บาดแผลทางใจของ Jennifer Lawrence กรณีรูปหลุดเมื่อ 7 ปีก่อน

ข่าวดาราที่มีรูปหลุดไม่ใช่เรื่องใหม่ ทั้งจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันเวลาออกงานต่อหน้าสื่อแล้วชุดไม่พอดี โดนสื่อตามถ่ายมุมติดเรท หรือโดนแฮคเกอร์เอารูปไปปล่อยลงอินเตอร์เน็ต ด้วยความมีชื่อเสียงก็ยิ่งทำให้คนไปมุง ไปค้นหากันด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนลืมคิดถึง Privacy และ Consent ของเจ้าตัว

และถ้าเราคิดว่าคนดังฝั่งตะวันตกที่กลายเป็นเหยื่อการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล อาจเห็นเรื่องนี้เป็นปกติ ชิลๆ กัน ขอบอกว่าไม่จริงเลย! 

Jennifer Lawrence ต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์นี้มาเป็นเวลานานกว่า 7 ปี!

7 ปีก่อนในปี 2014 ก็เกิดเหตุการณ์ทีนี้กับ Jennifer Lawrence มีแฮคเกอร์ปล่อยภาพหลุดของเจนลอว์ที่เธอถ่ายเล่นไว้ในมือถือส่วนตัวลงในออนไลน์ ทำให้กลายเป็นสิ่งที่คนฮือฮากันทั้งโลก ทุกคนสนใจที่จะดูรูปของเจนลอว์ เห็นเป็นเรื่องสนุก แต่ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเธอเลย

เธอได้ขึ้นปกกับ Vanity Fair และกล่าวว่า นี่ไม่ใช่ข่าวฉาว แต่เป็นอาชกรรมทางเพศ ล่วงละเมิดทางเพศ น่าขยะแขยงเป็นที่สุด!

Emma Watson ก็ได้ออกมาทวีตเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ไว้ว่า สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการที่ผู้หญิงถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในโซเชียลมีเดีย คือการเห็นคอมเมนต์ที่ไร้ความเห็นอกเห็นใจกัน

Jennifer Lawrence ไม่ได้ทำมือถือหายแต่อย่างใด มือถือยังอยู่กับเธอดี แต่ถูกแฮคเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว ด้วยการ Phishing เช่น ทำเป็นหลอกล่อว่ามาจาก Apple ให้ใส่ Username & Password จากนั้นก็ขโมยรูปใน iCloud ไปเผยแพร่ต่อ

เหตุการณ์แบบนี้มีคนดังหลายคนที่โดนเหมือนกัน และ FBI ก็จับกุมแฮคเกอร์ได้ในที่สุด น่าเศร้าที่ภาพส่วนตัวที่หลุดออกมาแล้ว ยังคงอยู่บนโลกอินเตอร์เน็ตไปตลอด

แม้เรื่องนี้จะผ่านมากว่า 7 ปีแล้ว แต่บาดแผลทางจิตใจยังคงอยู่ตลอดไป ทุกคนสามารถเข้าถึงรูปหลุดของเจนลอว์ตอนไหน เวลาไหนก็ได้ โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมเลยด้วยซ้ำ

"ฉันเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นนักแสดง ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องการสิ่งนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถก้าวล้ำขอบเขตได้ ร่างกายของฉัน ก็ต้องให้ฉันเป็นคนเลือกเอง แต่ความจริงที่ว่าฉันไม่ได้เลือกเองมันน่าขยะแขยงสุดๆ ไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าพวกเราอยู่ในโลกแบบนี้กัน"

ป้องกันการถูกเข้าถึงความเป็นส่วนตัว

แม้เคสของเจนลอว์จะผ่านมาหลายปี แต่เราก็จะยังเห็นว่าก็ยังมีแฮคเกอร์ที่ใช้วิธีการเหล่านี้อยู่ทั้งส่งเมลมาปลอมเป็น Apple บ้างล่ะ Amazon บ้างล่ะ แม้เราอาจไม่ได้มีรูปหลุด แต่ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างพวกรหัสบัตรเครดิตนี่แหละ ที่เป็นสิ่งที่แฮคเกอร์หลายคนหมายปอง

เวลามีเมล์เข้ามาก็ต้องดูผู้ส่งดีๆ ว่าเป็น Official จริงหรือเปล่า อย่าเพิ่งรีบกดลิงก์ หรือกรอกอะไรไป แต่ถ้าเผลอหลุดไปแล้วก็แนะนำว่าติดต่อธนาคารและตำรวจให้เร็วที่สุดเลยค่ะ

เพื่อนๆมีทางป้องกันยังไงบ้าง มาแชร์กันได้เลยน้า :)