ทำไมเด็กถึงแก่แดดไม่ได้?

ช่วงนี้โรงเรียนกลับมาเปิดเทอมอีกครั้ง เด็กๆ ได้ไปโรงเรียนจริงในรอบสองปี เรียกว่าเป็นความคึกคักแบบที่เราเคยชินกันก่อนมีโควิด และล่าสุดก็มีแบรนด์มิสทีนทำโฆษณาฉายแสงทุกการเติบโตออกมาต้อนรับเปิดเทอม โดนใจวัยเรียน หรือเลิกเรียนมานานแล้วเพียบ!

เนื้อเรื่องคือเด็กนักเรียนออกมายืนหน้าห้องเหมือนจะโดนทำโทษที่แต่งหน้ามา แต่เปล่าจ่ะ คุณครูทำการแนะนำการแต่งหน้าที่เข้ากับแต่ละคน และเน้นว่าอย่าให้ความคิด Male Dominated มาครอบงำ

แล้วก็มาเอ๊ะที่ฉากบอกว่า เด็กแต่งหน้า=แก่แดด แม้ในคลิปโฆษณาบอกว่าการทำตัวเองให้สวยกับแก่แดดเป็นคนละเรื่องกัน พอลองย้อนคิดดูก็น่าสงสัยเหมือนกันนะคะ ว่าทำไมเด็กแต่งหน้าถึงเป็นการแก่แดดในสังคมเราไปได้ การค้นพบความชอบหรือตัวตนที่อยากเรียนรู้ เร็วกว่าช่วงอายุที่ผู้ใหญ่คาดหวัง ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องแก่แดดซะงั้น

หลายโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนแต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นเรื่องผิดระเบียบ ที่ลิดรอนสิทธิกันไปหมด การแต่งหน้ามันจะเกี่ยวกับการเรียนหรือกฎระเบียบได้ยังไงนะ?

แก่แดดคืออะไร ทำไมต้องเอาไว้ใช้ว่าเด็ก มัน Make Sense แล้วหรือยัง?

ด้วยความสงสัยเลยไปค้นหาว่าคำว่าแก่แดดคืออะไรกันแน่ ก็ได้ความหมายว่า แก่แดดมาจาก แก่ลมแก่แดด เป็นสำนวนที่แปลว่า ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ ไม่ได้แค่เรื่องรักสวยรักงามเท่านั้น แต่รวมถึงนิสัยและกริยาที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินอายุจริง

แสดงว่าสังคมเราอยากให้เด็กก็ต้องทำตัวเป็นเด็ก ตามมาตรฐานที่สังคมเห็นว่าดีงาม ถ้าทำอะไรที่มันเกินพอดี หรือผิดวัยก็จะโดนตำหนิ

อย่างในเรื่องของการแต่งหน้า ถ้าแต่งหน้าตั้งแต่เด็กโดนด่าแน่นอน คำถามคือแล้วต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะเริ่มแต่งหน้าได้? ถ้าสนใจเครื่องสำอางและการแต่งหน้าตั้งแต่อายุน้อยๆ ทำไมผู้ใหญ่ผู้อาบน้ำร้อน-น้ำเย็น-น้ำอุ่นมาก่อน ถึงไม่ซัพพอร์ตและคอยสอนหรือให้ความรู้แทนล่ะ เขาอาจจะไปได้ดีในเส้นทางนี้ก็ได้นี่นา ตัวอย่าง Makeup Artist อายุน้อยที่ประสบความสำเร็จก็มีให้เราเห็นตั้งมากมาย!

เอาจริงเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ได้แคร์แล้วก็ได้ เวลามีผู้ใหญ่มาว่าว่าแก่แดด คงฟีลแบบ แก่แดดแร้วงัย คัยแคร์! แล้วเพื่อนๆ มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ายังไงกัน มาแชร์กันได้น้า