‘Glycolic Acid’ ถ้าอยากมีผิวเรียบ ใส รอยสิวจางไว จดชื่อส่วนผสมนี้ไว้เลย ปีหน้ามาแน่!

106 25
ถ้าผิวมีวงจรการผลัดเปลี่ยนเซลล์ที่มีประสิทธิ์ภาพ ผิวก็จะดูเรียบ เนียน ใส รอยสิว รอยแผลเป็น จุดด่างดำอะไรก็หายไว แต่ในความจริงแล้วเมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ผิวของเราก็จะผลัดเซลล์ได้ช้าลงเรื่อยๆ จุดด่างดำ ริ้วรอยที่เริ่มหายไวก็กลับอยู่ทนนาน 

แต่โลกนี้ที่มีตัวช่วยเสมอ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ! 


กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) เป็นส่วนผสมที่กำลังจะมาแรงในปีหน้า เพราะเป็นส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิวที่จะช่วยให้เราผิวเรียบ ใส ได้แบบไม่ต้องพึ่งเม็ดสครับเลย! งานนี้ใครที่ผิวแห้ง อายุเยอะขึ้น หรือไม่อยากกวนผิวจนเกินไปค่ะ นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ และขอแอบกระซิบว่าปีหน้า 2022 Active ingredient ที่มีสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Glycolic Acid มาให้เลือกลองแบบหลากหลายแน่นอน

มาทำความรู้จักกับ Glycolic Acid ส่วนผสมที่กำลังจะมาแรงในปีหน้า!

Glycolic Acid จัดอยู่ในกลุ่มกรดอัลฟาไฮดร็อกซี่ (Alpha Hydroxy Acid or AHA) ที่นิยมใช้ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เพราะมีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุด จึงซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เห็นผลได้ดี ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่เกาะอยู่บนผิวของเราให้หลุดออกง่ายขึ้น จากนั้นผิวก็จะสร้างเซลล์สุขภาพดีชุดใหม่ขึ้นมาแทนที่ รวมถึงยังช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง ลดการอุดตัน และลดจุด Hyperpigmentation ต่างๆ เมื่อใช้แล้ว ผิวหยาบกร้านจะกลับมาเนียนเรียบขึ้น ผิวหมองคล้ำกลับมาดูกระจ่างใส รวมถึงรอยแผลเป็น รอยสิวที่หน้า รอยสิวที่หลัง จุดด่างดำต่างๆ ก็จางลงได้ไวขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้เค้ายังมีความสามารถในการเป็น Humectant ช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวได้ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวรวมถึงคนผิวแห้ง พร้อมทั้งสามารถซึมเข้าไปทำงานในชั้นผิวที่ลึกลงไป ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสติน เมื่อใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานก็มีส่วนช่วยให้ริ้วรอยดูลดเลือนลงได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ด้วย เรียกว่าเป็นอีกส่วนผสมน่าลองสุดๆ สำหรับคนรักผิว 
Glycolic Acid มีความเข้มข้นหลายระดับขึ้นอยู่กับความต้องการที่จะใช้ หากเปรียบเทียบกรณีการใช้ Glycolic Acid โดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลัดเซลล์ผิว ความเข้มข้นจะสูงเพราะความถี่ในการทำ/ การใช้จะน้อย แต่หากเป็นกรณีใช้เป็นประจำต่อเนื่องที่บ้านทุกวันความเข้มข้นน้อยจะเหมาะต่อการใช้ซ้ำทุกวัน ด้วยผลลัพธ์ที่เท่ากันเมื่อใช่ต่อเนื่อง ที่สำคัญเรื่องการระคายเคืองคือหายห่วง 
เอาเป็นว่าใครกังวลเรื่องหน้าหมอง รอยสิว ฝ้า ผิวที่ไม่เรียบเนียน Glycolic Acid ตัวนี้ตอบโจทย์แน่นอน 

เช็คลิสต์ 5 เรื่องควรรู้ ก่อนเริ่มใช้ Glycolic Acid 


เห็นคุณสมบัติเค้าบอกว่าช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หน้าใส รอยสิว จุดด่างดำจางไว ลดเลือนริ้วรอยก็ได้แบบนี้ อย่าเพิ่งใจร้อนรีบไป cf จนกว่าจะอ่านกระทู้นี้จบนะ!  ขอย้ำกันอีกทีว่า Glycolic Acid เป็น ‘กรด’ ชนิดหนึ่ง ถึงจะดีมากแต่ก็ต้องมีความระมัดระวังในการใช้เช่นกัน

เพราะการทำงานของ Glycolic Acid คือการทำงานที่ช่วยนำสิ่งสกปรก เซลล์ที่ตายแล้วออกจากผิว แต่ยังคงความชุ่มชื้นและน้ำมันบนผิวเอาไว้ เพื่อให้ทุกๆ คนเข้าใจจีบันสรุป 5 ข้อง่ายๆ ให้ทุกคนไว้เช็คลิสต์จำขึ้นใจก่อนเริ่มใช้ Glycolic Acid มาให้ ดูไปพร้อมๆ กันเลย
1. ผิวระคายเคืองง่าย แพ้ง่ายใช้ได้มั้ย ?

เนื่องจาก Glycolic Acid มีขนาดโมเลกุลเล็กจึงซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากและสามารถลงไปชั้นผิวที่ลึกกว่าเมื่อเทียบกับกรดชนิดอื่นๆ แม้จะเห็นผลได้ดีแต่ก็หมายความว่ามีโอกาสระคายเคืองผิวได้มากกว่า AHA ตัวอื่นๆ เช่นกัน คนระคายเคืองง่าย แพ้ง่ายก็ใช้ได้ เพียงแค่ควรระวังในการใช้เพิ่มขึ้นอีกนิด ห้ามลืมเทสต์บนผิวก่อนใช้ และแนะนำให้เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ และสัปดาห์ละครั้งก่อน หากไม่แพ้ ไม่แสบ ไม่มีการระคายเคืองอะไรค่อยไปต่อ~  แต่ใครที่รู้ตัวว่าระคายเคืองมากอยู่แล้วและไม่อยากเสี่ยง สามารถสลับไปใช้กลุ่ม AHA ตัวอื่นที่อ่อนโยนขึ้น เช่น Lactic acid แทนก็ได้นะ ให้ผิว เนียน เรียบ ใส ได้เหมือนกัน
2. อยากหน้าใส อย่าใจร้อน อย่าวู่วาม

การผลัดเซลล์ผิวบ่อยและแรงเกินไป จากหน้าใสจะกลายเป็นหน้าแสบ หมอง ไหม้แทนได้! ทุกครั้งที่เราผลัดเซลล์ผิว ต้องให้เวลากับในในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ด้วย ก่อนใช้เช็คให้ดีว่าไอเท็ม Glycolic Acid ของเรามีความเข้มข้นอยู่ที่เท่าไหร่ คำแนะนำใช้ได้อาทิตย์ละกี่ครั้ง หากปกติไม่ค่อยได้ผลัดเซลล์ผิว แนะนำให้เริ่มใช้อาทิตย์ละ 1 ครั้งเพื่อค่อยๆ ปรับให้ผิวคุ้นชินก่อน หากผิวรับไหวอาจเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น หรือ ปรับใช้ตัวที่ความเข้มข้นเพิ่มขึ้นก็ได้ 
3. สิ่งที่ควรเลี่ยงและระวัง ระหว่างใช้ Glycolic Acid

หัวใจของการผลัดเซลล์ผิวคือใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด แต่ผลข้างเคียงน้อยที่สุด ไม่รบกวนผิวเกินไปจนระคายเคือง เช็คให้ดีว่าคุณไม่ได้ใช้ไอเท็มผลัดเซลล์ผิวอื่นที่ซ้ำซ้อนกันจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสครับต่างๆ หรือส่วนผสมในกลุ่ม AHA เช่น Mandalic acid, Lactic Acid / BHA เช่น Salicylic Acid / Retinol เป็นต้น ถ้ามีตัวอื่น อาจเว้นระยะ ใช้สลับสัปดาห์ สลับวัน หรือสลับเช้าเย็นได้ และอย่าลืมเสริมมอยส์เจอไรเซอร์เติมความชุ่มชื้นให้ผิวไว้เยอะๆ ด้วยนะ หน้าจะได้ ใส ฉ่ำ เด้งให้สุดไปเลยทีเดียว


4. ไม่อยากหน้าหมองกว่าเดิม ห้ามลืมกันแดด!

เมื่อมีการผลัดเซลล์ผิว ผิวของเราอาจบางลงและมีความไวต่อแสงมากขึ้นเป็นธรรมดา การทากันแดดเป็นประจำทุกวันจึงถือเป็นกฎเหล็กอันดับ 1 ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม ยิ่ง Work from Home แบบนี้ หลายคนคิดว่าอยู่ในร่ม ไม่ทากันแดดก็ได้ แต่ทั้งแสงและรังสี UV ยังสามารถทะลุผ่านทะลุผ่านกระจกเข้ามาทำร้ายผิวเราได้เหมือนเดิมนะ ถ้าไม่อยากให้การอัพผิวใส กลายเป็นแห้ง แสบ หมองกว่าเดิม รีบหากันแดดคู่ใจเตรียมรอไว้เลย

5. ใช้ Glycolic Acid แล้วแสบผิวคือแพ้หรือเปล่า?

เมื่อใช้ Glycolic Acid อาจรู้สึกยิบๆ บนผิวและแดงเล็กน้อยเป็นอาการปกติ แต่ไม่ควรถึงขั้นแสบ คัน ผิวกร้านหรือเกิดเป็นผด ผื่นเยอะๆ ขึ้นมา ถ้ารู้สึกแบบนี้อาจแปลว่าคุณกำลังแพ้หรือผิวระคายเคืองมากเพราะใช้ในความเข้มข้นที่สูงเกินผิวรับไหว ใช้บ่อยหรือทิ้งไว้บนผิวนานเกินไป แนะนำให้หยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมทันที

ทำความรู้จักส่วนผสมกู้หน้าใสแล้ว ปีหน้าเตรียมผิวให้พร้อม แล้วมาลองส่วนผสมนี้กัน! :D


สุดท้ายก่อนจบกระทู้นี้ ทุกคนคงเห็นแล้วว่า Glycolic Acid เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่มีประโยชน์ในการดูแลผิวมากๆ ถ้าใช้ให้ดี ใช้ให้เป็น ผิวเนียนเรียบลื่นใสกิ๊งไร้รอยดำอยู่ไม่ไกล แต่อีกสิ่งที่อยากไฮไลท์ซ้ำๆ ไว้ด้วยก็คือ ‘ไม่ไหวอย่าฝืน’ ต้องรู้จักผิวตัวเอง


เมื่อเริ่มใช้ Glycolic Acid แล้ว อยากแนะนำให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงของผิวตัวเองในทุกๆ วันให้ดี เพราะผิวของแต่ละคนมีการตอบสนองต่อส่วนผสมต่างๆ แตกต่างกัน ถ้ารู้สึกว่าใช้แล้วดี ใช้แล้วปัง ก็ลุยต่อได้เต็มที่ ลองสนุกกับการปรับเพิ่ม-ลด ความเข้มข้นและความถี่ในการใช้และเอ็นจอยกับส่วนผสมหน้าใสนี้ได้ในแบบของตัวเอง แต่ถ้ารู้สึกว่าผิวเริ่มแปลก ความระคายเคืองรุมเร้า แสบ คัน ลอก ผิวดูหมองกว่าเดิมก็อาจต้องโบกมือลา อย่าไปฝืนตามเทรนด์ ในโลกสกินแคร์ยังมีส่วนผสมอีกมากมายที่ช่วยกู้ผิวสวยหน้าใสให้เราได้เช่นกัน :D