10 ประโยคสุดยี้ ที่สนับสนุนการข่มขืนโดยไม่รู้ตัว!
Alice Kerdplanant 45 15
Rape Culture ถ้าแปลตรงตัวก็คือ วัฒนธรรมการข่มขืน หรือความหมายที่แท้จริงก็คือ การที่สังคมปฏิเสธความรุนแรงของการข่มขืน โดยมองว่ามันเป็นแค่เรื่องขำขัน และทำให้การข่มขืนกลายเป็นเรื่องจิ๊บๆ ที่ไม่ควรใส่ใจ รวมถึงการเลือกที่จะโทษเหยื่อมากกว่าผู้กระทำด้วย เช่น เพราะเธอแต่งตัวโป๊ เธอก็เลยถูกข่มขืน เป็นต้น
วัฒนธรรมการข่มขืน นอกจากจะทำให้การข่มขืนเป็นเรื่องปกติในสังคมแล้ว ยังส่งผลให้ผู้ถูกกระทำไม่กล้าขอความช่วยเหลือ หรือแจ้งตำรวจอีกด้วย เพราะกลัวว่าจะถูกสังคมประณาม และถูกกล่าวโทษเสียเอง ทั้งที่จริงแล้วพวกเขาไม่ผิดเลย คนผิดคือผู้กระทำต่างหาก!
แม้ว่าจะมีการรณรงค์ต่อต้านการข่มขืน แต่หลายครั้งเราก็ยังเห็นสื่อหรือละครที่ยังสนับสนุนวัฒนธรรมการข่มขืนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฉากตบจูบ หรือคำพูดแซวที่สื่อไปทางเพศที่จงใจให้ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก นอกจากนี้ ในชีวิตประจำวันเราคงเคยได้ยินประโยคที่สนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรมข่มขืนอยู่บ่อยครั้ง มาดูกันดีกว่าว่ามีประโยคอะไรบ้างที่เราไม่ควรพูด!
1. ใส่สั้นขนาดนี้ ระวังถูกข่มขืนนะ!
My Body My Choice! ร่างกายเป็นของเรา เรามีสิทธิแต่งตัวยังไงก็ได้ การที่พูดว่าใครสมควรโดนข่มขืนเพราะแต่งตัวโป๊ แปลว่าเรากำลังโทษผู้ถูกกระทำ ไม่ได้โทษผู้กระทำ ที่ควรรู้ตัวว่าอย่าทำร้ายคนอื่น นอกจากนี้ ถ้าไปดู นิทรรศการ Don't Tell Me How To Dress แล้ว จะพบว่าผู้ถูกกระทำหลายคนไม่ได้แต่งตัวโป๊เลย ฉะนั้น การแต่งตัวไม่เกี่ยวจ้า แต่มันอยู่ที่จิตสำนึกคนกระทำต่างหากล่ะ
2. เป็นผู้หญิงห้ามไปไหนมาไหนกลางคืนคนเดียว
แทนที่จะสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้หญิง และสร้างจิตสำนึกให้ผู้กระทำ แต่กลับบอกให้ผู้ถูกกระทำดูแลตัวเองซะงั้น! ถือเป็นการสนับสนุนการข่มขืนทางอ้อมเลยนะ ว่า "กลับดึก = ยอมให้ถูกข่มขืน" ทางที่ดี เราควรรู้ว่า "อย่าข่มขืนใครไม่ว่าเวลาไหน" ดีกว่านะ
3. ผู้ชายมีอารมณ์ถือเป็นเรื่องธรรมชาติ
มนุษย์ไม่ว่าเพศไหนมีอารมณ์ก็เป็นเรื่องธรรมชาติจ้า แต่ถ้ามีแล้วก็ต้องรู้จักควบคุมตัวเอง ไม่ให้ทำร้ายคนอื่นนะ จะอ้างว่าเป็นเรื่องธรรมชาติอย่างเดียวไม่ได้!
4. เรื่องของผัวเมียเป็นเรื่องธรรมดา
สถิติความรุนแรงทางเพศ ปี 2560 ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ระบุว่าความรุนแรงทางเพศเกิดจากคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิดกว่า 53% แปลว่าหลายครั้งที่เกิดความรุนแรงทางเพศ โดยเฉพาะระหว่างคู่รัก คนไม่ค่อยสนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องผัวๆ เมียๆ เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ อย่าไปยุ่งเลย ซึ่งไม่จริง! เราควรเจอความรักดีๆ ไม่ใช่ความรักที่เจ็บทั้งกายและใจแบบนี้
5. ทำไมไม่ขัดขืนล่ะ
เมื่อร่างกายอยู่ในสภาวะที่กระทบจิตใจ จนสมองประเมินแล้วว่าคงหนีไม่พ้น ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า Tonic Immobility ที่ทำให้ร่างกายนิ่ง หมดเรี่ยวแรง และไม่สามารถขยับได้นั่นเอง ฉะนั้น การที่ผู้ถูกกระทำนิ่ง ไม่ได้แปลว่าสมยอม จำไว้!
6. ก็อีกฝ่ายให้ท่าก่อน!
NO means NO. ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเริ่มยังไง แต่ถ้าเมื่อไหร่เขาเซย์โน! ต้องหยุดทันที! ถือว่าเป็นการเคารพกันนะจ๊ะ!
7. พี่ชอบมีเนื้อมีหนังแบบนี้เลย
คำพูดเจาะจงถึงสัดส่วนร่างกายที่ส่อไปในทางเพศ ทำให้อีกฝ่ายกระอักกระอ่วน และยิ่งคนพูดมีอำนาจทางสังคมที่สูงกว่า ยิ่งกดดันและอาจนำไปสู่การคุกคามทางกายจริงๆ ไม่ควรพูดเด็ดขาด
8. หุ่นเธอน่าโดนมาก
เหมือนข้อ 7. เลย ถึงฟังเผินๆ จะเหมือนชมว่าหุ่นดี แต่ถ้าเรารู้สึกไม่โอเค แปลว่ามันไม่โอเค หยุดพูดเถอะ!
9. ให้พี่ไปส่งมั้ยจ๊ะ
ถ้าเป็นคนไม่รู้จักมาพูดแบบนี้ใส่ ไม่ปลอดภัยแน่ๆ อย่าไปพูดแบบนี้ใส่คนอื่นเด็ดขาด!
10. บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง
อีกหนึ่งประโยคที่โทษผู้ถูกกระทำ การพูดแบบนี้เหมือนโยนความผิดให้ผู้หญิงว่า "ผิด" เพราะอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง ซึ่งความจริงแล้วเราควรมีพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าใครก็ต้องให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ และต้องมีจิตสำนึกที่ดีว่าไม่ควรทำร้ายคนอื่นเด็ดขาด!
เมื่อถูกข่มขืน เราแจ้งความได้!
- เราสามารถแจ้งความได้ภายใน 3 เดือน หรือไม่ก็ฟ้องร้องต่อศาลภายใน 3 เดือน แต่ถ้าเกิน 3 เดือนแล้วเรายังไม่ได้ฟ้องอะไรเลย ถือว่าหมดอายุความ ไม่สามารถฟ้องทางอาญาได้อีกต่อไป
- แต่ถ้ากรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่จำเป็นต้องแจ้งความภายใน 3 เดือน แต่ผู้ปกครองต้องพาไปแจ้งความ และจะต้องนัดนักจิตวิทยาและอัยการเพื่อสอบปากคำอีกที
- เมื่อเกิดเหตุข่มขืนระหว่างคู่สมรส ปัจจุบันสามารถฟ้องคู่สมรสได้แล้วนะ! แต่ก็สามารถยอมความได้ในกรณีที่ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต
แล้วเพื่อนๆ มีประโยคไหนที่รู้สึกว่ายี้สุดๆ บ้าง มาแชร์กัน!
บางทีแนวคิดเรื่องการข่มขืนอาจฝังรากลึกอยู่ในความคิดเราโดยไม่รู้ตัว ผ่านทางสื่อ งานบันเทิง ละคร และอื่นๆ เรามารู้เท่าทันความคิดพวกนี้ และช่วยกันเสริมสร้างค่านิยมที่เคารพกันและกัน และสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกเพศทุกวัยกันดีกว่า :)
