การเผยภาพลูกเซเลบผ่านSOCIAL MEDIAกับเส้นแบ่งprivacy

53 15

เมื่อโลกได้ผ่านเข้าสู่ศตวรรษที่  21   สำหรับผู้คนจำนวนมากมายทั่วโลก social media มีอิทธิพลกับการดำเนินชีวิตมากซะจนจะเรียกว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ก็คงไม่ฟังค้านหูเกินไปนัก   ดังเหตุการณ์ที่ platform ชื่อดังอย่าง  Facebook  หยุดให้บริการไปชั่วขณะ   ก็อาจจะทำให้ชาวเน็ทต่างรู้สึกอึดอั้นตันใจราวกับเมื่อสั่งอาหารผ่าน app แล้วพนักงานส่งไม่โผล่มาสักที     หากเสพติดการเชื่อมต่อกับsocial media แล้ว  อาจจะหาทางถอนตัวไปได้อย่างยากเย็น 


เช่นเดียวกับประชากรพ่อแม่ที่ใช้ social บอกเล่่าเส้นทางแห่งการเลี้ยงดูลูก...








'Sharenting' norm ที่เห็นได้ทั่วไปในกลุ่มพ่อแม่



Sharenting ศัพท์slang ที่สมาสคำว่า shareและ parenting ถูกใช้อย่างแพร่หลายในช่วง 2010s ที social media platform เจ้าต่างๆ ได้กลายมาเป็นอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลอย่างเต็มรูปแบบ ผู้คนได้ share สารพัดเรื่องราวในชีวิต และแน่นอนว่า เจ้าตัวน้อยที่บ้านก็ได้กลายมาเป็น content ที่ขาดไปไม่ได้ พ่อแม่หลายคน update เรื่องของลูกๆมาตั้งแต่ยังอยู่ในท้องจนกระทั่งเติบใหญ่อยู่ในวัยมัธยม!


แต่กระแสความคิดเห็นที่หลากหลายในสังคมก็ทำให้ผู้คน debate กันอย่างเข้มข้นว่า การนำเสนอ contentที่เป็นส่วนตัวของลูกๆกับสังคม onlineควรมีเส้นแบ่งที่เหมาะสมเช่นไร เพราะขยายความกันแล้ว ผู้ที่ได้รู้เห็นcontentของเด็กๆก็คือคนแปลกหน้าที่อาจจะไม่ได้ดึงดูดพลังงานด้านบวกมาสู่ครอบครัว ภาพที่แสดงความบริสุทธิ์สดในในสายตาของพ่อแม่อาจจะกลายมาเป็นชนวนดราม่า เมื่อใครบางคนกล่าวด้วยข้อหาที่ชวนหนักใจ

  • ละเมิดสิทธิ์ของลูกที่ยังไม่อยู่ในวัยที่เลือกตัดสินใจได้ว่า อยากจะให้พ่อแม่ share ภาพและ content  ที่เป็นส่วนตัวหรือไม่
  • การ share เรื่องราวที่พ่อแม่เชื่อว่าสิ่งที่สร้างสรรค์สวยงาม อาจจะเป็นสร้างความเจ็บปวดฝังใจเมื่อพวกเค้าเติบโตขึ้นมา
  • ภาพของเด็กๆเสี่ยงที่จะถูกพวกจิตวิปริตใคร่เด็กที่แฝงตัวในโลกออนไลน์นำไปสร้างความเสียหาย
ในขณะเดียวกัน     ก็ยังมีคนในสังคมอีกมากมายที่ยินหยัดว่า  เรื่องของ sharenting  ไม่ได้ย่ำแย่จนต้องต่อต้าน     ตราบใดที่เราได้ขีดเส้นแบ่งแห่งความเหมาะสม   การ share เหล่านี้คือการเก็บรวบรวมความทรงจำในการเลี้ยงดูลูกๆและอาจจะกลายมาเป็นประโยชน์ในอนาคต  





Internet is forever. 
นี่คือหลักการสำคัญในการใช้ social media แทบทุกสถานการณ์ รวมไปถึงภาพพัฒนาการของลูกน้อยที่ค่อยๆเจริญเติบโต แต่แม้ว่าพ่อแม่หลายคนจะภาคภูมิใจจนต้องถ่ายทอดให้คนอื่นได้สัมผัสถึงความน่ารักของลูกๆ จากแนวคิดที่ว่า การส่งต่อประสบการณ์เลี้ยงดูลูกได้เรียกกำลังใจจากผู้ติดตามจนสามารถเติมเต็มความสุขของพ่อแม่ได้เป็นอย่างดี แต่หากว่าลูกไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่าจะอยู่ในวัยที่เด็กเกินไปต่อการตัดสินใจเลือกเอง หรืออาจจะโตพอที่จะเรียกร้องขอความเป็นส่วนตัวได้แล้ว แต่ก็ต้องเจอเหตุการณ์ที่พ่อแม่โพสต์ภาพหรือบรรยายเรื่องราวส่วนตัวให้ผุ้อื่นรับรู้โดยไม่ได้ถามความสมัครใจก่อน เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นโต้แย้งที่ชาวเน็ทตถกเถียงกันว่า มันเป็นพฤติกรรมที่ล่วงละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวของลูก หรือเป็นเรื่องปกติที่คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามเพื่อจับผิด

ลองติดตามจากกรณีตัวอย่างของครอบครัวคนดังกันได้เลย


คำถามที่หลายคนสงสัย เด็กแค่ไหนจึงเรียกว่าเด็กเกินไปที่จะใช้social media?

หลานชายเตือน Kim K ไม่ให้ปล่อยน้องNorth แชร์ live ทาง TikTok


บรรดาชาวเน็ทต่างมั่นอกมั่นใจว่า ครอบครัว Kardashian กำลังเสริมสร้างรากฐานอันมั่นคงของอาณาจักรธุรกิจมูลค่ามหาศาลไปสู่ทายาทรุ่นต่อไป โดยเฉพาะ Kim K ที่ถูกยกให้เป็นดาวเด่นของครอบครัวมาตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างชื่อเสียงในวงการในฐานะ TV personality และตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นหนึ่งในสองสมาชิกครอบครัวที่มีทรัพย์สินมูลค่ารับพันล้าน ชื่อเสียงของราชินี internet นั้นแข็งแกร่งมากจนยากที่จะมีใครโค่นตำแหน่งนี้ไปได้ เชื่อกันว่า ผู้ที่จะมารับช่วงต่อก็คือน้อง North ลูกสาวคนโตของ Kim ที่เผลอแค่แป๊บเดียวก็อายุ 8 ขวบแล้ว


 แต่ละครอบครัวจะกำหนดกติกาเรื่องการเข้าถึง social media ของเด็กๆในรูปแบบที่แตกต่างกัน  ในขณะพ่อแม่หลายคนไม่อนุญาตให้เด็กๆมี account หรือเชื่อมต่อกับsocial media จนกว่ามีอายุที่คิดว่าเหมาะสม  อาจจะอิงตามกฎของ Facebook กำหนดให้ผู้ใช้มีอายุขั้นต่ำที่ 13 ปี  แต่ก็ยังมีพ่อแม่ที่ไม่อนุญาตให้สร้าง account จนกว่าจะมีอายุ 15-16ปี    อย่างไร์ก็ตาม ยังมีอีกหลายบ้านที่ยินยอมให้เด็กเข้าถึง online platform ต่างๆ ในขณะที่ดูแลกวดขันให้ใช้อย่างเหมาะสม

Kim ได้จับมือกับลูกสาวผู้น่ารักเปิด TikTok account เมื่อปีที่แล้ว    ด้วยฐานผู้ติดตามอันแข็งแกร่งของผู้เป็นแม่   ไม่น่าประหลาดใจเลยที่จะมีผู้ติดตามเกินห้าล้่นคนไปแล้ว    content ต่างๆก็เป็นไปตามที่พวกเราคุ้นเคยกัน  ทั้งการลิปซิงค์เพลงดัง  และlifestyle ต่างๆในคลิปสั้นๆ   แต่เมื่อน้อง North เปิด live เผยภาพของแม่ที่กำลังเช็คโทรศัพท์มือถือบนเตียง และประกาศกลั้วเสียงหัวเราะอย่างซุกซนว่า  "แม่ หนูเปิด live อยู่นะ"  ทั้งๆที่ไม่ได้รับอนุญาต   แม้ว่า Kim จะใช้นำเสียงเด็ดขาดห้ามน้องทันที   สิ่งที่ตามมาคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผู้เป็นแม่ว่า  ปล่อยปละละเลยให้ลูกสาวเข้าถึง social media เร็วเกินไป   น้องไม่ควรจะรู้  password เข้า account ได้ด้วยซ้ำ   หลายคนยังตำหนิ Kim ว่า   เป็นผู้ชี้นำให้ลูกสาวหมกมุ่นกับการshare ชีวิตส่วนตัวให้โลกได้รับรู้   อายุเพียง 8 ขวบก็ใส่ใจเรื่องยอด like ซะแล้ว
 หลังจากนั้นไม่นาน   Kim ได้เผยข้อความจากน้อง Mason   ลูกชายคนโตของ Kourtney แลำ Scott ที่สนิทสนมกับครอบครัวเป็นอย่างดี   เด็กชายวัย 12 ขวบได้เตือนเธอถึงผลเสียจากการปล่อยให้เด็กเปิด live ไว้ว่า


"สวัสดีครับ ผมไม่อยากจะหยาบคายใส่น้อง Northนะ แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องสมควรที่น้องจะเปิด live ยกเว้นแต่จะมีใครอยู่ข้างๆ นั่นเป็นเพราะว่าคนอื่นมักจะบันทึกภาพจาdหน้าจอเสมอ และเธออาจจะเปิดเผยข้อมูลผิดๆหรืออะไรที่ทำให้เธอรู้สึกเสียใจภายหลังออกไป ผมก็เคย live แบบที่เธอทำเหมือนกันนะ แล้วผมก็ต้องมารู้สึกเสียใจทีหลังว่าไม่น่าเลย ปลอดภัยไว้ก่อนนะครับ"



คำแนะนำที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวของน้องMason ทำให้ชาวเน็ทยกย่องชมเชยที่เชาเป็นห่วงเป็นใยญาติผู้น้อง  


Kimได้ให้สัมภาษณ์ออกสื่อในภายหลังว่า Northได้แสดงความรู้สึกผิดอย่างเต็มที่หลังจากเข้าใจแล้วว่า เธอผิดกติกาที่ตกลงไว้กับแม่




ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเอนจอยกับการเปิดเผยตัวตนผ่าน social media 


นางเอกสาวสวย Dakota Johnsonได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจในกับ James Corden ว่า เธอไม่ได้ปลาบปลื้มใจที่เห็นแม่ของเธอ share ภาพสมัยเด็กของเธอแต่อย่างใด

"ฉันไม่ชอบเลย แล้วฉันก็ไม่ได้ใช้ social mediaซะด้วย ฉันจึงไม่รู้เรื่องจนกระทั่งมีคนส่งมาให้ดูแล้วพูดประมาณว่า เธอดูขี้เหร่ชะมัด หรือไม่ก็บอกว่าตอนเธอจัดฟันมัดผมหางม้าก็ดูน่ารักเชียวนะ"

"ฉันรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก 12 ขวบ บอกแม่ไปว่า แม่จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ เราคุยเรื่องนี้กันมาตั้งหลายครั้ง แต่แม่ก็ไม่สนค่ะ"



ลูกชายวัยรุ่นของKate Hudsonท้วงแม่หลังจากแชร์วีดีโอโดยไม่ถามความสมัครใจก่อน



พ่อแม่ที่ share ของเด็กที่ยังไม่รู้ประสาก็เป็นอีกเรื่อง   แต่ถ้าเป็นเด็กที่โตวันโตคืน  และเรียนรู้เรื่องการปกป้องสิทธิของตัวเองมาอย่างเต็มที่   ขอบอกเลยว่า แม้จะเลี้ยงพวกเค้ามากับมือ ก็แย้งไม่ได้!

ย้อนไปเมื่อน้อง Ryder ลูกชายคนโตของ Kate Hudson อายุ 15 ขวบ ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้สังคมได้หันมาใคร่ครวญเรื่องสิทธิความเป็นส่วนตัวของเด็ก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ดราม่าใหญ่โต แต่เมื่อคุณแม่คนดังshare วีดีโอสมาชิกครอบครัวที่กำลังร้องเพลง happy birthday อวยพรให้กับพี่ชายของเธอ คำทักท้วงแบบทีเล่นทีจริงพร้อมกับอีโมจิหน้าหัวเราะทั้งน้ำตาจากลูกชายของเธอก็อาจจะทำให้คุณพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกของเด็กๆขึ้นมาก็ได้

"แม่ไม่ได้ถามผมสักคำว่าจะโพสต์วีดีโอนี้ได้รึเปล่า"  


ความแตกต่างของลุกคนดังกับเด็กทั่วไปคือ ไม่ว่าจะใช้ชีวิตอย่าง private มากแค่ไหน พวกเค้าก็ยังต้องมีสังคมของตัวเอง และมักจะโดดเด่นขึ้นมาจากในแวดวงเด็กร่วมรุ่นเสมอ ในขณะที่คนธรรมดาทั่วไป share ภาพส่วนตัวของเด็กๆ โดยไม่ได้มีใครต้องจับผิดเท่าใดนัก แต่คนดังที่มีจำนวนผู้ติดตามทาง social media เป็นล้านก็เปรียบได้กับการเปิดโอกาสให้ผู้คนร้อยพ่อพันแม่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในด้านดีและด้านร้าย รวมไปถึงเพื่อนฝูงและคนในสังคมเดียวกันกับลูก ไม่น่าแปลกใจที่ลูกคนดังจะรู้สึกว่าจำเป็นต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ พ่อแม่ไม่ควรได้สิทธิ์ shareทุกอย่างตามที่ต้องการโดยไม่ถามความสมัครใจก่อน เพราะวีดีโอหรือภาพที่ผู้ใหญ่คิดว่าดูไม่เสียหายหรือมีความหมิ่นเหม่เสี่ยงต่อการเกิดดราม่า แต่อาจจะมีด้านที่เด็กไม่เต็มใจอยากจะให้คนนอกได้เห็น หรือแม้กระทั่งภาพที่พวกเค้าเห็นดีเห็นงามด้วย แต่การได้รับการขออนุญาตก่อนก็แสดงถึงการนับถือสิทธิ์ที่พวกเค้าหวงแหนนั่นเอง

'เด็กๆไม่ได้เรียกร้องอยากเป็นคนดังเหมือนกับพ่อแม่'

ทายาทคนดังมักจะกลายมาเป็นเหยือความร้ายกาจของ social media พวกเค้าถูกรุม bully โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดยเฉพาะเรื่องรูปลักษณ์ ลองนึกถึงกรณีของ Blue Ivy Carter ลูกสาวคนโตของศิลปินทรงอิทธิพล Beyonce & Jay Z ที่ต้องเผชิญกับคำพูดร้ายกาจจาก troll แม้แต่นักข่าวจากmagazine ดังก็ยัง tweet จิกกัดเรื่องหน้าตาของเด็กไร้เดียงสาอย่างไร้ยางอาย

  • K Austin Collinแห่ง Vanity Fair บอกว่า น้องหน้าตาเหมือนพ่อมากจนรู้สึกเห็นใจ
  • Violet Luccaแห่ง Harper's ผสมโรงอย่างสนุกสนานว่า พอน้องอายุ 16 ก็ไปทำหน้าจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้เหมือนกับKylie Jenner รู้สึกสงสารพวกมหาเศรษฐีไม่ลงหรอก

แม้นักข่าวทั้งสองถูกบีบให้ออกมาขอโทษเรื่องคำพูดย่ำแย่ไม่สมกับความเป็นผู้ใหญ่   นี่เป็นเพียงตัวอย่างเรื่อง bully ที่ตามหลอกหลอนน้อง Blue Ivy  สามารถพิสูจน์ได้จากทุก platform ที่เปิดกล่องให้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็น  ก็จะเต็มไปด้วยคำพูดด้อยค่ารูปลักษณ์ของลูกคนดัง     การเกิดมาในครอบครัวผู้มีชื่อเสียงและฐานะทางการเงินที่แสนมั่งคั่งอาจจะเป็นสิ่งที่ฟังแล้วน่าอิจฉา  แต่อีกด้านหนึ่งก็กลายมาเป็นอาวุธคอยบั่นทอนจิตใจสมาชิกครอบครัว  นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่พ่อแม่คนดังจำนวนไม่น้อยเลือกปกปิดใบหน้าของลูกๆให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกเค้าใช้กฎหมายเล่นงานพาพาราซซี่และเอเจนซี่ที่ติดตามถ่ายภาพเด็กๆไปขายสื่อ และยื่นคำขาดให้สื่อเบลอและปิดบังใบหน้าของลูกทุกครั้งที่เผยแพร่ภาพต่อสาธารณชน มิเช่นนั้นจะถูกฟ้องร้อง




น้องApple ดุแม่ ถ้าไม่ขอความยินยอมก่อนก็ห้ามแชร์รูป


Gwyneth Paltrow พยายามรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับลูกๆมาโดนตลอด ก่อนที่พวกเค้าจะเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เธอแทบไม่ share ภาพที่เผยใบหน้าของลูกสาวและลูกชายเลย ชาวเน็ทเพิ่งจะได้ยลโฉมของเด็กบ้านนี้กันชัดๆบน Instagram ก็ตอนที่พวกเค้าเข้าสู่พรีทีนแล้ว


แต่ถึงจะอย่างนั้น เมื่อแม่ share ภาพโดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจ น้อง Apple ก็ออกอาการดุแบบไม่เกรงใจ


"แม่คะ เราคุยกันแล้วนี่ว่าแม่จะไม่โพสต์ภาพโดยที่หนูยังไม่ให้การยินยอม"

แม้ว่าคนเป็นแม่จะแย้งว่า  ภาพนี้ แทบจะไม่เผยใบหน้าของน้องApple ซะด้วยซ้ำ (จากหมวกสกีที่ปิดไปครึ่งหน้า)   แต่เมื่อเด็กๆได้เติบโตขึ้นมาพร้อมกับการเรียนรู้เพื่อปฏิบัติตัวตามกติกาที่พ่อแม่ได้วางกรอบไว้ให้ตลอดมาและอาจจะถูกลงโทษหากฝ่าฝืนคำสั่งสอน  มันย่อมเป็นเรื่องย้อนแย้งเมื่อได้พบว่า แม่ไม่ใส่ใจกับเรื่องง่ายๆอย่างการถามความสมัครใจของน้องว่าจะ  share ภาพนี้ได้หรือไม่  (ทั้งๆที่ถามกันได้ทันทีหลังจากถ่าย selfie และถ้าน้องไม่ยินยอมก็ยอมรับเพียงเท่านั้น) 




share หรือไม่ share?
Halle Berry กับความรู้สึกที่ก้ำกึ่ง ขอshareรูปลูกแค่ครึ่งหน้าก็พอ



คุณอาจจะเคยเห็นภาพจาก Instagram คนดังที่เผยภาพลูกๆจากด้านหลัง หรือในมุมที่อำพรางจนมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน    หลายคนให้ความเห็นตรงกันว่า  ขอปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกๆไว้จนกว่าจะถึงวัยที่ตัดสินใจได้เองว่าอยากจะเปิดเผยตัวตนผ่าน social  media  หรือไม่่      สำหรับ Halle Berry  ก็เช่นกัน    ใจหนึ่งเธอก็อยากจะเก็บภาพของลูกๆไว้เป็น่ส่วนตัว  แต่อีกใจหนึ่ง เธอก็ยังให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัวที่สนิทสนมและปรารถนาจะส่งความรักความห่วงใยกับสมาชิกครอบครัว       เมื่อบวกลบคูณหารแล้ว   เธอจึงเลือกวิธี  share ภาพเด็กๆ  แต่พรางใบหน้าไว้สักครึ่งหนึ่ง  ถือว่าลงตัว

 


Overshare หรือไม่?

ดราม่าที่มักจะมาพร้อมกับการ share ภาพที่ขัดความรู้สึกบางคน



คุณเคยเกิดความรู้สึกปั่นป่วนเมื่อได้เห็นในภาพไม่พึงปรารถนาที่พ่อแม่บางคน share บ้างหรือเปล่า?



เราเคยได้ยินเสียงโอดครวญของบางคนที่รู้สึกรับไม่ได้เมื่อภาพใครบางคนแชร์ภาพคราบสกปรกจากการขับถ่ายหรืออาเจียนของลูกตัวเอง หรือผู้ที่แสดงความอึดอัดใจเมื่อได้เห็นร่างกายของเด็กที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิด แม้จะมีเซนเซอร์ที่ของสงวน แต่ก็ยังคำถามต่อว่า จะมีเด็กสักกี่คนที่รู้สึกยินดีปรีดาที่พ่อแม่โชว์ภาพเปลือยของตัวเอง และไม่สามารถลบภาพนั้นออกไปได้

ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ยืนหยัดกับความเชื่อมั่นว่า การแชร์ภาพเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติของคนมีครอบครัว หากใครไม่ชอบใจก็แค่เลื่อนผ่านไป ดราม่าก็ไม่เกิด





หรือจะเป็นดราม่าคนดังที่ถูกรุมตำหนิว่า เผยภาพที่เป็นส่วนตัวเกินไป ดังกรณีของ Chrissy  Teigen  ที่ต้องเจอข้อกล่าวหาว่า หิวแสงจนต้องอวดภาพตอนแช่อ่างน้ำกับลูกๆ  บ้างก็แสดงความวิตกกังวลว่า  การเปลือยร่างกายต่อหน้าลูกๆนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม   แม้จะมีความผูกพันกันมากแค่ไหน แต่ผู้เป็นพ่อแม่จะต้องรักษาขอบเขตเรื่องทางเพศกับลูกเสมอ   แต่นั่นก็ได้สร้างเสียงโต้แย้งอย่างหนักแน่นจากผู้ที่ไม่เห็นด้วยว่า    ในแต่ละครอบครัวย่อมมีวิถีการเลี้ยงดูลูกที่แตกต่างกัน   สิ่งที่บ้านหนึ่งมองว่าช่างดูเสื่อมเสียและไม่ควรนำมาเป็นเยี่ยงอย่างก็อาจจะเป็นเรื่องที่แสนจะปกติสำหรับอีกบ้านจนไม่เข้าใจว่า เพราะอะไรต้องมีดราม่ากันด้วย!


จุดเปราะบางที่มาพร้อมกับชื่อเสียงของคนดังในวงการคือการถูกจับผิดทุกการเคลื่อนไหว เมื่อมีเรื่องของลูกตัวน้อยถูกคนแปลกหน้าวิเคราะห์เจาะลึกทาง social media ชาวเน็ทพร้อมเสมอที่จะทำหน้าที่ประดุจศาลพิพากษาวิธีการเลี้ยงดูลูก


นี่คือตัวอย่างดราม่าที่เกิดจากความคิดเห็นต่อวิธีการเลี้ยงดูลูกที่ขัดแย้งกันของคนในโลก online


  •  Kylie Jenner ถูกโจมตีว่าอวดความร่ำรวยด้วยการ shareภาพลูกสาวตัวน้อยที่ใช้ข้าวของแบรนด์เนม
  • David Beckham ที่มักถูกกล่าวหาว่าแสดงความรักกับลูกสาววัยสิบขวบแบบล้ำเส้นความเหมาะสมจากภาพจูบลูกที่ริมฝีปาก
  • Kourtney Kardashian ที่ถูกเหน็บแนมว่าส่งเสริมให้ลูกแสดงท่าทางแก่แดดเพราะน้องติดเล็บปลอม
  • Pink ที่เปิดศึกกับชาวเน็ทบน Instagram หลังจาก share ภาพบนชายหาดกับลูกชายวัยสองขวบที่ถอดกางเกงว่ายน้ำออก  ทำให้คนจำนวนหนึ่งสันนิษฐานจากสิ่งที่ปรากฏภาพว่า   ลูกน้อยของเธอผ่านการขลิบอวัยวะเพศมาแล้ว นำไปสู่การถกเถียงกันตามมาไม่สิ้นสุดว่า  การตัดสินใจให้ลูกชายขลิบอวัยวะเพศเป็นเรื่องสมควรหรือไม่



พวกเรามักจะได้ยินคำพูดว่า วิธีการเลี้ยงดูเป็นเรื่องเฉพาะตัวแบบบ้านใครบ้านมัน ไม่สมควรก้าวก่ายกัน เส้นแบ่งของคำว่า 'shareมากเกินไปหรือไม่' ของพ่อแม่แต่ล่ะคนมาจากตัวแปรเรื่องความเชื่อ ค่านิยม เรื่องศีลธรรมจรรยาของแต่ละสังคมที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจจะเลือกเส้นทางที่ราบเรียบปราศจากดราม่าด้วยการงด share เรื่องราวของลูกทุกรูปแบบ แต่ก็ยังมีคนอีกมายที่เลือก share เพราะมั่นใจด้านดีของการใช้ social media


แล้วคุณล่ะ เคยมีประสบการณ์แบบ 'sharent' (พ่อแม่ผู้ชอบshare) รึเปล่า?


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE