Zara Emotions Collection by Jo Malone CBE

Zara Emotions Collection by Jo Malone CBE เป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นที่ผมสนใจมากๆครับ ด้วยเป็นการกลับมาทำน้ำหอมในสเกลใหญ่ครั้งแรก ของคุณ Jo Malone หลังจากออกจากแบรนด์ Jo Malone London ไป แม้ว่า คุณโจ จะมีแบรนด์ Jo Loves แต่การขายก็ไม่ได้แมส และสเกลใหญ่ไปทั่วโลก ครั้งนี้คุณโจ มาร่วมงานกับแบรนด์ Zara ซึ่งเป็น Fast Fashion Brand ที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลก ที่มีทุน และช่องทางการขายมากมาย แน่นอนว่า Zara Emotions Collection ขายดีมากๆจนออกคอลเล็กชั่นต่อมามากมาย 

ผมเป็นคนนึงที่ชอบคอลเล็กชั่นนี้มากครับ ด้วยราคาที่น่ารักมากๆ 100ml อยู่ที่ 1290 บาทเท่านั้น แต่ได้กลิ่นที่แพงสุดๆ แต่ล่าสุดทางแบรนด์ได้ขึ้นราคา เพิ่มไปอีก 200 บาท วันนี้มาดูกันดีกว่าครับ ว่าคอลเล็กชั่นนี้ยังคุ้มที่จะซื้ออยู่มั้ย โดยผมจะพูดถึง 3 ตัวที่ผมมีครับ
คอลเล็กชั่นนี้ ข้อดีของเค้าเลยคือ กลิ่นแพงมากๆ เกินราคาไปสุดๆ ชื่อคุณโจ มาโลนคือสามารถการันตีได้เลย แต่คุณภาพการติดทน หลายๆตัวอาจจะน้อยกว่ามาตรฐานน้ำหอม Zara ผมว่าหลายๆตัวในคอลเล็กชั่นปกติของ Zara มีความทนกว่านี้ กระจายกว่านี้ ถ้าคุณชอบความทน ทั้งคอลเล็กชั่นผมให้ Ebony Wood ตัวเดียวเลยครับ ที่เหลือ ความทน ความกระจาย น้อยกว่ามาตรฐานคอลเล็กชั่นปกติ กับราคาที่มากกว่าคอลเล็กชั่นปกติของ Zara เกือบ 50% (ปกติ 990 คอลเล็กชั่นนี้ 1490) ส่วนตัวผม คงไม่ต่อแล้วครับ เสียใจมาก อยากให้ทาง Zara ไปพัฒนาความทนของคอลเล็กชั่นนี้ให้ได้เท่ากับมาตรฐานคอลเล็กชั่นปกติ

No.1 Vetiver Pamplemousse

No.1 Vetiver Pamplemousse
คอลเล็กชั่นนี้มีชื่อที่ง่ายไม่ต้องเดาเยอะตามสไตล์คุณโจ น้ำหอมตัวนี้ถ้าจากชื่อ มีส่วนผสมของ Vetiver คือหญ้าแฝก และ Pamplemousse คือส้มโอนั่นเองครับ แม้ว่าชื่อจะมี Vetiver แต่ผมมองว่า เค้าโดนส้มโอกลบหมดเลย ตัวนี้มีกลิ่นที่โดดเด่นมาก ผมมองว่า กลิ่นเหมือนลูกอมฮอล์สีเหลือง สำหรับผมที่มีในคอลเล็กชั่น ตัวนี้เป็นตัวที่ติดทนน้อยที่สุด และหาโอกาสใช้ยากที่สุด ด้วยความสดใสของเค้าอาจจะไม่ได้เข้ากับลุคผมเท่าไหร่ สำหรับผม ขวดนี้ผ่านได้ครับ แต่ถ้าชอบความสดใส ตัวนี้ก็น่าลอง

No.2 Waterlily Tea dress

No.2 Waterlily Tea dress
 กลิ่นสวนบัว กลิ่นคนดี ด้วยส่วนผสมของ Mint, Bergamot และ Musk เมื่อรวมกันแล้ว ได้กลิ่นหอมหวานเหมือนนั่งปิ๊กนิกอยู่ริมสวน ตัวนี้น่าจะเป็นน้ำหอมที่ดังที่สุดในไลน์แล้วครับ น่าจะเป็นน้ำหอมที่ขายดีที่สุด และเข้าใจง่ายที่สุด ความติดทนตัวนี้ผมให้กลางๆครับ ให้ที่ 6 ชั่วโมง ตัวนี้เป็นหนึ่งในน้ำหอมที่น่าลองครับ เพราะเค้ามีกลิ่นที่แพงเกินราคา (สำหรับผมให้ฟีลเดียวกับ byredo หรือ diptyque ในราคาต่ำกว่าสามเท่า)

No.3 Ebony Wood

แม้ว่าเค้าจะชื่อว่ากลิ่น Wood แต่กลับเข้าใจง่าย หอมแพง คลาสสิค หรูหรา ซึ่งลักษณะเหล่านี้หายากครับ แถมมาในราคาหลักพันกลางๆ ซึ่งราคาแบบนี้และลุคนี้ถือว่าคุ้มสุดๆครับ
น้ำหอมตัวนี้เท่าที่ลองมาคือทนสุดในไลน์ 8 ชั่วโมง ++ เลย ตัวนี้ผมแนะนำมากที่สุดในไลน์ ทั้งผู้หญิงผู้ชายเลยครับ

สุดท้ายยยยย ใครชอบน้ำหอมมาคุยกันได้ที่

เพจ Scented Story ครับบบ ขอบคุณครับบบบ