ชายทรงอิทธิพลที่จนมุมจากข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ

34 9

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหว MeToo  ที่ส่งแรงสั่นสะเทือนไปหลายวงการอาจจะกระชากหน้ากากผู้ทรงอิทธิพลที่ซุกซ่อนพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศไปได้หลายคน  แต่แม้ว่าสื่อหลายเจ้าได้รวบรวมรายชื่อของผู้ที่ถูกกกล่าวหาจนดูคล้ายกับจะดูไร้ที่สิ้นสุด    แต่ส่วนใหญ่แล้ว  กลุ่มชายที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นต่างยืนยันในความบริสุทธิ์พร้อมโต้กลับคู่กรณีว่าวางแผนใส่ร้ายเพราะตาดหวังเงินค่าชดเชยก้อนโต       scandal จำนวนไม่น้อยเงียบหายไปหลังจากการเจรจาจ่ายเงินชดเชยนอกศาลแลกกับการถอนฟ้อง จบเรื่องราวโดยที่ผู้ถูกกล่าวหารอดจากประวัติอาชญากรรมทางเพศ สามารถประกาศตัวเป็นผู้ไร้มลทินเต็มปากเต็มคำ




อย่างไรก็ตาม    กว่าที่สื่อจะตีแผ่เรื่องโสมมของ Harvey Weinstein   อาชญากรทางเพศผู้นี้ก็เคยลอยนวลจากโทษคดีกระทำชำเราด้วยการจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อมาตั้งแต่ยุค 90s   และโลดแล่นอยู่ในสังคมในฐานะเจ้าพ่อแห่งวงการภาพยนตร์ ทั้งยังได้รับการเชิดชูว่าเป็นบุคคลตัวอย่างจากหลายองค์กร   ทั้งๆที่ข่าวลือเรื่อง 'casting บนที่นอน' จะเป็นสิ่งที่ชาว  Hollywood รู้กันดี    ถึงขนาดว่า เมื่อย้อนไปในยุค 2000s ร็อกเกอร์สาวปากกล้า Courtney Love ก็ เคยเตือนหญิงสาวที่ฝันใฝ่จะสร้างชื่อในวงการบันเทิงออกสื่ออย่างเต็มปากเต็มคำว่า จงอยู่ห่างๆจาก Harvey Weinstein    แต่สังคมกลับไม่ได้ให้ความสนใจ หรือให้ความเชื่อถือคำพูดของเธอ  และที่หนักไปกว่านั้น  เธอถูกเอเจนซี่ของตัวเองตัดหางปล่อยวัดเพราะ พูดเรื่องจริงที่คนในวงการต่างรู้กันเต็มอก แต่ไม่กล้าพูดออกมา!



แต่มันคงเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ หากผู้คนในสังคมเอาแต่บีบคั้นเหยื่อให้ตอบว่า เหตุใด พวกเธอจึงไม่ปกป้องตัวเองด้วยการเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้น และแจ้งความเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ มีนางเอก A List หลายคนรวมอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่ยืนยันว่าเคยถูก Weinstein คุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ เรากำลังพูดถึงนางเอกระดับ Salma Hayek ที่ไม่เพียงประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง แต่ด้านชีวิตส่วนตัว เธอได้ครองคู่กับมหาเศรษฐีหมื่นล้านที่มีอิทธิพลล้นเหลือในโลกfashion แต่เธอก็เลือกเก็บงำความลับดำมืดมาเนิ่นนาน จนกระทั่งความเคลื่อนไหว MeToo ได้จุดประกายให้หลายคนรวบรวมความกล้าออกมาเปิดเผยประสบการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เธอจึงตัดสินใจเปิดโปงนักสร้างหนังผู้อื้อฉาวว่า เคยคุกคามและบีบบังคับให้เธอถ่ายฉากเปลือย แต่ยังคอยแทะโลมด้วยคำชักชวนให้มาอาบน้ำ บีบนวด หรือร่วมกิจกรรมทำรักด้วยปาก เมื่อเธอยืนกรานปฏิเสธก็จะระเบิดโทสะใส่ถึงขั้นขู่ฆ่า


หลังจาก New York Times (สื่อที่จุดประเด็นพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของ Weinstein) ติดต่อขอความร่วมมือให้เธอมาเป็นส่วนหนึ่งในขบวนการเปิดโปงครั้งใหญ่ เธอกลับเสียขวัญจนร้องห่มร้องไห้และไม่ยอมร่วมมือกับสื่อดัง แต่แล้วความรู้สึกละอายใจก็ตามหลอกหลอน เพราะเธอออกหน้าเพื่อสนับสนุนสิทธิสตรีมานาน แต่กลับหนีเหมือนคนขี้ขลาด ทั้งยังไม่แน่ใจ ความเจ็บปวดของเธออาจจะดูเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเหยื่อคนอื่นๆ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเล่าเรื่องราวของตัวเอง
(ว่ากันว่า เธออาจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับกับสามีซะด้วยซ้ำ)


