สวัสดีค่ะทุกคนนน

กลับมาเจอกันอีกแล้วว ..

วันนี้วิแอบมาเปิดกรุสกินแคร์ตัวโปรดด แบบที่ใช้แล้วก็ต้องใช้อีก ใช้วนๆไปและมีเค้าอยู่ใน Skincare Routine มาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเพิ่ม เสริม หรือมีสกินแคร์ตัวอื่นๆเข้ามาใช้ร่วมด้วย วิก็ขาดตัวนี้ไปไม่ได้จริงๆ ต้องมีติดโต๊ะไว้ตลอด เพราะมันรู้สึกอุ่นใจ ถ้าวันไหนไม่ได้ใช้คือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปเลย และหลายคนรู้ว่าวิพูดถึงบ่อยมากๆ นั่นก็คือ ..

FYNE

แบรนด์ไทยที่วิใช้มาอย่างยาวนานนั่นเอง :)

พูดถึง FYNE แล้ว วิบอกเลยว่าใช้ดีทุกตัว ไม่ใช่แค่ความรู้สึกดีในขณะที่ใช้ แต่ผิวก็ยังดีขึ้นแบบสัมผัสได้อีกด้วย  ดีจนถึงขั้นที่ต้องตุนกันเลยทีเดียวว

แน่นอนว่าตัวไหนที่ใช้แล้วดีต่อผิว วิจะใช้ซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ ซึ่งสำหรับ FYNE คือวิใช้ซ้ำทุกตัว! ย้ำเลยว่าทุกตัวจริงๆค่ะ

แต่วันนี้ที่วิจะมาพูดถึงก็คือเจ้าตัว Skin Barrier + Prebiotic Serum in Cream ซึ่งเป็น Moisturizer ยืนหนึ่งในใจสำหรับวิมาก ใช้มาตลอดด จนตอนนี้ทาง FYNE เค้าได้ปรับและพัฒนาให้ไฉไลขึ้นกว่าเดิมไปอีกก เป็น  The New  - Skin Barrier ที่ถึงแม้จะเป็นสูตรปรับปรุงใหม่ แต่ยังคงครองใจได้เหมือนเดิม :)

… แน่นอน มีของดีขนาดนี้อยู่ในมือแล้ว วิก็อยากเอามาบอกต่อให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ ไปดูกันต่อเลยดีกว่า ว่าจะน่าใช้ และดีงามขนาดไหน วิถึงได้ติดงอมแงมแบบเข้าแล้วออกไม่ได้ขนาดนี้ ..

FYNE Skin Barrier + Prebiotic Serum in Cream

150g. 1,350.-

ถ้าให้พูดถึงเจ้าตัว Skin barrier แล้วหละก็… เป็นตัวที่วิใช้มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ตัวเดิมของเค้า ซึ่งวิรู้สึกว่าทาง FYNE เค้าทำออกมาได้ดีมากอยู่แล้วแต่แรก วิใช้หมดไปหลายขวดแบบไม่ได้นับเลย แต่สำหรับวิที่เป็น สาวผิวผสม บริเวณแก้มและร่องจมูกแอบแห้ง ขณะที่ใช้สูตรเดิม จะต้องใช้ในปริมาณ 8-10 ปั๊ม เพื่อให้ผิวรู้สึกถึงความชุ่มชื้นแบบฉ่ำๆ 

ในขณะที่สูตรใหม่ ถูกปรับปรุงมาแล้วขวดนี้ ใช้เพียงแค่ 4-6 ปั๊ม ก็รู้สึกได้เลยว่าพอดี ผิวมีความชุ่มชื้น สบายผิวมากๆ เรียกได้ว่า More Effective (มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น) ตรงตามความตั้งใจของทางแบรนด์เลย

ใช้ตั้งแต่ตัวเดิม จนตอนนี้เค้าพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปแล้ว ซึ่งถ้าใครที่ใช้ตัวเดิมอยู่ ก็คงอยากจะรู้เหมือนกันกับวิว่า แตกต่างกันยังไงบ้างนะ? แล้วที่บอกว่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือมากขึ้นในด้านใดบ้าง?

วิจะขอเล่าเป็นส่วนๆ เปรียบเทียบตัวใหม่และตัวเก่า

ให้ทุกคนได้เห็นภาพกันอย่างชัดๆค่ะ

Packaging ที่เปลี่ยนไป ใช้ง่ายและสะดวกขึ้นกว่าเดิม

จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ค่ะ Packaging ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะเค้ามากับหัวกดแบบใหม่ ที่ใช้ง่าย ถนัดมือ ที่สำคัญคือเวลากดเนื้อครีมออกมาแล้วไม่พุ่ง ทำให้เราควบคุมปริมาณเนื้อครีมได้ง่ายขึ้น

มาพร้อมกับฉลากขวดแบบใหม่ แยกได้ง่ายและชัดเจน

ส่วนผสมที่เพิ่มเติมเข้ามาแบบอัดแน่น เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

FYNE ไม่ว่าจะออกผลิตภัณฑ์ตัวไหนก็น่าจับตามองตลอด แม้ว่าจะเป็นการปรับปรุงสูตรเดิม แต่ทางแบรนด์ปรับปรุงจนเหมือนเป็นอีกตัวที่ดีขึ้นมากๆ แบบที่เราคาดไม่ถึง

เหมือนที่วิได้บอกไปในตอนต้นว่า ตัวใหม่นี้ เค้ามาพร้อมกับคำว่า More Effective ซึ่งแน่นอนว่าทาง Fyne ต้องจัดสิ่งที่ดีให้กับผู้บริโภคแบบจุกๆแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น..

• X10 Centella Asiatica Leaf Extract : เพิ่มความเข้มข้นของสารสกัดจากใบบัวบกถึง 10 เท่า ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ช่วยปลอบประโลมผิวที่ไวต่อการระคายเคือง

        

นอกจากนั้นยังมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ตัวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น คาโมมายล์ ว่านหางจระเข้ และอัลลันโทอิน เสริมการปลอบประโลมผิวไปด้วยกัน

• X5 Ceramide Types : เสริม Skin’s Lipid Barrier ด้วยเซราไมด์ที่จำเป็น 5 ประเภท ได้แก่ NP, AS, NS, AP และ EOP แถมยังมาพร้อมกับ คลอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ และโอเมก้า-3 

• เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างล้ำลึก ด้วยสาร Natural Moisturising Factors (NMFs) ที่ประกอบไปด้วย อนุพันธ์ของไฮยาลูรอนิคเอสิด 4 ขนาดโมเลกุล กรดอะมิโน 11 ชนิด พีซีเอ โซเดียมพีซีเอ โซเดียม แลคเตต ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเซลล์ผิวตามธรรมชาติ 

• มี Prebiotic ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีเป็นประโยชน์ต่อผิว เพื่อควบคุมสภาวะของจุลชีพบนผิว ให้เป็นไปอย่างสมดุลตามธรรมชาติ

• Liposomal Deliery System : เป็นระบบที่ช่วยรักษาประสิทธิภาพของสารสกัดต่างๆในครีมตัวนี้ และยังช่วยทำให้คงทนพอที่จะสามารถลำเลียงไปสู่ผิวชั้นในได้อีกด้วย

บอกเลยว่าประสิทธิภาพที่ดีขึ้นอย่างเดียวคงไม่ได้ แต่ FYNE เค้ายังคงความมีประสิทธิภาพนั้นให้ซึมลงไปสู่ผิวชั้นในอีกด้วยค่ะ

• และแน่นอนว่ายังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม เพราะปราศจาก: ซิลิโคน แอลกอฮอล์ น้ำหอม สีสังเคราะห์ พาราเบน น้ำมันหอมระเหย มิเนรัลออยและ ผ่านการทดสอบการระคายเคือง

Texture ที่ใช้แล้วรู้สึกดียิ่งขึ้น ไม่เหนอะหนะ แต่ชุ่มชื้นและซึมง่ายกว่าเดิม

ไม่ได้รู้สึกแตกต่างแค่ภายนอกและส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะทุกคน แต่เนื้อสัมผัสของตัวที่ปรับปรุงใหม่นี้ก็ยังแตกต่างออกไปด้วย แต่เป็นความแตกต่างที่ดีขึ้นกว่าเดิม

มองด้วยตา เราจะรู้สึกว่าไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ แต่เมื่อเนื้อครีมซึมลงผิวไป บอกเลยว่ารู้สึกถึงความแตกต่างทันที เพราะเหมือนที่วิเกริ่นไว้ด้านบนเลยค่ะ ว่าใช้เพียงแค่ 4-6 ปั๊ม แต่รู้สึกถึงความชุ่มชื้นที่มากกว่า

อีกหนึ่งความรู้สึกดีที่เกิดขึ้นทันทีหลังใช้คือ ซึมไว และไม่เหนาะหนะผิว แต่จะรู้สึกเหมือนมีฟิล์มบางๆเคลือบผิวอยู่ค่ะ 

การใช้งานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกับผิว

สำหรับสาวผิวผสม ผิวแพ้ง่าย ติดแดง และเป็นสิวแบบวิ (เป็นมันทุกอย่างงง555555) ถึงกับกล้าพูดเลยว่าไม่เคยหยุดใช้ เพราะรู้สึกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผิวของวิมากๆ

 

วิจะใช้วันละสองครั้งค่ะ ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน ครั้งละ 4-6 ปั๊ม ก็รู้สึกถึงความชุ่มชื้นที่กำลังพอดี แต่สำหรับสาวผิวแห้ง สามารถใช้ได้ถึง 10 ปั๊ม เพื่อความชุ่มชื้น หรือสาวผิวมันมากๆ ก็สามารถใ้ช้ในปริมาณที่พอดีกับผิวได้เลยค่ะ เพราะตัวนี้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวอยู่แล้วน้า

ผลลัพธ์ในระยะยาวที่ใครๆก็สัมผัสได้

แน่นอนว่าที่วิใช้มาอย่างยาวนานและใช้ซ้ำ ไม่ใช่เพราะใช้แล้วแค่รู้สึกดี แต่ที่สัมผัสได้มาตลอดคือความแข็งแรงของผิวที่เกิดขึ้น ไม่ติดแดงและแพ้ง่ายอย่างแต่ก่อน 

แต่ก็ใช่ว่าวิจะไม่เป็นสิวเลยนะคะ ช่วงวันนั้นของเดือน ทุกคนรู้ สาวๆเป็นสิวกันแน่นอน จะมากจะน้อยแล้วแต่บุคคล แต่สำหรับวิที่รู้สึกได้เลยคือเป็นน้อยลงมากค่ะ ยิ่งมาลองใช้สูตรใหม่นี้ในช่วงวันนั้นของเดือนแล้ว ยิ่งประทับใจเข้าไปใหญ่

 

เพราะผิวดีขึ้นแบบสังเกตเห็นได้ชัดเจนค่ะ ด้วยระยะเวลา 12 วัน More Effective จริงๆ 

สรุปเลยว่า..

สำหรับคนยังไม่เคยลองใช้ : ควรค่าแก่การลองแล้วค่ะ รับรองว่าติดใจ เพราะสูตรใหม่คือปรับปรุงได้ตรงใจสาวก Fyne แบบวิขนาดนี้ ก็น่าจะถูกใจทุกคนแน่นอนน

สำหรับคนที่เคยใช้สูตรเดิม หรือยังใช้สูตรเดิมอยู่ : ถ้ามาลองตัวใหม่นี้คุณจะหลงรักยิ่งกว่าเดิม จากที่ออกไม่ได้อยู่แล้ว ต้องติดแหง่กแน่นอน เพราะเนื้อดีขึ้น ประสิทธิภาพดีขึ้น ถือว่าเป็นตัวปรับปรุงที่ดีงามมากจริงๆ

ฝากไว้ก่อนจากกัน 

Skin Barrier ของเราคือสำคัญมากนะคะ ควรดูแลให้ดีเลย เพราะเป็นพื้นฐานของผิวในทุกๆด้าน เมื่อเรามีผิวที่แข็งแรง ก็จะทำให้ การอักเสบ ระคายเคือง หรือริ้วรอยที่อาจเกิดก่อยวัยนั้น มีโอกาสเกิดได้น้อยลง ดังนั้นการดูแลผิวที่ดีควรสร้างรากฐานให้ผิวแข็งแรงก่อน แล้วค่อยไปโฟกัสในจุดอื่นๆน้า และวิก็รู้สึกว่า Fyne ตัวนี้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวได้อย่างดีเลย :) 

สำหรับใครที่อยากศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม หรืออ่านรีวิวจากวิแล้วอยากมีผิวที่แข็งแรง สามารถเข้าไปดูได้ที่ IG : Fyne Skin ได้นะคะ สามารถ DM ถามพี่ๆได้ตลอดเลย ใจดีมากฮับ 

วันนี้วิขอตัวลาไปก่อน อย่างลืมดูแลผิวกันอย่างต่อเนื่องนะคะ

สวัสดีค่า :)