6 เดือนทำได้แน่! ผิว Glass Skin ไม่ไกลเกินเอื้อม โชว์หน้าสดได้อย่างมั่นใจ~

52 19
ใครๆ ก็อยากมีผิวที่ดี ตอนนี้ยิ่งเทรนด์ ผิว Glass Skin ที่ฮิตมาจากเหล่าไอดอลเกาหลี ควบคู่มากับการแต่งหน้าแบบมินิมอล ฉ่ำโกลว์ ยังคงฮิตอยู่เรื่อยๆ และเดี๋ยวนี้คนก็หันมาสนใจในการดูแลผิวให้อิ่มน้ำ สุขภาพดีมากขึ้นด้วย ผิวกระจก เงาใส แบบ Glass Skin ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม และเผยหน้าสดกันได้แบบมั่นใจ

ผิว Glass Skin คืออะไร ?

Glass Skin คือ เวลาผิวเราสุขภาพดีที่สุด สุขภาพดีก็แบบที่ผิวใส อิ่มฟู ไร้ร่องรอยอารยธรรมใดๆ ไม่ว่าจะสิว หรือรอยสิว รูขุมขนกระชับ เล็กจบแทบไม่มี รวมๆ แล้วก็เลยทำให้ผิวดูเปล่งปลั่ง เป็นประกาย เหมือนกับกระจกนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็น Perfect Skin ผิวในฝันที่ใครๆ ก็อยากได้

แต่การมี Glass Skin ต้องรอ 6 เดือนเลยหรอ? อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับการดูแล สภาพผิว และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ของแต่ละคนด้วย แต่ถ้าเราทำอย่างสม่ำเสมอยังไง 6 เดือนนี้ผิวก็ดีขึ้นได้แน่นอน ฟันธง!~

สร้างผิว Glass Skin ทำยังไง ?  

1. ผลัดเซลล์ผิว

การผลัดเซลล์ผิว หรือ Exfoliate Skin ช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วของเราออกไป ซึ่งเจ้าเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วอยู่ข้างบน เซลล์ผิวใหม่ที่ยังเฟรชกว่า สดใสกว่า กำลังรอเฉิดฉายอยู่ข้างล่าง ถ้าเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่ได้ถูกผลัดออกไป เซลล์ผิวใหม่ที่สดใสก็ไม่ได้แจ้งเกิด ผิวเราก็ไม่สดใส ดูไม่เปล่งปลั่งนั่นเอง เราก็เลยเห็นบางแบรนด์ทำผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าช่วยบำรุงผิวได้ล้ำลึก เพื่อไปบำรุงเซลล์ผิวใหม่ๆ โดยตรง

โดยปกติแล้วผิวเราจะผลัดเซลล์ผิวทุกๆ 28 วัน บางคนก็อาจจะเร็วกว่านั้น หรือช้ากว่านั้นหน่อย เพราะฉะนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์พวก Exfoliate ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะเริ่มเห็นผล และดีต่อผิวในระยะยาวด้วย นอกจากจะทำให้หน้าเนียนกริบแล้ว การผลัดเซลล์ผิวก็ยังช่วยในเรื่องสิวและความกระจ่างใสด้วยนะ และคนที่อายุ 28 ปีขึ้นไป ควรผลัดเซลล์ผิว!

ใช้ตัวไหนดี?

สกินแคร์ที่ช่วยในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวจะมีดาวเด่น ที่เราได้ยินกันบ่อยดังนี้

  • AHA

ผลัดเซลล์ผิวและช่วยลดจุดด่างดำ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวสตรองสุด มั่นใจว่าผิวแข็งแรง ไม่แพ้ ไม่ระคายเคืองง่าย ก็จัด AHA ไปเลยเป็นอันจบ เช่น Alpha H Gold, Pixi Glowing Toner  Liquid

  • BHA

ใช้ได้ทุกวันแต่ไม่ทำให้ผิวบาง รูขุมขนกระชับ ละลายในน้ำมันได้ดี ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้อย่างอ่อนโยน ก็เลยช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดสิวไปในตัว เช่น Paula's Choice Skin Perfecting 2% BHA Liquid Exfoliant


  • LHA

ละลายในน้ำมันได้ดีกว่า BHA ก็เลยช่วยเรื่องสิวได้ดีงามแถมช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ลดเลือนริ้วรอยได้ไปในตัว เช่น Laroche-Posay Effaclar Serum

  • PHA
อ่อนโยน เหมาะกับคนแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย อยากผลัดผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฮาร์ดคอมาก ช่วยลดสิว ต้านอนุมูลอิสระ เติมน้ำให้ผิว และลดการเสียน้ำใต้ผิวได้ด้วย เช่น Dr.Different Scaling Toner

สกินแคร์บางตัวอาจใส่มามากกว่าหนึ่ง เพื่อเสริมการทำงานกันและกัน ถ้าไม่ได้เป็นสิวก็ไม่จำเป็นต้องผลัดเซลล์ผิวทุกวัน ใช้อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอ 

2. เสริมสร้าง Skin Barrier ผิวให้แข็งแรง

การบำรุงและดูแล Skin Barrier หรือชั้นผิวให้ดีนี่สำคัญมากๆ เสริมชั้นผิวให้แข็งแรงก่อน แล้วสิ่งดีๆ อย่างอื่นจะตามมาเอง! เช่น สิวไม่ขึ้น หน้าไม่ระคายเคือง ไม่แพ้ง่าย ผิวไม่เหี่ยว ชุ่มชื้น ดีเริ่ดขนาดนี้จะปล่อยปละละเลยน้อง Skin Barrier ไปได้ยังไง!

อะไรล่ะที่ช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier ให้แข็งแรง?

  • MLE

เทคโนโลยีที่ช่วยเสริมชั้นผิว ที่นอกจากจะเสริมชั้นผิวแล้ว ยังช่วยลดการอักเสบ รอยแดง และการระคายเคืองได้ด้วย เป็นลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวในโลกจากเกาหลี ซึ่งจะอยู่ในเครือ Neopharm เท่านั้น คือ Atopalm, Real Barrier, Zeroid, Curecode และ Dermartlogy งานวิจัยเค้าได้รองรับระดับโลก คุณภาพเน้นๆ

  • Ceramide

เสริมสร้างให้ผิวแข็งแรง ลดอาการระคายเคือง และชุ่มชื้น คณสมบัติไม่ได้ต่างจาก MLE มาก แต่ถ้าเทียบกันแล้ว MLE ถือว่าชนะขาดลอยมากๆ เซราไมด์มีอยู่ในหลายแบรนด์ เช่น Cerave และ Curel

3. บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นเสมอ

ผิวที่ชุ่มชื้นคือพื้นฐานของการมีผิวที่แข็งแรง อย่าปล่อยละเลยจนผิวแห้ง แตก และขาดน้ำอย่างเด็ดขาด! จะมีผิว Glass Skin ไม่ได้เลยถ้าขาดความชุ่มชื้นไป ความชุ่มชื้นอาจได้มาจากเซรั่ม แอมพลู หรือเอาเซนส์ก็ได้ แต่ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าผิวชุ่มชื้นเพียงพอ ถ้าอยาก Make Sure จริงๆ ขอแนะนำให้ใช้มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ ส่วนขั้นตอนอื่นๆ ก็ไปเน้นบำรุงเรื่องอื่นแทน เช่น โทนเนอร์ AHA ผลัดเซลล์ผิว เซรั่มวิตามินซี เพิ่มความกระจ่างใส แอมพลูเสริม Skin Barrier และลดการอักเสบ ปิดจบด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพิ่ความชุ่มชื้น

4. กันแดดอย่าได้ขาด

ใครว่ากันแดดไม่สำคัญ คิดผิดคิดใหม่ได้เลยน้า กันแดดนี่แหละสำคัญที่สุดแล้ว ขอให้จำไว้ว่า กันแดด = กันแก่! กันแดดนอกจากจะต้านริ้วรอยก่อนวัยแล้ว ยังช่วยให้ผิวไม่หมองคล้ำจากแสงแดดสุดร้อนแรงในบ้านเรา รวมถึงแสง Blue Light จากหน้าจอมือถือด้วย เราจะมีผิวกระจก Glass Skin ได้ยังไงถ้าผิวหมอง จริงมะ?

และจะให้กันแดดมีประสิทธิภาพ อย่าลืมใช้ในปริมาณสองข้อนิ้วมือหรือเท่ากับเหรียญสิบบาทนะ ทาน้อยกว่านี้ประสิทธิภาพลดลง และควรทาซ้ำระหว่างวัน เธอก็บรู๊วว ว่าแดดบ้านเรามันแรงแค่ไหนนน

มีผิว Glass Skin แล้ว จะแต่งหน้าในไทยยังไงให้รอด?

อากาศบ้านเราอย่างที่รู้กันว่าทั้งร้อนและชื้น แถมมีแค่สามฤดู คือ ร้อน ร้อนมาก และร้อนม้ากกกกกกก! ผิวฉ่ำน้ำ ผิวกระจก แต่งหน้าอีกจะรอดได้ไง? ไม่ยากเลยค่ะ เรามีทริคแต่งหน้าผิวฉ่ำ Glass Skin ในไทยยังไงไม่ให้เยิ้ม! ส่งตรงจากเจ้าของแบรนด์ Jung Saem Mool กันไปเลย ใครบอกว่าลุคผิวฉ่ำแบบ Glass Skin ทำในไทยไม่ได้ ขอบอกว่าคิดผิด เพราะ Jung Seam Mool ทำได้ค่า
อย่างที่บอกไปนะคะว่าการมีผิว Glass Skin ได้ อาจไม่ต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนก็ได้ แต่การที่เราทำอะไรดีๆ เพื่อตัวเองเป็นเวลานานๆ ย่อมได้ผลดีอยู่แล้ว ที่สำคัญอย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำเยอะๆ ควบคู่ไปด้วย คนที่มีสิว ผิวไม่เรียบเนียน ไม่ต้องท้อใจไปนะคะ อย่าลืมผลัดเซลล์ผิวด้วยสกินแคร์ หรือใช้ยา (ตามคำดูแลของแพทย์) ควบคู่การบำรุง 6 เดือนนี้ทำได้แน่นอน!



sweetsong13

sweetsong13

A dreamer who loves to write
www.sweetsong13.com
sweetsong13@gmail.com

FULL PROFILE