แม้แต่นักแสดงชั้นนำและร่ำรวยล้นฟ้าอย่าง Salma ก็ยังหวาดหวั่นที่จะก้าวออกมาแชร์เรื่องราวของตัวเอง คงไม่น่าประหลาดใจเหยื่อที่ไม่ได้มีทั้งกำลังทรัพย์หรือชื่อเสียงใดๆ เลือกที่จะไม่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม สำหรับเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ คำว่า victim blaming อาจจะสร้างความเจ็บปวดซะยิ่งกว่าการถูกล่วงละเมิดซะอีก

แม้สื่อจะรวบรวมรายชื่อของชายผู้ทรงอิทธิพลที่ถูกกล่าวหาเรื่องกระทำผิดทางเพศมาได้รับร้อย  แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยอมรับผิดตรงๆ หรือถูกหลักฐานมัดตัวจนถูกดำเนินคดี    อย่างดี ก็เป็นการยอมรับกึ่งไม่ยอมรับ เช่น  จำเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว  แต่ก็ขออภัยหากเคยทำให้ใครต้องเจ็บปวด   หรือ  แสดงความเสียใจหากมีพฤติกรรมล้ำเส้น แต่ข้อกล่าวหาหลายอย่างเกินจริง  ถึงจะเคยทำเรื่องไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ถึงขั้นข่มขืนใคร  

ดังกรณีที่ชายหลายคนออกมาเปิดเผยว่าถูก Kevin Spacey การล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ยืนกรานปฏิเสธหนักแน่น แต่ชี้แจงว่า เหตุการณ์ที่ผู้กล่าวหารายหนึ่งอ้างนั้นผ่านมานานจนเขาจำไม่ได้ แต่เมื่อมีผู้อ้างตัวเป็นผู้เสียหายเพิ่มขึ้น รวมถึงวัยรุ่นชานที่ยังไมีบรรลุนิติภาวะ ก็ทำให้ผู้สร้างซีรีส์ House Of Cards ปลดเขาอย่างไม่ลังเลใจ เรื่องราวยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อMRC ร้องต่อศาลให้ Spacey รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่ต้องรื้อซีรีส์มาถ่ายทำใหม่ ศาลพิจารณาแล้วว่า มีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือว่าข้อกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศต่อตัวพระเอกดังเป็นความจริง แม้เขาจะโต้กลับว่า ฝ่าย MRC ฉีกสัญญาอย่างไม่เป็นธรรม แต่แทนที่จะได้เงินชดเชยที่ถูกไล่ออก เขากลับได้รับคำสั่งศาลให้จ่ายค่าเสียหายเกือบ 31 ล้านดอลลาร์ให้กับ MRC เพราะละเมิดข้อตกลงในสัญญาในหัวข้อความประพฤติทางเพศที่ไม่เหมาะสม




นอกจากนั้นยังมี...



James Franco

ข้อกล่าวหา: ฉวยโอกาสล่วงเกินนักเรียนหญิงในคลาสการแสดง

เห็นชื่อเขาคนนี้  หลายคนคงนึกถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยให้โลกได้รู้ว่า เขาได้ไปเยี่ยมเยียน Amber Heard ถึงเพนท์เฮาส์ของJohnny Depp ในยามวิกาล  ที่ผ่านมา  James  Francoอาจจะมีภาพลักษณ์ playboy แต่ก็ได้รับคำยกย่องว่ามีความสามารถระดับหัวกะทิ  ไม่ว่าจะเป็นโพรไฟล์การศึกษาสุดเริ่ด หรือผลงานการเขียนบทและสร้างหนัง   แต่ชื่อเสียงกลับดำดิ่งลงไปเมื่อต้นปี 2018 เมื่อนักแสดงหญิง Violet Paley  ทวีทแดกดัน  Franco ที่ร่วมติดเข็มกลัดสนับสนุนองค์กร TIMESUP ทีสนับสนุนช่วยเหลือเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศว่า

"ยังจำตอนที่อยู่ในรถแล้วคุณดันหัวของฉันเข้าไปจ่ออวัยเพศของคุณที่ไม่มีอะไรปิดบังเลยได้รึเปล่า?" 


