ดราม่าร้อน: แฟนกล่าวหาYG กีดกันLaLisaร่วมอีเวนท์Bvlgariเพราะชาตินิยม

54 20

ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ Paris Fashion Week ได้กลายมาเป็น season แห่งความตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ K-Pop หลังจากเหล่าห้องเสื้อชั้นสูงแห่งศูนย์กลางอุตสาหกรรมแฟชั่นโลกได้ตระหนักถึงอิทธิพลของศิลปินK-Pop ชื่อดังที่มีต่อพฤติกรรมการบริโภคของนักช็อป แบรนด์หรูได้หยิบยื่นข้อเสนอให้ไอดอลก้าวเข้ามากระตุ้นความนิยมในฐานะ ambassador และเฉิดฉายที่ front row กระทบไหล่บุคคลมีชื่อเสียงระดับโลกทั้งจากวงการแฟชั่นและHollywood

แต่กว่าจะมาอยู่ในจุดนี้ได้    แน่นอนว่าจะต้องเป็นไอดอลที่แบรนด์มั่นใจว่าโด่งดังทรงอิทธิพลจริงๆ  จะเห็นได้จากแรงดึงดูดความสนใจจากแฟนๆ ซึ่งไม่ได้ปราฏในโลกonline เท่านั้น   แฟนพันธุ์แท้หลายคนได้รวมกลุ่มกันเพื่อรอให้กำลังใจไอดอลที่ทางเข้า fashion show  แม้จะได้เป็นพวกเค้าเพียงแว้บๆไม่กี่วินาที  บางคนถึงกับเดินทางข้ามประเทศมาเลยทีเดียว   กระแสการตอบรับนั้นร้อนแรงมากถึงขั้นที่นักแสดง A List บางคนต้องออกปากชื่นชมทำนองว่า "ของเค้าดีจริงๆ!"


เมื่อ Paris fashion week ปีได้เริ่มต้นอีกครั้ง เหล่า blinks ก็ดูจะมีพลังพุ่งปรี๊ดอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะนี่คือหนึ่งในโอกาสที่จะได้ติดตามอัพเดทภาพของสาวๆ BLACKPINK หลังจากที่วิกฤติโรค COVID ระบาดได้ส่งผลกระทบจนเหล่าศิลปินต้องเก็บตัว และมีlimit ในการออก event จนดูเงียบเหงาน่าใจหาย


แต่แทนที่จะได้ชื่นใจกันอย่างเต็มที่ fashion week ในคราวนี้ก็มาพร้อมกับดราม่าที่พัวพันกับข้อกล่าวหาเรื่องการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงจนเกิดกระแสไม่พอใจไปทั่วโลกออนไลน์!


ต้นเรื่อง: CEO แห่ง BVLGARI ชี้แจง  Lisa ไม่ได้รับอนุญาตจาก agency ให้เข้าร่วมอีเวนท์หรูเพราะต้นสังกัดเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์ COVID


Jean-Christophe Babin ผู้บริหารแบรนด์เครื่องประดับสัญชาติItalianชื่อดังได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อคลายความข้องใจของแฟนๆ ถึงเหตุผลที่Lisa ผู้ได้รับการแต่งตั้งเป็น global brand ambassador ไม่ได้อยู่ใน list ของคนดังที่ได้เข้าร่วม event ของ ETAM แบรนด์ที่สร้างผลงานcollaborationกับBVLGARI ใน Paris ทั้งๆที่เธอเดินทางไปถึงนครแห่งแสงไฟเรียบร้อยแล้ว และไม่ได้เดินทางไป event ครั้งยิ่งใหญ่ของ BVLGARI ใน Milanอีกด้วย

นี่คือคำชี้แจงของคุณ CEO


"ในตอนนี้ ambassador ผู้เลิศเลอของเราอยู่ในยุโรปแล้ว น่าเสียดายที่เอเจนซี่ของเธอไม่อยากจะให้เธอเข้าร่วมevent และshow ของเรามาจากเรื่อง COVID นั่นเป็นเหตุผลที่ ณ ตอนนี้ เราก็ยังไม่สามารถดึงเธอมาถ่ายภาพร่วมกับZendaya, Lily Aldridge และ Vittoria Ceretti สำหรับแคมเปญของ BVLGARI ซีซัน 2021/22 ได้ เราจึงไม่สามารถจัดevent ใหญ่เเพื่อข้าร่วมกันได้อย่างพร้อมหน้า  แต่เราจะพยายามทำให้มันเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้จากความเป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมและเรามีความมุ่งมั่นที่จะให้มีการร่วมงานให้เกิดประสิทธิผลอย่างเต็มที่"




ในตารางของ Paris Fashion Week  ไม่ปรากฏกำหนด show ของ Celine อีกแบรนด์ดังที่ Lisa ทำหน้าที่  brand ambassador  ดังที่เราเคยเห็นภาพของเธอร่วมนั่งfront row ในปีที่ผ่านมา 


แฟนๆเกรี้ยวกราด  เรียกร้องขอคำอธิบายที่รับได้จากต้นสังกัด และขอความเป็นธรรมจนกระหึ่มทั่ว social media

หลายคนฟันธงว่า CEO ออกมาแจงขนาดนี้ แบรนด์ดังไม่ได้สบายใจต่อท่าทีของYG เลย และยังทำให้พาลคิดไปได้ว่า เหตุใดต้นสังกัดของไอดอลK-Pop จึงตัดช่องทางให้ Lisa ก้าวสู่เส้นทางอันเรืองรอง หรือยังตั้งข้อสังเกตว่า เหล่านักแสดงชั้นนำและ supermodel สามารถเข้าร่วมงานได้ แต่ศิลปินจากวงการนี้ไร้อิสระถึงขั้นที่ agency บอกว่าไม่ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำตามไป ทั้งๆที่ดูเหมือนเป็นการทิ้งโอกาสอันดีในอาชีพ ซึ่งเธอน่าจะกลายเป็นดาวเด่นของงานซะด้วยซ้ำ

อีกประการหนึ่ง การจัดอีเวนท์ใหญ่ในฝรั่งเศสนั้นไม่ได้มีการปล่อยปละละเลยเรื่องมาตรการป้องกันโรคระบาดแต่อย่างใด เห็นได้จากเทศกาลหนังเมือง Cannes ที่มีกฎเข้มที่ผู้เข้าร่วมงานจะต้องฉีดวัคซีนที่ยุโรปยอมรับครบโดส และมีผลการตรวจ COVID เพื่อการันตีก่อนเข้างาน แม้จะมีการผ่อนคลายความเคร่งครัดลงไป จะเห็นได้จากคนดังที่นั่ง front row ชิดกันโดยไม่สวมหน้ากาก แต่สมาชิกวง BLACKPINK คนอื่นๆ ก็สามารถเข้าร่วม fashion show ได้ตามปกติ พวกเธอกระทบไหล่ selfieกับเซเลบในงานได้อย่างสบายใจ ส่วน Lisa กลายเป็นสมาชิกผู้เดียวที่ไม่ได้ออกงานที่ Paris เลย

  นำไปสู่คำถามต่อมาว่า หากต้นสังกัดมีความห่วงใยต่อ Lisa ที่สุ่มเสี่ยงต่อสถานการณ์COVID จริงๆ  เหตุใดจึงอนุญาตให้เธอเดินทางข้ามประเทศไปสู่ยุโรปตั้งแต่แรก??

trending กระหึ่ม social media โลก


จากแฮชแทก
#YGLetLisaDoHerWork
#JusticeForLisa

มีการรายงานว่า เพียงแค่วันเดียว มีผู้ทวีทเรื่องนี้ไปแล้วสี่ล้านครั้ง!




Ambassador จากประเทศแถบ Asia ของ BVLGARI  มีแต่ระดับtopของประเทศ


หากตั้งคำถามเรื่องระดับความ powerful ของ BVLGARI ก็ลองนึกภาพถึงแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับคนดังระดับ superstar เพื่อโชว์โฉมสุดเลิศล้ำบนพรมแดงด้วยเครื่องประดับอัญมณีอันเลอค่า มาตรฐานการเลือก ambassador นั้นเรียกว่าสูงลิบลิ่ว เพราะคนดังจากเอเชียที่เป็นผู้ถูกเลือกให้ทำหน้าที่ถือเป็นระดับ top ของประเทศ จะเห็นได้จาก Priyanka Chopra ตัวแทนจากอินเดีย รวมถึงYamaPi จากญี่ปุ่น

เมื่อ Lisa ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น global ambassador และร่วมแคมเปญเดียวกับดาราดังอย่าง Zendaya   กองเชียร์ต่างตื่นเต้นว่า นี่คืองานที่สื่อความเลอค่าสมกับราศรี superstar จริงๆ 

แม้บางคนจะพยายามหาคำอธิบายในแง่ดีเพื่อลดความขัดแย้งว่า นอกจากจะกังวลเรื่องโรคระบาด ต้นสังกัดก็อาจห่วงใยในการทุ่มเททำงานจนเหนื่อยล้าในช่วงโพรโมทผลงานเพลง หลังจากที่เพิ่งจะส่งdance performance เพลง Money ไปราวๆสองสัปดาห์ก่อน

อย่างไรก็ตาม   นั่นดูจะขัดแย้งกับความคิดเห็นของแฟนๆที่มองว่า แม้ Money จะโด่งดังขึ้นอันดับสูงปรี๊ดใน Spotify หลายประเทศ  แต่ก็ยังไม่ได้เห็น live การแสดงเพลงแบบจัดเต็มแต่อย่างใด   การเดินทางจาก Paris เพื่อโชว์ตัวใน event ที่ Milan  ควรจะเป็นตัวช่วยboostพลังให้เพลงนี้ติดชาร์ทอีกยาวๆซะด้วยซ้ำ      นั่นเป็นเพราะว่า แฟนๆจำนวนมากต่างรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ชื่นชมภาพสุดเริ่ดของเธอในงานระดับ international หลังจากที่ได้เชียร์เพื่อนๆวง BLACKPINKอีกสามคนไปแล้ว



จริงหรือกับข่าวลือที่ว่า ไอดอลต่างชาติ "ดังได้ แต่อย่าเกินหน้า"?


ที่จริงแล้ว กระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเลือกปฏิบัติต่อไอดอลต่างชาตินั้นมีผู้เห็นต่างอยู่ไม่น้อย ชาวเน็ทหลายคนเชื่อว่า แฟนคลับอาจจะเข้าใจผิดกันไปเองเพราะความรักในต้วศิลปิน non-Korean จนเกิดความฝังใจว่า ต้นสังกัดมีความลำเอียง ดูแลเอาใจใส่และผลักดันศิลปินในชาติมากกว่า บ้างก็ชี้ว่า ที่ผ่านมาก็เคยมีดราม่าข้อกล่าวหาYGไม่สนับสนุนให้Jisoo โดดเด่นทัดเทียมสมาชิกBLACKPINK คนอื่นๆ ทั้งที่เธอเป็นไอดอลเกาหลีแท้ๆ จึงควรตัดข้อสงสัยเรื่องความลำเอียงเพราะเชื้อชาติทิ้งไป

แต่หลายคนได้รวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อยืนยันความเชื่อว่า Lisa ถูกต้นสังกัดตัวเองกีดกัน รวมถึงการแชร์เรื่องราวของนิตยสารและแบรนด์ต่างๆที่เคยร่วมงานกับLisa ว่า YG ไม่ได้ให้ความร่วมมือเต็มที่จนดูเสี่ยงจะตัดโอกาสดีๆของเธอซะเอง



data ที่สะท้อนความสำเร็จของ Lisa ในระดับ global ไม่ว่าจะเป็นยอดติดตาม-ยอดเข้าชมบน social mediaและยอดขายทำให้แฟนๆมั่นใจเต็มที่ว่า ทั้งสื่อยักษ์ใหญ่และแบรนด์ชั้นนำย่อมสนใจจะร่วมงานกับเธอ แต่กลายเป็นว่า แม้แต่การโพรโมทอัลบั้มก็ดูแห้งแล้งผิดแปลกไปจนแฟนๆไม่สบายใจ!

ว่าแต่เรื่องที่ฟังย้อนแย้งแบบนี้เกิดขึ้นได้จริงหรือ ? เพราะต้นสังกัดน่าจะพึงพอใจกับชื่อเสียงและส่วนแบ่งจากรายได้จากผลงานศิลปินอยู่แล้ว ยิ่งไอดอลโด่งดังมากเท่าใด ต้นสังกัดก็ยิ่งกอบโกยเป็นกอบเป็นกำ ไม่ได้รวยแต่ไอดอลเพียงฝ่ายเดียวซะเมื่อไร ข้อสันนิษฐานพวกนี้จะกลายเป็นประเด็นร้อนเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิด war ของแฟนต่างเมนที่ยกศิลปินร่วมวงมาเปรียบเทียบกันเอง ลุกลามเป็นการถกเถียงที่ไม่สิ้นสุด

ดราม่าครั้งนี้ไม่ได้สร้างกระแสต่อต้านในกลุ่มแฟนคลับชาวไทยเท่านั้น แต่แฟนๆของ Lisa จากหลายทวีปทั่วโลกได้รวบรวมข้อมูลต่างๆเพื่อยืนยันว่า ไอดอลสัญชาติไทยไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม แม้จะมั่นใจได้เลยว่า การเข้าร่วม event ของแบรนด์ที่หรูเลิศขนาดนี้ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับตัวเธอเพียงผู้เดียว แต่ควรจะเป็นการทำงานที่สร้างประโยชน์ให้หลายฝ่ายแบบวิน-วิน

ในช่วงโพรโมทผลงานดนตรีที่เพิ่งสร้างกระแสอย่างล้นหลาม event หรูใน Paris fashion week เปรียบได้กับโอกาสสำคัญในการกระตุ้นยอดขายให้ถล่มทลายขึ้นไปอีก ไม่ใช่การแต่งตัวสวยเริ่ดไปออกงานเพื่อเป็นหัวข้อข่าว หรือแม้กระทั่งคนดังHollywoodที่ขึ้นชื่อเรื่องหวงความเป็นส่วนตัวและออกงานน้อยครั้ง แต่ถ้าเป็นช่วงโพรโมทผลงาน ก็จะเก็บความอินดี้ไว้ก่อน หันมาเดินสายช่วยประชาสัมพันธ์ให้นายทุนชื่นใจทั้งนั้น




มีความเชื่อว่า YGละเลยเสียงเรียกร้องของแฟนๆที่อยากจะชมผลงานของ Lisaจนแทบจะขาดใจ ทำให้เกิดความค้างคาใจของแฟนๆที่ได้เคยยินกิตติศัพท์เรื่องชาตินิยมในสังคมเกาหลี บางคนมองว่ามันอาจจะเป็นเหตุผลที่เกิดการกีดกันโอกาสเหนี่ยวรั้งไม่ให้ดอลต่างชาติประสบความสำเร็จในระดับที่ควรจะเป็น แม้เพื่อนรุ่นน้องร่วมวงการอย่างBamBam เคยยืนยันแล้วว่า แฟนๆจำนวนมากในเกาหลีได้เปิดใจยอมรับชื่นชมเธออย่างเต็มที่ แต่ก็จะมีจุดที่คอยสะกิดให้หลายคนได้คิดเรื่องการเลือกปฏิบัติมาแล้วหลายครั้ง

มันคือข้อเท็จจริง หรือว่าแฟนๆคิดกันไปเอง ?


ไม่ใช่ดราม่าข้อกล่าวหาเรื่องกีดกันทางเชื้อชาติครั้งแรกของวงการK-Pop


การปั้นไอดอล Non-Korean ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของวงการนี้เลย แต่ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างเกาหลี-จีนทำให้ Aespa วงน้องใหม่มาแรงสุดๆต้องพบกับกระแสกดดันตั้งแต่ก่อนเดบิวท์ เมื่อnetizen เกาหลีจำนวนไม่น้อยเรียกร้องให้ SM ยุติแผนการเดบิวท์ของNingningเพราะรับไม่ได้ที่จะเห็นไอดอลจีนเข้ามาสร้างชื่อเสียงในเกาหลีในฐานะสมาชิกgirl group ค่ายยักษ์ใหญ่

เมื่อเธอจับมือกับเพื่อนๆอีกสามคนสร้างความสำเร็จในการเปิดตัวอย่างงดงาม  ก็มีดราม่าชวนปวดหัวใจ เมื่อ hater เข้าไปแก้ไขข้อมูลของเธอใน Namuwiki  ด้วยคำพูดเหยียดหยามร้ายกาจ


ปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในเกาหลีส่งผลกระทบต่อศิลปินK-Pop หรือไม่ ?

แม้ทุกวันนี้ คุณจะได้พบกับไอดอลลูกครึ่งและไอดอลต่างชาติกันเป็นปกติ    แต่คนดังที่ไม่ใช่ 'เกาหลี100%' ก็เคยเผยประสบการณ์ถูก bully เพราะอคติที่กีดกันให้พวกเค้าเป็นคนนอกมาแล้วหลายคน  เช่น
  • นางเอก Lee Yoo-jinที่เคยพยายามปิดบังว่าเป็นลูกครึ่งอเมริกัน   
  • นักร้องสาว Shannon ที่ถูก hater โจมตีว่าเธอไม่ควรร้องเพลงชาติเกาหลีเปิดการแข่งขันเบสบอลเพราะเป็นลูกครึ่ง 
  • วีดีโอของ Choi Vernonในปี 2008 ที่เขาได้บรรยายชีวิตเด็กประถมที่ถูกกลั่นแกล้งเพราะรูปลักษณ์แบบลูกครึ่ง 

จะเห็นได้ว่า ผู้ที่มีสายเลือดเกาหลีครึ่งหนึ่งยังต้องเผชิญกับแรงกดดัน แล้วถ้าเป็นหนุ่มสาวต่างชาติที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝึกฝนเพื่อเป็นศิลปิน K-Pop ล่ะ?

แฟน K-Pop บางคนได้ชี้ถึงเคสฟ้องร้องอดีตต้นสังกัดของ Luhan และ Chris Wu ที่ระบุเรื่องค่ายใช้วิธีปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมระหว่างไอดอลจีนและไอดอลเกาหลีว่า เป็นข้อพิสูจน์ความไม่เป็นธรรมเนื่องจากเชื้อชาติศิลปินที่เกิดขึ้นจริง







ชาวเน็ทสวดนายทุน - รับเด็กต่างชาติมาฝึกฝนหวังขยายตลาดinternational  แต่กลับไม่เปิดโอกาสให้เปล่งประกายเต็มที่เพราะเกรงลัทธิชาตินิยมในสังคมเกาหลี


แม้ไอดอลต่างชาติจะได้รับคำชื่นชมถึงความมุมานะที่ต้องร่ำเรียนภาษาเกาหลีในระยะเวลาไม่นานและจากบ้านเกิดมาใช้ชีวิตเด็กฝึกที่กดดันในสังคมที่ไม่คุ้นเคย แม้ว่าจะก้าวมาสู่เส้นทางไอดอลได้อย่างผ่าเผยสวยงาม แต่ก็มีจังหวะที่สะดุดในบางสถานการณ์ ทำให้แฟนๆข้องใจว่าไอดอลต่างชาติไม่ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกับไอดอลเกาหลี แม้จะมีผู้มองว่า การกีดกันทางเชื้อชาติมักจะเกิดกับไอดอลจากเกาหลีและญี่ปุ่น สองชาติที่มีกรณีพิพาทางการเมืองกับเกาหลีมาเนิ่นนาน ส่วนไอดอลจากชาติอื่นอาจหลีกเลี่ยงความกดดันจากความขัดแย้งรูปแบบนี้ไปได้


แต่นับตั้งแต่การเดบิวท์ของ BLACKPINK นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนๆเรียกร้องให้ YG ปฏิบัติกับ Lisa ให้สมกับความเป็น superstar ของเธอ แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำๆทำให้ให้มีผู้เชื่อมโยงเรื่องราวว่า หรือจะเป็นเพราะว่าเธอไม่มีสายเลือดเกาหลี?



เมื่อสองปีก่อน สังคมonline แทบลุกเป็นไฟ เมื่อมีผู้แชร์คอมเมนท์ของชาวเน็ทเกาหลีที่เหยียดหยาม Lisa ว่า อาจจะดูน่ารักราวกับตุ๊กตา Russian แต่ถ้าไม่ได้แต่งหน้าในสไตล์เกาหลีแล้ว เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงไทยผิวคล้ำหน้าพื้นๆคนหนึ่ง

ไอดอลแทบทุกคนต่างต้องเผชิญกับความ toxic จาก cyberbully มาแล้ว   แม้กระทั่งไอดอลที่ถูกยกให้เป็นเจ้าของความงามที่สูงล้ำกว่า beauty standards ก็อาจจะต้องจิตตกจากคำพูดรบกวนจิตใจของ hater  แต่ต้นตอของดราม่าครั้งนี้ไม่ใช่เจาะจงแต่ body-shaming เพราะมีการเหยียดเชื้อชาติอย่างชัดเจน  ( stereotypeสาวไทยผิวคล้ำ=หน้าบ้าน)    และนั่นไม่ใช่แค่คอมเมนท์จาก hater เพียงคนเดียว  แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง    


แม้ปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติที่เกิดขึ้นกับไอดอล K-Popจะถูกตีแผ่ไปทั่วโลก แต่นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนยืนยันว่า ไม่มีการระบุคำจำกัดความเรื่องการเหยียดเชื้อชาติตามกฎหมายของเกาหลี จากประเด็นร้อนที่กลายเป็นหัวข้อข่าวเมื่อชาวต่างชาติถูกปฏิเสธไม่ให้บริการจากร้านอาหารหรือไนท์คลับ รวมถึงการสำรวจความเห็นของชาวต่างจากในเกาหลีจาก National Human Rights Commission ที่ได้ตัวเลขชี้ชัดว่า ชาวต่างชาติส่วนใหญ่เคยผ่านประสบการณ์ถูกแบ่งแยกทางเชื้อชาติมาแล้ว นั่นหมายความว่า แม้ในด้านศีลธรรมจรรยา สังคมอาจจตระหนักว่านี่เป็นพฤติกรรมย่ำแย่ แต่ก็ยังไม่มีบทลงโทษหรือการควบคุม ทำให้ถูกจับตามองเปรียบเทียบกับอีกหลายประเทศพัฒนาแล้วที่ออกกฏหมายต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติมาใช้หลายปีแล้ว
    


นักการเมืองและตัวแทนองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนได้debate กันเพื่อเข็นกฎหมายต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติกันมาโดยตลอด และมีอุปสรรคจากการคัดค้านของฝ่ายอนุรักษ์นิยมรวมถึงความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ(xenophobia) ที่ปรากฏในสังคม

หากเป็นกรณีของ Lisa อาจจะเข้าข่ายแนวคิดแบบsupremacist ที่ดูถูกชาวต่างชาติจากประเทศยังไม่พัฒนาที่เข้ามาทำงานเลี้ยงชีพในเกาหลี ด้วยอคติว่าเป็นชนชาติล้าหลังต่ำต้อยที่เข้ามาสร้างปัญหา รวมไปถึงเหยียดหยันรูปลักษณ์ที่แตกต่างชาวจากเกาหลี อันเป็นผลมาจากการสืบทอดความคิดตามสังคมวัฒนธรรมเดียวหรือเอกพันธุ์ (homogeneous) และความบริสุทธิ์แห่งสายเลือด ไม่ปรับเข้ากับสังคมไร้พรมแดนที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมที่หลากหลาย แม้ชาวเกาหลีอีกมากที่ปรับตัวกับตามสังคมที่เปลี่ยนแปลงได้ แต่ก็มีการปัญหาจากการแบ่งแยกมาโดยตลอด


ประเด็นสำคัญที่แฟนๆทวงถามก็คือ action อันชัดเจนของต้นสังกัดเพื่อต่อต้านพฤติกรรม toxic เหล่านี้ ความคาใจของแฟนๆยิ่งสั่งสมขึ้นเมื่อได้รับรู้ว่าเธอสร้างความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ สมควรจะได้รับการปกป้องอุ้มชูจากต้นสังกัด  ประโยค Lisa deserves better จึงเป็นหนึ่งใน trending ทำชาวเน็ทออกความเห็นกันอย่างดุเดือด


หากเป็นในอดีตสักยี่สิบปีก่อน ผู้คนคงจินตนาการไม่ออกว่า ไอดอลK-Popจะสร้างปรากฏการณ์ความคลั่งไคล้ในประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกาใต้เหมือนกับ Backstreet Boysได้เช่นไร แต่มาถึงในจุดนี้ พัฒนาการของ K-Pop ที่สร้างปรากฏการณ์ไปทั่วโลกก็ได้พิสูจน์แล้วว่า พวกเค้าได้พลิกโฉมหน้าของวัฒนธรรม Pop และขยายเป้าหมายออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง

แต่เมื่อกอบโกยความสำเร็จจากการมุ่งสู่ระดับโลกแล้ว วงการนี้ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางให้สอดคล้องต่อวัฒนธรรมแบบ universal ได้อย่างเต็มตัวหรือยัง?


แรงกดดันจากinternetส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของต้นสังกัดได้หรือไม่ ?



แฮชแทกกันเป็นล้านๆขนาดนี้ แฟนๆจากหลายชาติก็ดูสาแก่ใจกันเต็มที่เมื่อการรวมพลังของพวกเค้าน่าจะเป็นต้นเหตุที่หุ้นของ YG ร่วงฮวบ!

แต่ก็ยังเป็นปริศนาที่ยังไม่คลี่คลายว่า เหตุ Lisa จึงยังเงียบหายจากไปจาก Paris fashion week ทั้งๆที่ไปถึง Parisได้หลายวันแล้ว

ผ่านไปเป็นวัน แฟนๆยังรอคำชี้แจงจากต้นสังกัดว่าเกิดอะไรขึ้น

แม้จะมีการคาดเดาและตั้งทฤษฎีไปต่างๆนานา  แต่หลายคนยังรอคอยการชี้แจงจาก YG ว่า  เหตุใด Lisa จึงไม่ได้ปรากฏตัวในโชว์ของ ETAM ที่ Paris หรือร่วม event ของ BVLGARI ที่จัดใน Milan    หากเธอเจ็บป่วย หรือมีความขัดข้องประการใด ก็ควรจะมีคำแถลงการณ์ออกมาเพื่อสร้างความเข้าใจและแก้ไขสถานการณ์สุดเดือดออกมา  ณ ตอนนี้ ข้อมูลก็ไม่ได้เพิ่มเติมไปจากคำพูดCEO แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังที่ระบุเหตุผลเรื่อง COVID   ทำให้ความหวังของแฟนๆที่จะได้เห็น Lisa ในParis fashion week สลายไป เพราะงานสิ้นสุดที่ 5ตุลาคมเท่านั้น    

หากมองจากสไตล์เรื่องPR ของวงการบันเทิงเกาหลีที่ต้องรับมือกับข้อกล่าวหา seriousอย่างการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ต้นสังกัดหรือคนดังจะต้องออกมาชี้แจงชัดเจนแล้ว

เรากำลังรออัพเดทคำแถลงการณ์จาก YG อยู่ค่ะ


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE