ทริคเลือกน้ำหอมที่ใช่! ให้เหมาะกับโอกาส

31 9
ผู้หญิงกับน้ำหอมย่อมเป็นของคู่กัน เพราะใครๆ ก็อยากตัวหอมมีเสน่ห์ ไปที่ไหนก็มีคนทักจริงมั้ยคะ แต่บางครั้งการเลือกซื้อน้ำหอมก็เป็นเรื่องไม่ง่ายเลย เพราะบางกลิ่นฉีดตอนแรกก็หอมอยู่หรอก แต่ระหว่างวันกลิ่นดันเปลี่ยนจากหอมกลายเป็นไม่เข้ากับผิวเราซะงั้น หรือการเลือกน้ำหอมให้เหมาะกับโอกาสก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยเลย วันนี้เราเลยอยากจะมาแบ่งปันข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับน้ำหอม รวมทั้งแนะนำทริคในการเลือกน้ำหอมให้เข้ากับบุคลิก ไลฟ์สไตล์ และแต่ละโอกาสกันค้า

น้ำหอมมีกี่ประเภท


ก่อนอื่นเลยเรามาเริ่มด้วยการทบทวนระดับความเข้มข้นของน้ำหอมแต่ละประเภทกันก่อนดีว่า ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนคงจะพอรู้อยู่แล้วแหละ เพราะได้ยินทุกครั้งที่ไปเดินเลือกซื้อน้ำหอมที่เคาน์เตอร์ไหนก็ตาม น้ำหอมที่มีขายในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ได้ดังนี้
Parfum

บางครั้งเรียกว่า Extrait de Parfum หรือ Pure Perfume เป็นประเภทน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูงสุด โดยส่วนใหญ่มีหัวน้ำหอมอยู่ที่ 20-30% สามารถติดทนอยู่บนผิวได้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง และเนื่องจากมีความเข้มข้นสูงจึงมีราคาสูงตามไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายเพราะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่น้อยที่สุด หรือเวลาออกงานที่ต้องการความรู้สึกหรูหราเป็นพิเศษ

Eau de Parfum

Eau de Parfum (EDP) มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมรองลงมาจาก Parfum หรืออยู่ที่ 15-20% นั่นเอง โดยทั่วไปสามารถติดทนนานประมาณ 4-5 ชั่วโมง เหมาะสำหรับฉีดตอนกลางคืนหรือคนที่ชอบกลิ่นน้ำหอมเข้มข้นติดทนนานแต่ยังใช้ได้ทุกวัน

Eau de Toilette

Eau de Toilette (EDT) มีหัวน้ำหอมระหว่าง 5-15% มักติดทนประมาณ 2-3 ชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้ในตอนกลางวันหรือวันที่อากาศร้อน เพราะไม่เข้มจนเกินไปจนอาจทำให้เวียนหัวได้ง่าย

Eau de Cologne

มีความเข้มข้นของหัวน้ำหอมอยู่ประมาณ 2-4% และปริมาณแอลกอฮอล์ที่ค่อนข้างสูง เลยสามารถติดทนได้ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น เหมาะกับคนที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นฉุน

Eau Fraiche

เป็นน้ำหอมที่มีความเข้มข้นน้อยสุด เพราะมีหัวน้ำหอมอยู่ประมาณ 1-3% เท่านั้น และสามารถติดทนนานอยู่ประมาณไม่เกิน 2 ชั่วโมง แต่จะแตกต่างกับ Eau de Cologne ตรงที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่น้อยกว่ามาก และมีส่วนประกอบของน้ำอยู่แทน เหมาะกับคนที่ชอบน้ำหอมกลิ่นบางเบามากและฉีดได้เรื่อยๆ ตลอดวัน

ไลฟ์สไตล์แบบนี้เลือกน้ำหอมแบบไหนดี


นอกจากระดับความเข้มข้นของน้ำหอมที่มีความสำคัญกับการเลือกซื้อน้ำหอมที่เหมาะกับเราแล้ว รูปแบบของน้ำหอมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยทำให้เลือกน้ำหอมได้เหมาะกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของเราอีกด้วย ถึงแม้ตัวเลือกในปัจจุบันจะยังมีไม่หลากหลายเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นนักสะสมน้ำหอมตัวจริงต้องรู้!
น้ำหอมแบบน้ำมัน (Perfume Oil) 

น้ำหอมที่มีเบสเป็นน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันโจโจบา หรือ น้ำมันมะพร้าว มาแทนที่แอลกอฮอล์ที่เป็นส่วนประกอบหลักในน้ำหอมแบบสเปรย์ ซึ่งหมายความว่าน้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นสูงและสามารถติดทนได้นานหลายชั่วโมงเลย ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบขวดแก้ว หรือขวดแบบลูกกลิ้งถ้าเป็นขนาดพกพา
น้ำหอมแห้ง (Solid Perfume) 

น้ำหอมแห้งคือน้ำหอมที่อยู่ในรูปแบบบาล์มที่ทำมาจากขี้ผึ้งหรือเชียบัตเตอร์ และไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์อยู่เลย ถูกออกแบบมาให้ใช้นวดบนบริเวณจุดชีพจร เนื่องจากความร้อนของร่างกายจะช่วยกระจายกลิ่นได้ดี แต่ก็จะไม่สามารถกระจายกลิ่นออกไปได้ไกลเท่าไหร่ โดยทั่วไปสามารถติดทนนานประมาณ 2-4 ชั่วโมง โดยทั่วไปมีแพคเกจจิ้งแบบตลับพกพาง่าย
น้ำหอมแบบสเปรย์ (Perfume Spray) 

น้ำหอมในรูปแบบสเปรย์เป็นน้ำหอมที่วางขายส่วนใหญ่ในท้องตลาดและทุกคนคุ้นเคยมากที่สุด ระดับความติดทนก็ขึ้นอยู่กับว่าน้ำหอมกลิ่นนั้นๆ มีส่วนผสมของหัวน้ำหอมอยู่กี่เปอร์เซนต์ เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายที่สุดจึงเป็นที่นิยมมากกว่าน้ำหอมรูปแบบอื่นๆ

โน๊ตน้ำหอมคืออะไร


การปรุงน้ำหอมให้กลิ่นออกมาบาลานซ์ลุ่มลึกและมีความซับซ้อนไม่ธรรมดา นักปรุงน้ำหอมจะต้องคำนึงถึงพิระมิดน้ำหอม ซึ่งประกอบไปด้วยกลิ่นหอม 3 ระดับ ได้แก่ Top notes, Middle notes และ Base notes โน้ตเหล่านี้เป็นตัวที่ทำให้กลิ่นน้ำหอมที่ฉีดมีกลิ่นเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลาที่อยู่บนผิว เพราะแต่ละระดับประกอบด้วยส่วนผสมที่ต่างกันรวมถึงความเข้มข้นที่ต่างกันด้วย โน๊ตน้ำหอมแต่ละระดับมีผลต่อกลิ่นของน้ำหอมยังไงเราไปดูกันเลยค่ะ
Top notes

เป็นกลิ่นแรกที่ได้กลิ่นอย่างชัดเจนเมื่อสูดดมน้ำหอมใดๆ เข้าไป แต่จะมีความเข้มข้นน้อยที่สุด จะอยู่ประมาณไม่เกิน 30 นาทีหลังจากฉีดและมีกลิ่นแบบเดิมไม่เปลี่ยน ส่วนมากจะเป็นกลิ่นของผลไม้ตระกูลซิตรีส กลิ่นอโรมาติก กลิ่นเขียวๆ ที่ให้ความรู้สดชื่น เนื่องจากกลิ่น Top notes เป็นกลิ่นที่อยู่เพียงช่วงแรก เวลาเลือกซื้อน้ำหอมจึงควรฉีดทิ้งไว้ซัก 1-2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำก่อนจะตัดสินใจว่าชอบน้ำหอมกลิ่นนั้นๆ หรือไม่ค่า

Middle notes หรือ Heart notes

เรียกได้ว่าเป็น Personality ของน้ำหอมเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นกลิ่นที่จะอยู่นานถึง 3-6 ชั่วโมง ถึงแม้จะกลิ่นไม่ชัดเจนเท่า Top notes แต่ก็มีความคงทนนานกว่ามาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นแนวดอกไม้ Floral ผลไม้หวานฉ่ำหรือ Fruity หรือ Spicy จากเครื่องเทศชนิดต่างๆ

Base notes

เป็นกลิ่นที่จะออกมาหลังจากที่กลิ่น Tope notes ได้ระเหยไปหมดแล้ว ซึ่งจะผสมผสานกับกลิ่น Heart notes และยังเป็นตัวเชื่อมกลิ่นต่างๆ เข้าด้วยกันให้มีความลงตัว ทั้งยังเป็นตัวช่วยให้น้ำหอมติดทนได้นานที่สุด ซึ่งสามารถติดทนอยู่ได้นานหลายชั่วโมง บางกลิ่นอาจอยู่ได้เป็นวันเลยก็มี! ส่วนใหญ่ Base notes จะเป็นกลิ่นที่มีความเข้มข้น เช่น กลิ่นแนว Woody อย่าง Cedarwood และ Sandalwood หรือ กลิ่นหอมหวานอบอุ่นอย่าง Vanilla, Amber, Patchouli หรือ Musk

โน้ตน้ำหอมมีกี่แบบ เลือกยังไงให้เหมาะกับโอกาส


เมื่อรู้แล้วว่าในน้ำหอมแต่ละกลิ่นจะต้องมีโน๊ตน้ำหอมทั้ง 3 ระดับเพื่อให้กลิ่นมีความสมดุล เราก็ควรจะรู้ว่าประเภทของโน๊ตน้ำหอมนั้นมีกี่แบบ และแต่ละแบบนั้นมีกลิ่นแบบไหน เพื่อที่จะสามารถเลือกน้ำหอมที่เข้ากับบุคลิกของเราและโอกาสที่จะเลือกใช้ได้มากที่สุด โน๊ตน้ำหอมที่สำคัญแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มหลักๆ ดังนี้