ในเดือนต่อมา The Los Angeles Times ได้ส่งบทความเรียกเสียงฮือฮา เผยเรื่องราวของอดีตนักเรียนสาวที่ฝึกฝนการแสดงในโรงเรียนการแสดงของเขาจำนวนห้าคนที่ยืนยันว่า Franco ฉวยโอกาสจากสถานะmentorสอนการแสดงบีบคั้นให้พวกเธอทำสิ่งที่ฝืนความรู้สึก เขาโมโหโกรธาเมื่อนักเรียนหญิงไม่ยอมเปลือยอกในการแสดง
เขาหว่านล้อมให้พวกเธอแสดงฉาก sexต่อหน้ากล้องและวีดีโอการถ่ายทำก็ถูกเผยแพร่บน internet นักเรียนสาวคนหนึ่งถึงกับช็อคที่ได้เห็นภาพร่างเปลือยของตัวเองในเว็บไซต์หนังโป๊


พวกเธอยังเผยประสบการณ์ย่ำแย่ว่า  เมื่อต้องเข้าฉากsexหมู่   Franco ดึงเอาแผ่นพลาสติกที่ป้องกันอวัยวะเพศของนักเรียนหญิงออก แล้วแสดงท่าทาง oral sex กับพวกเธอ   เมื่อนักเรียนหญิงคนหนึ่งไม่ยอมเปลือยอก ก็ถูกไล่ออกจากคลาส



Franco ยิ่งถูกเพ่งเล็งหนักขึ้น เมื่อ Scarlett Johansson นางเอกชั้นนำที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการร่วมเรียกร้องเพื่อสิทธิสตรีได้ประกาศทวงเข็มกลัดTIMESUP คืนกลางเวทีสุนทรพจน์ Women March

 ในปี 2019    อดีตนักเรียนการแสดงสองคนได้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก Francoและหุ่นส่วนว่า  ใช้อำนาจของสถานะความเป็นครูและนายจ้างเพื่อฉวยโอกาสกับนักเรียนการแสดง ทำให้พวกเธอกลายเป็นเหยื่อการฉ้อโกงที่ต้องจ่ายเงินค่าเรียน แต่กลับถูกกระทำเหมือนกับเป็นวัตถุทางเพศและถูกบีบคั้นให้แสดงฉากsex  




บทสรุป

แม้ว่า Franco จะไม่ได้ยอมรับว่ากระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ก็ไม่ได้โจมตีคู่กรณีว่าเป็นพวกลวงโลกตามที่มักจะได้เห็นจากเคสล่วงละเมิดทางเพศของชายทรงอิทธิพลคนอื่นๆ ฝ่ายกฎหมายของพระเอกดังเจรจาจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้กล่าวหา 2.2ล้าน ดอลลาร์ อาจจะดูเหมือนว่าเป็นตัวเลขที่สูงพอสมควร แต่ก็ต้องหักเป็นค่าทนาย และแบ่งเงินจำนวนหนึ่งให้กับนักเรียนคนอื่นๆที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และหักค่าใช้จ่ายทางกฎหมายอีกด้วย



การเจรจาเพื่อหาข้อตกลงจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้กล่าวหาอาจจะไม่ได้เป็นหลักฐานการันตีว่าเขามีความผิดจริง แต่ประวัติด่างพร้อยของ Franco ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นจากคำกล่าวข้างต้น ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน ได้มีผู้ปล่อยภาพแช็ทออกมาทาง social media เผยถึงบทสนทนาระหว่างเด็กสาวมัธยมวัย17 จากสก็อตแลนด์ที่เดินทางมาเที่ยวอเมริกากับครอบครัวกับพระเอกที่อายุมากกว่าเธอเกือบ 20 ปี เขาพยายามหว่านล้อมให้เธอมาหาที่โรงแรม เมื่อเธอไม่เชื่อว่ากำลังพูดคุยกับคนดังจริงๆ เขาก็ถ่ายรูปส่งมาให้ยืนยัน หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ Franco ก็ออกมายอมรับกับสื่อตรงๆว่า เป็นตัวเขานั่นเองที่กำลังเฟลิร์ตใส่เด็กสาวและพยายามนัดพบกับเธอ แต่แม้จะคิดว่า เป็นการกระทำที่ดูไร้ความคิด แต่ก็ยืนยันว่า ตัวเองไม่ใช่ผู้ชายประเภทที่เสาะหาคู่เดทวัยทีน แต่เมื่อเขาเห็นจากหน้าเพจของฝ่ายหญิงว่า เธอปลาบปลื้ม James Francoมากมาย จึงเข้าหาก่อนและเธอก็ยังเล่นด้วย  ในเมื่อเขาก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกไปเต็มที่ด้วยการถามไถ่เพื่อเช็คว่าเธอยังโสดหรือเปล่า คนอื่นจึงไม่ควรโทษเขาที่เป็นฝ่ายรุกใส่สาววัยมัธยม




หลังจากเจรจาจ่ายค่าชดเชยให้กับอดีตนักเรียน Franco เก็บตัวจน scandal ซาลงไป ก่อนจะออกมาเปิดใจว่า เขาเคยมี sexกับนักเรียนของตัวเองจริงๆ และยอมรับว่ามันไม่ใช่พฤติกรรมที่ถูกต้องเหมาะสม และไม่ได้ตั้งใจเปิดโรงเรียนการแสดงเพื่อเก็บ score กับนักเรียนสาวๆ  แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจ เขายังเผยถึงอาการติดสุราและอาการติด sex ที่เป็นสาเหตุให้เขาไม่เคยซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์และเพิกเฉยต่อความรู้สึกของผู้อื่น และตัดสินใจเข้ารับการบำบัดเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง


แต่ผลพวงจากข่าวฉาวไม่ได้ตามหลอกหลอน Franco เท่านั้น ฝ่าย Dave น้องชายที่กำลังสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเรื่อยๆก็ต้องถูกจ้องจับผิดไปด้วย รวมถึง Seth Rogen ที่เป็นเคยเป็นเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันที่สุดก็เคยถูกโจมตีว่า รู้เห็นเป็นใจเรื่องพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของ Franco


Seth Rogen อดีตเพื่อนร่วมงานที่สร้างชื่อมาด้วยกันประกาศลั่น รังเกียจพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ จะไม่กลับมาร่วมสร้างprojectร่วมกันอีก


James Franco และ Seth Rogen เคยถูกมองว่าเป็น Hollywood duoที่ร่วมแรงร่วมใจสร้างผลงานหนังมาด้วยกันมาหลายเรื่อง พวกเค้ารู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ภาพความสนิทสนมของพวกเค้าทำให้หลายคนต่างคิดว่า นี่คือคู่ซี้ที่ไม่มีอะไรจะทำลายมิตรภาพของพวกเค้าได้ แต่เมื่อ Franco ต้องรับมือกับข้อกล่าวหาเรื่องความผิดทางเพศ ในช่วงแรก Rogen ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า น่าจะยังร่วมงานกันต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ก็ยอมรับว่า ข่าวฉาวที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อมิตรภาพและแนวคิดสร้างสรรค์ผลงาน   ตอนนี้จึงไม่มีความคิดจะร่วมทำงานกับอดีตคู่หู รวมถึงชี้แจงข้อกล่าวหาว่ารู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศว่า

"สิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ ผมเกลียดชังการล่วงละเมิดและการคุกคาม ผมไม่มีวันช่วยกลบเกลื่อนหรือปกปิดหากมีใครสักคนทำผิดเรื่องนั้น ผมจะไม่พาใครให้ไปเกี่ยวข้องหรือเข้าใกล้กับคนที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิด"



Louis CK
ข้อกล่าวหา: โชว์ของสงวนและสำเร็จความใคร่ต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน

คุณอาจจะได้ยินเรื่องราวของชายจิตไม่ปกติที่สร้างความตื่นตกใจให้กับเหยื่อด้วยการเปิดเผยของสงวนและสำเร็จความใคร่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน    แต่ถ้าผู้ก่อเรื่องวิปริตเช่นนั้นคือนักแสดงตลกระดับ top ที่กวาดรางวัลใหญ่มาแล้วมากมายล่ะ  จะรู้สึกเช่นไร?
แฟนๆ comedy อาจจะคุ้ยเคยกับปลงานของนักแสดงตลกผ่านการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน หรือหนังซีรีส์สุดฮา    แต่นอกเหนือจากงานเบื้องหน้า  Louis C.K.  ยังมีชื่อเสียงโด่งดังจากบทบาทนักเขียนบท ผู้กำกับ และโพรดิวเซอร์  เขาซี้ปึ้กกับตลกระดับแนวหน้าของวงการหลายคน    หนึ่งในนั้นย่อมเป็น Chris Rock  ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่ยุค 90s  เขาอยู่ในทีมนักเขียนบทเบื้องหลังความสำเร็จของ The Chris Rock Showและหนังหนังตลกที่ Chris Rock นำแสดงหลายเรื่อง    เพื่อนฝูงร่วมวงการต่างก็เคยแสดงความชื่นชมทั้งเรื่องนิสัยใจคอ    แต่สื่อก็ซุบซิบถึงข่าวลือเรื่องพฤติกรรมคลั่งไคล้การโชว์สำเร็จความใคร่ตั้งแต่ยุค 2000s (แต่เป็นการเสนอข่าวแบบไม่ระบุชื่อ ทิ้งแต่คำบอกใบ้ให้เดาหาตัว)  นั้นหมายความว่า  เขาสามารถเปลื้องผ้าแล้วโชว์กิจกรรมทางเพศจนเสร็จกิจต่อหน้านักแสดงตลกสาวที่ยังไร้ชื่อเสียงมาเกินสิบปีโดยที่รอดตัวจากการถูกดำเนินคดี  แม้แต่เพื่อนฝูงที่รู้เรื่องนี้อยู่แล้วกลับไม่ต่อต้านหรือตักเตือนให้เขาหยุดพฤติกรรมน่ารังเกียจ     ฝ่ายตลกเจ้าปัญหาเอง ก็หน้าด้านหน้าทนพอที่จะจับเอาเรื่องอาการเสพติดการสำเร็จความใคร่มาเป็นมุกตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า  จนเมื่อปี 2015  Gawkerก็ได้เปิดเผยชัดเจนว่า  ตลกชื่อดังที่ถูกพาดพิงว่าชอบโชว์ของลับนั้นก็คือ Louis C.K.นั่นเอง

แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ยอมรับในข้อกล่าวหาสุดช็อคนั้น  จนกระทั่งความเคลื่อนไหว MeTooได้เริ่มต้นขึ้น   เหยื่อหลายคนได้ออกมาบรรยายถึง pattern พฤติกรรมน่ารังเกียจของนักแสดงตลกทรงอิทธิพล    ดูเหมือนว่า เขาจะดิ้นไม่หลุดอีก
 เคสหายาก  ยอมรับผิดโดยดุษฎี

แม้จะดูไม่เหมือนกับการยอมรับผิด เพราะรู้สึกแย่กับสิ่งที่ทำลงไป แต่ถูกต้อนให้จนมุมจนไม่สามารถปฏิเสธต่อไปได้ C.K ก็แถลงการณ์ยอมรับว่า ข้อกล่าวหาทุกอย่างจากเหยื่อเป็นความจริง เขาอ้างว่า ได้ถามความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อนที่จะถอดกางเกงแล้วบรรเลงมือต่อหน้าพวกเธอ จึงเข้าใจว่า พวกเธอรับมันได้ แต่ก็เพิ่งมาตระหนักในภายหลังว่า การกระทำของเขาคือการใช้อำนาจบีบบังคับผู้หญิงที่มีวัยและสถานะทางการงานต่ำกว่า (เขารับหน้าที่mentor ให้กับเหยื่อบางคน)เขายังยอมรับว่า หาประโยชน์จากชื่อเสียงและความนิยมชมชอบจากกลุ่มคนในวงการเดียวกัน (เหยื่อบางคนเล่าว่า เมื่อเล่าพฤติกรรมล่วงละเมิดของ C.K.ให้เพื่อนร่วมวงการฟัง พวกเธอกลับถูกมองด้วยสายตาเป็นปฏิปักษ์)

C.K. ยอมรับผิดและแสดงความเสียใจที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเหยื่อ  รวมถึงภรรยาและลูก คนที่รักและเชื่อใจเขา และจะก้าวถอยไปพิจารณาตัวเอง  หลายคนต่างก็คิดว่า  คนดังที่ลงมือกระทำสิ่งอุบาทว์แบบนี้ได้คงจะถูกcancel culture เล่นงานไปตลอดกาล   แต่ไม่นานต่อมา การ comeback ของ C.K.  ก็ทำให้หลายคนฟันธงว่า  cancel culture ไม่มีอยู่จริง!



เพื่อนๆจากวงการcomedy ออกตัวปกป้องจนชาวเน็ทรับไม่ได้

ลองจินตนาการว่า หากเพื่อนของคุณมีครอบครัวอยู่เป็นตัวเป็นตนและได้รับการยกย่องจากคนร่วมสายงานเดียวกัน แต่ตลอดเวลาร่วมสองทศวรรษ เพื่อนรายนั้นกลับไปไล่ตื๊อขอให้ลูกน้องสาวๆ ให้นั่งชมฉากสำเร็จความใคร่จนเสร็จกิจ คุณจะมั่นใจออกโรงปกป้องว่าเพื่อเป็นคนแสนดีที่สังคมควรให้โอกาสเพื่อจะได้ปรับปรุงพฤติกรรมหรือไม่?

นักแสดงตลกดังอย่าง Dave Chappelle ใช้ข่าวอื้อฉาวของ C.K. มาเป็นมุกตลกในการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน ทำนองว่า พฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ผู้คนรุมโจมตี และตลกหญิงที่ถูกคุกคามก็เปราะบางเกินไป หากจะสร้างชื่อในวงการนี้ให้ได้ ก็ต้องสร้างความแข็วแกร่งเพื่อรับอะไรที่หนักยิ่งกว่านี้ ส่วนตลกสาว Sarah Silverman ยิ่งไปกันใหญ่ เธอเผยว่า เคยนั่งชมC.K. สำเร็จความใคร่โดยไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเกลียดตรงไหน ทั้งยังเคยเชียร์เขาซะด้วยซ้ำ และเชื่อว่า เพื่อนของเธอคนนี้อาจจะไม่เข้าใจจริงๆว่าตัวเองล้ำเส้นคนอื่น (ชาวเน็ทโจมตีเธอหนักมากจนต้องส่งคำขอโทษถึงเหยื่อ) หรือจะเป็น Janeane Garofalo ที่เรียกร้องให้สังคมเหยุดโจมตีเพื่อนรักของเธอ เพราะเขารับผลกรรมมาหนักพอแล้ว จึงไปควรไปซ้ำเติม และยังมีนักแสดงตลกอีกหลายคนที่แสดงออกชัดเจนว่า สนับสนุนให้ C.K. กลับมาโลดแล่นในวงการอย่างเต็มที่

และดูเหมือนว่า กลุ่มเพื่อนฝูงของ C.K. จะได้ร่วมร้องเฮแสดงความยินดี เพราะไม่นานหลังจากยอมรับเรื่องล่วงละเมิดทางเพศ  C.K. ก็หวนสู่การแสดงเดี่ยวไมโครโฟน  แม้จะเป็นgig เล็กๆ  แต่ในที่สุดก็เปิดการแสดงใหญ่โตได้อีกครั้ง


ล่าสุด คว้ารางวัลGrammy  ทำเอา social media เดือด!

C.K.เคยคว้ารางวัลcomedyยอดเยี่ยมจากGrammy มาแล้วสองครั้ง ในรางวัลตัวที่สามของเขาได้สร้างเสียงวิจารณ์อื้ออึง สื่อบางเจ้าแสดงท่าทีต่อต้านอย่างชัดเจน เพราะในขณะที่มีผู้แสดงความรำคาญใจต่อcancel culture ว่าเกิดจากพวกที่คอยจ้องจับผิดจ้องทำลายผู้อื่นด้วยความเจ้ากี้เจ้าการจนเลยเถิด แต่ความเป็นจริงก็คือ สำหรับชายทรงอิทธิพลที่คลั่งไคล้การโชว์อวัยวะเพศและสำเร็จความใคร่ เพียงเก็บตัวจากสังคมไปราวๆ2-3ปี ก็กลับมานำเสนอผลงานท่ามกลางเสียงชื่นชมจากเพื่อนร่วมวงการและแฟนๆที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งยังได้รับรางวัลจากองค์กรที่มีชื่อเสียงระดับโลก

Julia Wolov เหยื่อรายหนึ่งที่ถูก C.K. โชว์สำเร็จความใคร่ย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน (เธอยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากยินยอมของเธอแน่นอน) ตั้งคำถามกับ Grammy ว่า
"คนเราเป็นบ้าอะไรไปหมดแล้ว?" และยังชี้ว่า คนที่มีพฤติกรรมย่ำแย่กลับได้รับการเชิดชูด้วยรางวัล มีคนร่วมลงคะแนนให้กับ C.K. โดยที่ไม่ใส่ใจต่อพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศที่ทำให้ผู้หญิงเจ็บปวด

ฝ่าย CEO แห่ง Grammyก็ออกมาโต้ตอบกระแสโจมตีว่า พิจารณามอบรางวัลให้กับศิลปินโดยไมจะไม่ย้อนมองเรื่องราวในอดีต แม้แต่จะมีประวัติอาชญากรรมก็ไม่สนใจ หากไม่ขัดกับกฎขององค์กรแล้วได้หมด!

นอกจากนั้น ชาวเน็ทจำนวนไม่น้อยที่วิจารณ์คนวงการcomedyเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเค้าร่วมใจออกมาประนาม Will Smith ที่ตบหน้าChris Rock กลางเวที Oscar บ้างก็ยืนยันว่า เกิดความกระทบกระเทือนใจเมื่อได้เห็นเพื่อนตกเป็นเหยื่อความรุนแรง แต่กลับปิดปากเงียบกับพฤติกรรมการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ C.K. ทั้งๆที่การใช้อำนาจบีบบังคับให้เหยื่อมองภาพน่ารังเกียจก็ถือเป็นความรุนแรงที่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวและไม่ปลอดภัยเช่นกัน



Matt Lauer


ข้อกล่าวหา: ล่วงเกินพนักงานสถานีโทรทัศน์กลางที่ทำงาน
ข่มขืนเพื่อนร่วมงานในโรงแรมระหว่างไปทำข่าวที่ต่างประเทศ


ความเคลื่อนไหว MeToo กวาดเอาผู้ประกาศข่าวและพิธีกรชายชื่อดังหลายคนหายไปจากหน้าจอ TV เช่น

Charlie Rose
ถูกพนักงานสามคนหญิงในสถานีฟ้องร้องคดีคุกคามทางเพศจนถูกไล่ออกจาก CBS และยอมรับในภายหลังว่า ทั้งเฟลิร์ตและสัมผัสร่างกายของคู่กรณีอย่างไม่เหมาะสม

Eric Bolling

พนักงานหญิงร้องเรียนว่าถูกคุกคามด้วยข้อความลามกและภาพอวัยวะเพศ และแขกรับเชิญสาวในรายการข่าวก็ยืนยันว่า เขามักใช้คำพูดแทะโลมและส่งข้อความและโทรหาเพื่อพูดคุยและนัดให้เธอไปพบ จนต้องคอยหาข้ออ้างปฏิเสธ และรู้มาว่าเคยมีพฤติกรรมแบบเดียวกันกับผู้หญิงคนอื่น เขายืนกรานปฏิเสธว่าไม่เคยล่วงเกินผู้หญิงเหล่านั้นตามที่ถูกกล่าวหา หลังจากถูกพักงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนก็ตัดสินใจลาออกจาก Fox

Ed Henry
ถูกFox ไล่ออกหลังจากอดีตพนักงานยื่นคำร้องเรียนว่าถูกเขาข่มขืนโดยพิจารณาจากการสอบสวนว่ามีมูลความจริง ในเวลาต่อมา เขายื่นฟ้องผู้บริการและช่องในคดีหมิ่นประมาท กล่าวหาว่า ทำลายภาพลักษณ์ให้เขาดูเป็นอาชญากรทางเพศ ทั้งๆที่ข้อกล่าวหาเรื่องข่มขืนไม่เป็นความจริง

แต่เคสที่ดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษ ก็คือข่าวฉาวโฉ่ของ  Matt Lauer  ที่สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ประกาศข่าวแห่ง NBC News มายาวนานกว่าสองทศวรรษ  เขาทำหน้าที่สัมภาษณ์คนดังจากหลากหลายวงการ   ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงA List  เจ้าชายผู้โด่งดังจากอังกฤษ ไปจนถึงประธานาธิบดีอเมริกา  อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญคือการเดินทางไปทำข่าวมหกรรมกีฬา Olympics

แต่ทริปOlympics ฤดูหนาวที่ Sochiเมื่อปี 2014 ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ NBC ตั้งกรรมการสอบสวนพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของผู้ประกาศข่าวคนดัง เวลาผ่านไปสามปี พนักงานหญิงคนหนึ่งพร้อมกับทนายสิทธิมนุษยชนได้ติดต่อเข้าพบตัวแทนฝ่ายบุคคลและฝ่ายกฎหมายของช่อง เพื่อร้องเรียนว่า Lauer ล่วงละเมิดเธอในโรงแรมที่ Sochi และหลังจากบินกลับมาที่ New York แล้วก็ยังบีบให้เธอยอมพลีกายให้





NBC ใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงในการสอบสวนและพิจารณาจากข้อมูลหลักฐานประกอบการตัดสินใจปลด Lauer และส่งจดหมายชี้แจงกับพนักงานคนอื่นๆว่า แม้จะเป็นการร้องเรียนครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาร่วมงานกับ NBCในระยะเวลายาวนานกว่ายี่สิบปี พบข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนมากพอทำให้เชื่อว่า Lauer  ละเมิดสัญญาเรื่องความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน และไม่ใช่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

เพียงไม่นานจากนั้น The New York Times และ Variety ได้นำเสนอเรื่องราวของพนักงานหญิงคนอื่นๆ ที่เผยว่าถูกLauer ล่วงละเมิดทางเพศ เริ่มตั้งแต่ใช้คำพูดทางเพศที่สร้างความอึดอัดใจ มอบของขวัญเป็นsex toy ถอดกางเกงโชว์อวัยวะเพศ ข้อกล่าวหาหนักที่สุดมาจากอดีตโพรดิวเซอร์ที่อ้างว่า Lauer เรียกให้เธอเข้าไปในออฟฟิศเพื่อพูดคุยเรื่องงาน แต่กลับล็อคห้องและลงมือข่มขืนเธอจนหมดสติไป หลังเกิดเหตุก็ไม่กล้าร้องเรียนกับNBC เพราะโทษว่าตัวเองมีส่วนผิดที่ควรจะขัดขืนให้หนักกว่านี้จึงจะหยุดการกระทำของเขาได้






ยอมรับในพฤติกรรมน่าละอายบางอย่าง แต่ยืนยัน ไม่ได้ข่มขืนใคร

Lauer ไม่ได้กราดใส่ผู้กล่าวหาว่าใส่ร้ายป้ายสีจนเขาต้องตกงาน แต่ยอมรับในการกระทำและคำพูดบางอย่างที่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้อื่น เขาชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาบางส่วนไม่เป็นความจริงและถูกเข้าใจไปผิดๆ แต่ก็มีเรื่องอื้อฉาวนี้มีความจริงอยู่เพียงพอที่จนรู้สึกละอายใจ และต้องแสดงความเสียใจอย่างล้นพ้นต่อคนที่ถูกเขาทำร้าย รวมถึงหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องเสียหายจากความประพฤติไม่เหมาะสมของเขา


ผู้กล่าวหาส่วนใหญ่จากเคสนี้ปกปิดตัวตนไว้ แต่ในภายหลังอดีตพนักงาน NBC Brooke Nevils ก็ได้เปิดเผยว่า เธอคือเหยื่อที่ถูก Lauerข่มขืนในโรงแรม Sochi เขาถือโอกาสมี sex ทางประตูหลังในขณะที่เธอเมามายจนปกป้องตัวเองไม่ได้ แม้ว่าจะยืนยันซ้ำๆว่าไม่ต้องการ แต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับว่า เขาและเธอมีความสัมพันธ์แบบคบชู้จากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย เธอเสนอตัวเข้าหาเขาในห้องโรงแรม Sochi ทุกคืน และยินยอมพร้องใจที่จะมี sex ทั้งใช้ปากทางช่องคลอด และทางทวารหนัก ไม่ใช่การบีบบังคับตามที่เธอกล่าวหา เขายังบรรยายว่าเคยแอบมี sexกับเธอในห้องแต่งตัวระหว่างทำงาน แต่เมื่อถอนตัวจากการนอกใจภรรยา เธอก็ไม่สามารถยอมรับได้ และระบายความแค้นเคืองด้วยการใส่ร้ายป้ายสีว่าถูกเขาขืนใจ








หลายฝ่ายมั่นใจ พล็อทซีรีส์ดังMorning Show ถูกดัดแปลงมาจาก  scandal ของ Matt Lauer

หลายคนเชื่อว่าซีรีส์โด่งดังที่ทำให้Jennifer Aniston คว้า SAG award ได้ตีแผ่ความอื้อฉาวของวงการข่าวโทรทัศน์ที่ตรงกับ Lauer ไม่มีผิด   Morning Show นำเสนอเรื่องราวของผู้ประกาศชายชื่อดัง 'Mitch' ที่ถูกผู้บริหารปลดฟ้าผ่าหลังจากถูกกล่าวหาเรื่องล่วงละเมิดทางเพศเพื่อนร่วมงานหญิง แต่ก็สร้างข้อสงสัยอย่างหนักว่า เขาใช้อำนาจกระทำชำเราเหยื่อ หรือว่าเป็นความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดจากความยินยอม แต่ถูกคู่กรณีให้ร้ายเพื่อหาประโยชน์ จนกระทั่งตอนท้ายๆจึงได้พบกับความจริงว่า ใครกันแน่ที่โกหก


แม้จะมีความเหมือนกับเรื่องฉาวในชีวิตจริงจนดูจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่Kerry Ehrin ผู้สร้าง Morning Showได้ยืนยันว่า เธอไม่ได้เจาะจงใช้เรื่องราวของ Lauerมาเป็นต้นแบบ ยังมีผู้ประกาศข่าวชายอีกหลายคนที่ถูกปลดจากข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ 



แม้จะปรากฏมาก่อนว่า ชายทรงอิทธิพลบางคนเคยต้องโทษคดีความผิดทางเพศ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยังมีเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอีกมากมายที่ไม่สามารถทำใจยอมรับการสายตาพิพากษาด้วยอคติแบบ victim blaming จากกรณีตัวอย่างของเหยื่อที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมและใช้กฎหมายเอาผิดกับคนร้าย แต่กลับลงเอยด้วยการถูกซ้ำเติม จนเลือกที่จะแบกรับความเจ็บปวดฝังลึกในจิตใจไว้ตามลำพัง


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE