Review Contest : พกกล้องฟิล์มตัวจิ๋ว...ลุยอากาศ -9 ที่ Hokkaido 6 วัน 5 คืน...

56 24
*พิมพ์ผิด ตกหล่น ใช้คำไม่ถูก ต้องขออภัยไว้ก่อนเลย*

วันนี้นั่งดูรูปตอนไปเที่ยวฮอกไกโดเมื่อต้นปี 2020 ที่ผ่านมาแล้ว...ใช่ผ่านมา ปีกว่าๆ แล้ว ยังมูฟออนไม่ได้สักที วันนี้เลยขอเอาภาพการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก การได้เจอกับหิมะครั้งแรกและการสัมผันอากาศ -9 ครั้งแรกมาฝาก เผื่อใครใช้เป็นแนวทาง (ได้บ้าง) เมื่อประเทศเปิดพร้อมให้เราไปรับลมหนาวอีกครั้ง...
Hokkaido Trip (2-7 Jan 2020) ต้องบอกก่อนเลยว่า การไปเที่ยวครั้งนี้ เป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของเรา เราค่อนข้างหาข้อมูลไว้เยอะพอสมควร ธรรมชาติของเกาะฮอกไกโดเนี่ย แต่ละเมืองมันอยู่ค่อนข้างไกลกัน โดยวิธีการเดินทางเกือบตลอดทั้งทริป เราใช้บริการ "รถบัสข้ามเมือง" เป็นวิธีการที่ประหยัดค่าเดินทางได้ดีมาก และก็ต้องยอมรับอีกว่าใช้เวลามากกว่ารถไฟและเครื่องบินเพิ่มไปเป็นชั่วโมง มันจึงเกิดเป็นแพลนที่ดูเหมือนว่าเราจะไปได้ไม่กี่เมืองออกมาดังนี้...
  • Day 1 Asahikawa
  • Day 2 Asahikawa Zoo , Biei
  • Day 3 Sapporo, Otaru
  • Day 4 Noboribetsu
  • Day 5 Sapporo
  • Day 6 BKK
แต่ละเมืองที่เราไป เราเก็บเกี่ยวอะไรมาเยอะมาก เราเดินรอบเมืองเยอะมาก เราได้เจออะไรที่มันแปลกหูแปลกตา ได้เรียนรู้คำว่าประเทศที่เจริญแล้วมันเป็นยังไง สำหรับเราเราถือว่าคุ้มมากกกก
- เดินทางด้วยสายการบิน Nokscoot (2021 สายการบินปิดแล้ว) ซื้อตั๋วตอนช่วงไม่มีโปรใดใด ได้ราคามาประมาณ 13,000 ไป-กลับ (ไม่รวมกระเป๋า) บนตรง ดอนเมือง-ซัปโปโร (New Chitose Airport)
- ตลอดการท่องเที่ยวเราใช้บัตร Youtrip ของ K-Bank สำหรับเราสะดวกทุกอย่าง กดเงิน รูด แลกเงิน ไม่เจอข้อเสียอะไรเลย
เราเริ่มออกเดินทางจากดอนเมืองประมาณตี 4 และถึงซัปโปโรประมาณ เที่ยงของญี่ปุ่น โดยลงที่ New Chitose Airport
ถึงแล้ว สนามบินนิวชิโตเสะ จังหวะที่ออกจากเครื่องบินตื่นเต้นมาก อย่างที่บอกว่าเป็นครั้งแรกที่เราเที่ยวต่างประเทศ ขั้นตอนตอนลงจากเครื่องบิน เราจะต้องผ่าน ตม. ซึ่งต้องยอมรับว่าที่ญี่ปุ่นนั้นรวดเร็วมากไม่ถึง 10 นาทีเราก็ออกมารับกระเป๋าและเตรียมตัวเดินทางต่อได้เลย
แพลนต่อไปคือเราจะต้องนั่ง JR เข้าไปที่ซัปโปโรก่อนและจะต่อรถบัสไปยัง Asahikawa (จริงๆเหมือนจะมีบัสจากสนามบินตรงไป Asahikawa เลย แต่ด้วยความที่เราไม่แน่ใจว่าต้องไปขึ้นที่ไหนก็เลยไป Sapporo ก่อน) พอนั่ง JR จากสนามบินมาถึงซัปโปโรแล้วจะไปขึ้นบัสต่อยังไง ? ให้สังเกตุป้ายบอกทางทั่วไปได้เลยครับ หาที่เขียนว่า Bus Terminal แล้วเดินตามทางไปเลย ส่วนราคาบัสจะอยู่ประมาณ 2,000 เยนครับ (Sapporo to Asahikawa) วิธีการซื้อตั๋วคือ เมื่อถึง Bus Terminal แล้ว ให้ข้ามถนนไปช่องตรงกลางจะเจอที่ขายตั๋ว ให้บอกเค้าว่าเราจะไปไหน เค้าจะคิดเงินให้แล้วบอกเราว่าขึ้นกี่โมง ชาลชลาที่เท่าไหร่ คุยง่ายมากครับไม่ยุ่งยาก
การเดินทางจาก Sapporo มายัง Asahikawa นั้น ค่อนข้างยาวนาน เรามาถึงก็มืดแล้ว (ประมาณ 4 โมง) แพลนของวันนี้แค่เข้าที่พักและหาข้าวกิน เดินเล่นรอบเมืองนิดหน่อย
Asahikawa เป็นเมืองที่ใหญ่รองลงมาจาก Sapporo แต่เมืองค่อนข้างสงบ ถ้าเทียบกับ Sapporo เราชอบที่นี่มากกว่า ตอนเราไปอากาศแรกที่เราได้สัมผัสคือ -5 และแน่นอนว่าเราเดินเล่นรอบเมืองด้วยอากาศนั้น หิมะที่ตกไม่ขาดสายบอกได้คำเดียวว่า ฟินนนนน อากาศของที่นี้จะสดชื่นกว่า Sapporo มาก ถ้ามีโอกาสขอแนะนำเมืองนี้เลย
โรงแรมที่เราพักชื่อ Court Hotel อยู่ใกล้สถานี JR มาก ใกล้ห้าง Aeon Mall ด้วย เราอยู่ที่นี่ 2 คืน หมดไปแค่ประมาณ 1,400 บาทไทย (ค่าโรงแรม) ส่วนการจอง จองและจ่ายเงินผ่าน Agoda ได้เลย
Day 2 แล้วจ้า วันนี้แพลนคือช่วงเช้าเราจะไป Asahikawa Zoo เพื่อจะไปดูเจ้ากวิ้นสีน้ำตาลสุดซ่า วันนี้ตื่นเช้า เพราะต้องทันรถบัสรอบแรก 9.40 เพื่อให้ทันดูเพนกวิ้นเดินขบวนในเวลา 11.00
วิธีไปขึ้นรถบัสเพื่อไปสวนสัตว์ง่ายมาก ก็คือจะมีป้ายรถบัสอยู่หน้าสถานี JR เลย จะมีบัสไปทุกที่เลยจอดอยู่บริเวณนั้น สามารถเดินไปที่ป้ายแล้วดูปลายทางที่รถไปและเวลาที่รถออกได้เลย แบบง่ายและตรงเวลาสุดๆ
Asahikawa Zoo จะอยู่บนภูเขาแบบเบาๆ (จะออกมาจากตัวเมืองประมาณ 40 นาที) มีสัตว์เยอะมากแต่ด้วยความหนาวเลยไม่ได้ถ่ายสัตว์มาสักเท่าไหร่ จริงๆมัวแต่สนใจการเดินขบวนของเพนกวิ้น และด้วยความที่ออกมาจากตัวเมืองนิดหน่อย หิมะบนสวนสัตว์เลยจะฟูนุ่มและตกหนักกว่าในเมือง ตอนหายใจคือรู้สึกได้ถึงความอากาศบริสุทธิ์
มาต่อกันที่ช่วงบ่าย เราแพลนจะไปเมืองบิเอะ โดยการนั่ง JR ข้างทางมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจเยอะมาก พอมาถึงบิเอะ ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะไปขึ้น Tower ชมเมือง และไปถ่ายรูปกับสะพานแดง ต้นไม้กลางหิมะต่างๆ แต่ด้วยความที่มันมืดเร็วเหลือเกิน Tower ก็คือปิด ทางเดินไปที่ต่างๆก็มืดแล้ว เลยตัดสินใจแวะ Lawson ซื้อแผ่นทำความอุ่นเพิ่มและเดินเล่นรอบเมือง (กะว่าจะเจอร้านซื้อฟิล์มแต่ใดใดก็คือร้านทุกอย่างปิดแล้ว)
เดินเล่นได้ไม่นานก็มืดแบบสนิท ต้องบอกเลยว่าเมืองนี้เงียบมาก เงียบมากๆๆๆๆๆ เดินรอบเมืองเจอคนไม่กี่คน (แอบกลัว) และเป็นเมืองที่ทำให้เราได้เจอกับอากาศ -9 จ้า เมืองนี้แหละพีคสุดของทริปนี้ของเรา สำหรับบิเอะ ส่วนมากคนจะมาเพื่อต่อรถไปดูบลูพอน และน้ำตก (ซึ่งเราไม่ได้ไป เสียดาย แต่ทริปหน้าจะไปให้ได้) เรากลับชอบเมืองนี้เหมือนกันนะ มันเงียบ มันไม่วุ่นวาย ให้อารมณ์หมู่บ้านคนรวย แน่นอนว่ารอบหน้าเราจะกลับไปเมืองนี้อีก
Day 3 เราเดินทางจาก Asahikawa เข้ามายัง Sapporo ตั้งแต่ประมาณ 9 โมง 10 โมง เพราะกะไปซื้อฟิล์มถ่ายรูปที่ Camera world (สถานี Sapporo) แล้วเอาของไปเก็บที่โรงแรม แล้วช่วงบ่ายจะไป Otaru และโรงแรมที่เราพักในวันที่เหลือก็คือ Relief Hotel ย่าน Susukino จุดเด่นของโรงแรมนี้คือ มี Osen ขนาดย่อมเยาว์ให้ใช้ฟรี ตกคืนละประมาณ 1,200 บาทไทย
เดินทางมายัง Otaru นั้นเรานั่ง JR และมาลงสถานีก่อนถึง Otaru 1 สถานี เพราะแพลนไว้ว่าจะไปดูกล่องดนตรีก่อนและคิดว่าเดินจากสถานีนี้จะใกล้กว่า และมันก็ใกล้กว่าจริงๆ เราเดินไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง
เดินตามทางตามแมพมาเรื่อยๆ ก็จะเจอแยกตรงนี้ที่ใครหลายคนรู้จักดี มันคือแถวๆ พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีนั้นเอง แหล่งซื้อของฝากที่ใครมาเป็นต้องแวะ แต่สำหรับเราแล้วแค่แวะไปดู เพราะถ้าซื้อฝากเงินน่าจะหมดตั้งแต่วันนี้แน่ๆ เพราะแพงเหมือนกันนะ
ตกเย็นเริ่มมืดเราก็กลับมายังตัวเมือง Sapporo มาเดินเล่นหาอะไรกินรอบดึกที่ย่าน Susukino ย่านนี้จะครึกครื่นมาก คนเยอะ ร้านอาหารเยอะ ร้านกาชาปองเยอะ มีทุกอย่างไปย่านเดียวได้ทำทุกอย่าง
ระหว่างเดินกลับโรงแรมหิวราเม็ง เจอร้านหนึ่งคนต่อคิวเยอะมาก เราเลยไม่กิน เดินต่อไปอีกนิดเจอร้านที่ไม่มีคนเข้าเลย เลยลองเข้าดู โอ้โหว อร่อยมากกกกก จำชื่อร้านไม่ได้ แต่อยู่ตรงข้ามร้านขาปูที่มีภาษาไทยเขียนว่า ยินดีต้อนรับ ระแวกๆนั้นแหละ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราแพลนจะไป ขุบเขานรกกัน ซึ่งเราก็ไปนั่งรถบัสอีกเช่นเคย Noboribetsu เป็นอีกเมืองที่เงียบพอๆกับ Biei ขนาดเป็นตอนกลางวัน วิธีไปขึ้นบัสก็คือไปขึ้นที่ Bus Terminal ที่ Sopporo แล้วนั่งมาลงป้าย Noboribetsu และเดินย้อนมายังสถานี JR Noboribetsu อีกนิด เพื่อต่อรถบัสไป Osen
จุดหมายแรกเมื่อมาถึง ย่าน Onsen เราจะไปดูหมีสีน้ำตาลกัน อันนี้สำหรับเราเราว่าแอบแพงไปหน่อยสำหรับค่าเข้า ราคาประมาณ 600-800 บาทไทย โดยการจะขึ้นไปข้างบนต้องนั่งกระเช้าขึ้นไป ตอนนั่งบรรยกาศมุมสูงของสองข้างทางคือดีมากหิมะตกเบาๆ
จริงๆบนนี้จะมีหมี มีเป็ดวิ่งแข่ง แต่สิ่งที่เราต้องการจะดูคือหมี น้องบางตัวก็คือนอน บางตัวก็โบกมือขออาหารอย่างเดียวเลย กิจกรรมบนนี้ไม่ค่อยมีอะไรมาก เดินดูหมี เดินดูเป็ด ขึ้นไปชมวิวรอบๆ
หุบเขานรก ที่บอก มันก็คือที่หลายคนน่าจะเคยเห็นในหนังเรื่องแฟนเดย์ มันจะเป็นแหล่งที่รวมพลังงานความร้อน กัมมะถัน อะไรสักอย่าง จุดเด่นคือมันจะมีควันๆ และมีกลิ่นกัมมะถันที่รู้เลยว่ากัมมะถัน ตรงนี้แหละน่าจะเป็นที่ที่สำคัญที่ทำให้เมืองนี้โดดเด่นเรื่อง Onsen มันจะมีทางให้เราเดินขึ้นไปเรื่อยๆค่อนข้างยาวไกลเหมือนกัน และมันจะมีจุดที่ให้เราขึ้นไปชมวิวอะไรสักอย่าง ตอนที่เราไปทางปิดแอบเสียใจ
กลับมาถึง Sapporo ก็คือมืดแล้ว เลยไปหาอะไรกินสักหน่อย และแน่นอน All You Can Eat เท่านั้น ร้านอาหารกินไม่จำกัดคือเยอะมากในย่าน Susukino เชิญเดินหาได้ตามสบายเลย สำหรับเราเราไปกินที่ตึกอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าคนไหนสนใจจริงๆ จะไปหาชื่อตึกมาให้นะ ที่นี่มีขาปูแบบไม่อั้นด้วย พนักงานคุยภาษาอังกฤษได้
วันนี้เป็นวันที่ตั้งใจจะเที่ยวใน Sapporo ทั้งวัน เพราะอยากใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์บ้าง อยากได้ฟิลว่ามาพักผ่อนจริงๆ สัก 1 วัน ไม่ต้องแพลนไรมากมาย คิดออก เดินไปเจอก็แวะ

-กินข้าวร้านอาหารไทย (แนะนำว่าใครงบไม่มากพออย่าไปกินเลย เพราะแพงมาก)
-ศาลเจ้าพ่อฮอกไกโด
-ตลาดของสด
-เดินเล่น Odori เดินกลับ Susukino
-เดินช้อปปิ้งของฝาก
-กินบุฟเฟ่อีกสักมื้อ
ที่ที่ไปที่แรกก็คือ ศาลเจ้าพ่อ Hokkaido ไหนๆก็ไหน ไปไหว้สิ่งที่เค้าเคารพบูชากันหน่อย ตอนเราไปไปเจอเหมือนมีเทศกาลอะไรบางอย่างพอดีเลยมีตลาดเหมือนตลาดนัดบ้านเราให้แวะซื้อของกินจุกกินจิก
และวันสุดท้ายของทริปก็มาถึง ต้องกลับไทยไปทำงานต่อแล้วจ้า เงินหมดเกลี้ยง
ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้ว ขอแวะซื้อของฝากสักหน่อย เดินกันยาวๆทั้งวัน ใน Susukino จะมีตรอกที่เป็นเหมือนสยามซอยต่างๆ ประมาณ 7-10 ตรอก ให้เดินชอปกันปวดขาและกระเป๋าฉีกได้เลย มีตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดไปถึงห้างต่างๆ เดินให้ครบปวดขาแน่นอน และถามว่าเราได้ของอะไรจากที่นี่ไหม ได้ขนมจากดองกี้และของฝากจากร้านกาชาปองนิดๆหน่อยๆ
สรุปค่าใช้จ่ายแบบเร็วๆ ทริปนี้เฉลี่ยรายคนหมดไป ประมาณ 40,000- 50,000 บาท รวมค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก (กินหรูอยู่สบาย) ถ้าตัดเรื่องกินหรูออกได้จะประหยัดลงอีกครับ เรากะไว้ว่าจะเก็บเงินให้ได้มากกว่าในครั้งหน้าแล้วจะเที่ยวให้เต็มที่กว่านี้ จะซื้อเวลาด้วยการนั่ง JR ทั้งทริป


Koranin J

Koranin J

Facebook : Koranin Joongleak
Line : zipdragon

FULL PROFILE