Floral


น้ำหอมกลิ่นแนวฟลอรัลหรือดอกไม้เป็นแนวกลิ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดโดยเฉพาะในน้ำหอมผู้หญิง เพราะมีความหอมละมุน ให้ความรู้สึกสดใส โรแมนติก และยังเหมาะกับใช้ในทุกโอกาส นอกจากนี้น้ำหอมกลุ่มนี้ยังสามารถแตกออกเป็นอีกหนึ่งประเภทย่อยที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเลย นั่นก็คือน้ำหอมแนว Fruity ที่ใช้ส่วนผสมจากผลไม้หวานฉ่ำ สดชื่นเป็นหลักนั่นเอง

ส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้

กุหลาบ มะลิ ดอกส้ม แมกโนเลีย Lily of the Valley เป็นต้น

เหมาะสำหรับ

ไปออกเดตตอนกลางวัน ฉีดไปเรียน ไปทำงาน หรือสายหวานที่ชอบน้ำหอมกลิ่นแนวผู้หญิ้งผู้หญิง

Fresh


น้ำหอมที่มีแนวกลิ่นสดชื่น เขียวๆ เหมือนรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ เป็นอีกแนวกลิ่นที่ได้รับความนิยมในหน้าร้อนหรือประเทศเมืองร้อนเหมือนบ้านเรา เพราะให้ความรู้สึกสดชื่นไม่หวานเลี่ยนหรือทำให้เวียนหัวได้ง่าย น้ำหอมตระกูล Fresh ยังสามารถแตกออกเป็นตระกูลย่อยอย่าง Aromatic, Citrus, Aquatic และ Green ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

ส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้

Sage มะกรูด เกรปฟรุ๊ต เลม่อน แตงกวา หญ้าชนิดต่างๆ เป็นต้น

เหมาะสำหรับ

ฉีดไปออกกำลังกาย ไปทำกิจกรรม Outdoor ในวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าว หรือคนที่ชอบน้ำหอมแนวสดชื่นแต่ไม่หวาน

Woody


น้ำหอมกลิ่น Woody คือการผสมผสานของกลิ่นไม้ชนิดต่างๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น สงบ เหมือนได้ไปยืนอยู่กลางป่า มักเป็นกลิ่นที่พบมากในน้ำหอมผู้ชายหรือน้ำหอมแนว Unisex แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่านำไปผสมกับโน๊ตน้ำหอมตัวอื่นตัวไหนอีกบ้าง เพราะถ้านำไปผสมผสานกับกลิ่นแนวฟรุตตี้ ฟลอรัล ก็จะได้กลิ่นที่มีความสดชื่น เฟรชขึ้นมา ผู้หญิงก็ใช้ได้ แต่ถ้าผสมกับกลิ่นเข้มๆ อย่างกลิ่นหนังก็จะให้กลิ่นที่หนักแน่นมีความแมนอยู่สูงมากทีเดียว

ส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้

แพทชูลี แซนดัลวูด หญ้าแฝก ไม้ซีดาร์ ต้นสน Oud เป็นต้น

เหมาะสำหรับ

สายรักธรรมชาติเอาท์ดอร์ที่ชอบเข้าป่า กางเต๊นท์ หรือคนที่มีบุคลิกสุขุมลุ่มลึก รักสันโดษ

Oriental


กลิ่นน้ำหอมที่ใช้ส่วนผสมจากสมุนไพรและเครื่องเทศหลากชนิด มักเป็นกลิ่นที่มีความเผ็ดร้อน อบอุ่น ลึกลับน่าค้นหา มีความหอมหวานอวลๆ เป็นกลิ่นที่ใช้เป็นองค์ประกอบทั้งในน้ำหอมผู้ชายและผู้หญิง เนื่องจากกลิ่นค่อนข้างมีความหนักและเข้ม อาจจะไม่ค่อยเหมาะกับสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ เพราะอาจทำให้เวียนหัวได้ง่าย

ส่วนผสมที่นิยมนำมาใช้

วานิลลา อบเชย ยางเรซิน ยางไม้หอม Myrrh กานพลู ลูกจันทน์เทศ เป็นต้น

เหมาะสำหรับ 

ไปเดตตอนกลางคืน ไปดินเนอร์หรู ไปเที่ยวกลางคืน หรือสายเซ็กซี่เย้ายวน มีความมั่นใจใน Sex appeal ของตัวเองเต็มร้อย 
เป็นยังไงกันบ้างค้า เราหวังว่าทริคในการเลือกน้ำหอมที่เราได้แชร์ไปจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และช่วยให้เพื่อนๆ สามารถตัดสินใจเลือกน้ำหอมที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้นนะค้า ใครมีทริคอื่นๆ ในการเลือกซื้อน้ำหอมยังไงให้โดน หรือทริคในการฉีดน้ำหอมยังไงให้ปังก็มาแบ่งปันกันได้เลยค่าา

References 


wararatlw

wararatlw

FULL PROFILE