชองผูู้หญิงที่แต่งงานและมีความรักกันมานมนานแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังแต่งเนื้อแร็พเหยียดหยามว่าเธอเป็นผู้หญิงโลภมากที่วางแผนให้การเท็จเพื่อหวังจะกอบโกยเงินจากเขา

การเจรจาแบ่งทรัพย์สินกินเวลาถึงปีครึ่ง สื่อรายงานตรงกันว่า ศาลเห็นชอบให้ภรรยาของเขารับเงินหย่าไปถึง$100ล้าน เธอยังได้รับเครื่องเพชร รถหรูหลายคัน ทำให้ถูกจัดเข้าไปติดอันดับการหย่าที่แพงที่สุดใน Hollywood บทสรุปของการต่อสู้เพื่อแบ่งทรัพย์สินสมรสก็เป็นไปตามคำพูดของเขาทุกอย่าง    แม้เธอจะไม่ได้แสดงหลักฐานว่าถูกทารุณกรรมในช่วงที่อยู่กินกัน แต่ประวัติการทำร้ายผู้หญิงในอดีตได้ตามมาหลอกหลอนจนไม่มีวันสลัดทิ้งไปได้





Sean Penn


ข้อกล่าวหา


หนึ่งข่าวลือที่ถือว่าเป็นตำนานของ Hollywood ที่ไม่จางหายไป คือ Sean Penn จับ Madonna มัดแล้วตีด้วยไม้เบสบอล และปัญหาการใช้ความรุนแรงก็ทำให้เธอทนไม่ไหวจนต้องขอหย่า

ในยุค 80s เคยทำร้ายร่างกายนักข่าวและpaparazziหลายคน และในที่สุดก็ถูกจำคุกหนึ่งเดือนจากข้อหาทำร้ายนักแสดงตัวประกอบในกองถ่ายและขับรถโดยประมาท

ว่างเว้นจากการเป็นคดีความมานาน ในปี 2010 ก็ถูกตัดสินให้มีความผิดโทษฐานทำร้ายร่างกาย paparazzi อีกครั้ง และต้องชดใช้ความผิดเด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ300 ชั่วโมง รวมถึงเข้ารับการบำบัดเพื่อควบคุมโทสะ

คำชี้แจง  

Penn ยืนยันชัดว่าไม่เคยทำร้ายศิลปินsuperstar ผู้เป็นอดีตภรรยา   สวนตัว Madonna เองก็ไม่พูดถึงประเด็นนี้ จนกระทั่งปี 2015 เธอก็ได้ประกาศชัดเจนว่า  Penn ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอ  แต่แม้ว่า  เธอจะแสดงออกชัดเจนว่ายังรักษามิตรภาพกับอดีตสามีอย่างแนบแน่นมาตลอดหลายปีนี้   แต่ข่าวเสียหายเรื่องการใชความรุนแรงกับpaparazzi ทำให้หลายคนปักใจเชื่อว่า   เขามีพฤติกรรม abusive ในความสัมพันธ์

Sean Penn อาจจะถูกยกย่องให้เป็นพระเอกสายรางวัลที่เปล่งประกายด้วยความสามารถทางการแสดงมาตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ข่าวคราวเสียหายด้านชีวิตส่วนตัวก็ไม่ทำให้เขามีชื่อเสียงในฐานะคนโปรดของเหล่า social justice warriors เมื่อเขาเปิดปากแดกดันความเคลื่อนไหว MeToo ว่าเป็นเครื่องมือของผู้ที่ใช้ข่าวฉาวมาหาผลประโยชน์และทำให้หญิงชายแตกแยกกัน หรือตอนที่บอกว่า ผู้ชายสมัยนี้มีพฤติกรรมนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงจนเกินไป และพวกผู้ชายหันมาใส่กระโปรงมาจากพันธุกรรมความขี้ขลาด คำพูดเหล่านี้ยิ่งทำให้เขาถูกพิพากษาว่าเป็นพวกต่อต้านผู้หญิง แม้ว่าการแสดงความเห็นทางการเมืองแบบที่สื่อถึงความเป็นขบถสังคมจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ Penn แต่ชาวเน็ทหลายคนก็มักหยิบยกข่าวลือจากยุค 80s มาอ้างอิงในการโจมตีพระเอกหนุ่มใหญ่ ทั้งๆที่ Madonna จะได้ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า เรื่องจากหน้าข่าวแทบลอยด์ที่เธอถูกอดีตสามีมัดและใช้ไม้เบสบอลฟาดนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหกอันร้ายกาจ ก็ไม่ได้ให้ความสลายไปตามกาลเวลาแต่อย่างใด


สื่อหลายเจ้าได้ยกคำพูดของร้อยโท Bill McSweeney เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่ได้พบ Madonna ที่มาถึงสถานีตำรวจในสภาพ 'ย่ำแย่ ร้องห่มร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะหน้า และมีร่องรอยเหมือนถูกทุบตีมาอย่างชัดเจน' สื่อดังอย่าง The New York Post และ Washington Post รายงานอย่างมั่นใจว่า Penn ถูกตั้งข้อหาทำร้ายจนบาดเจ็บและเกิดความบอบช้ำทางจิตใจ แต่ Madonna ถอนแจ้งความและยื่นขอหย่าไม่กี่วันหลังจากนั้น

เรื่องราวที่สื่อตั้้งฉายาว่า 'ค่ำคืนที่น่าหวาดกลัว' ยังเป็นสิ่งที่คลุมเครือมาถึงปัจจุบัน ทนายของ Penn ยืนยันว่า เขาไม่เคยถูกตั้งข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว แต่มีรายงานตรงกันว่า Madonna เป็นผู้โทร 911 เพื่อขอความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงบ้านของพวกเค้า Penn ได้รับคำสั่งให้เดินออกมาพร้อมกับยกมือไว้ เมื่อถูกคุมตัวมาที่สถานีตำรวจ เขาก็ได้ให้คำอธิบายว่า ไม่ได้ทำร้ายร่างกายภรรยา แต่เธอก่อเรื่องใหญ่โตด้วยการโทรแจ้งตำรวจเพราะหึงหวงว่าเขากำลังคบชู้กับสาวนักเต้นเปลื้องผ้า


แม้จะปฏิเสธเรื่องการทำร้ายร่างกาย Madonna แต่ Penn ยอมรับว่า ดื่มจนมึนเมาตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน เมื่อจับต้นชนปลายกับเนื้อเพลง Till Death Do Us Part ที่เธอบรรยายถึงความสัมพันธ์อันร้าวรานจากความรุนแรงในครอบครัว และยังเป็นผลงานที่เธอสร้างสรรค์ในช่วงยื่นหย่าจาก Penn นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้คนมากมายเชื่อมั่นว่า Madonna ใช้ประสบการณ์จริงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในชีวิตแต่งงานมากลั่นกรองเป็นผลงานดนตรี ชาวเน็ทสันนิษฐานว่า เธออาจจะให้อภัยอดีตสามีและรักษามิตรภาพไว้ จึงเลือกที่จะปกป้องเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ปรากฏในกลุ่มเหยื่อความรุนแรงหลายคน


แม้สื่อดังหลายเจ้าจะตีข่าวกล่าวหา Penn เรื่องทำร้ายร่างกาย Madonna ในปี 1888 แต่ก็ไม่มีสัญญาจากพระเอกหนุ่มใหญ่ว่าจะฟ้องร้องหมิ่นประมาท ย้อนไปเมื่อปี 2015 Lee Daniels ผู้กำกับซีรีส์ Empire ที่ปกป้อง Terrence Howard พระเอกผู้อื้อฉาวที่ยอมรับเรื่องการทุบตีบรรดาอดีตภรรยาและคนรักสาวว่า พฤติกรรมของHoward ก็ไม่ต่างจากSean Penn และ Marlon Brando แต่ผู้คนกลับมองว่าเขาเป็นเหมือนปีศาจร้าย   แม้ Daniels จะไม่ได้โจมตี Penn ว่าเป็นabuser น่ารังเกียจ แต่การอ้างอิงว่าเขาทำร้ายภรรยาไม่ต่างจากพระเอกซีรีส์ Empire นั้นทำให้เขาลุกขึ้นมาฟ้องร้องหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหายสิบล้านจากผู้กำกับหนัง Oscar และเจรจาชดเชยกันนอกศาลพร้อมกับคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากคูกรณี และสิ่งที่ทำให้เขาเป็นผู้ชนะในคดีนี้หนีไม่พ้นถ้อยแถลงจาก Madonna ว่าไม่เคยถูก Penn ทำร้ายร่างกายดังที่ปรากฏตามแทบลอยด์นั่นเอง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE