ความเข้าใจผิด (?) กับการ ฉีดวัคซีนโควิด-19

51 14
ช่วงนี้น่าจะมีคนออกไป  ฉีดวัคซีนโควิด-19 กันมากขึ้น เพราะมีเหล่าคนมีชื่อเสียงออกมารณรงค์ให้ไปฉีดวัคซีนกัน หลังจากที่รัฐบาลพยายามกระตุ้นแล้วแต่คนก็ยังไม่ค่อยออกไปฉีด หลายคนน่ากำลังกังวลหรือคิดสิบตลบอยู่ว่าจะไปฉีด วัคซีนโควิด-19 ดีมั้ยนะ
เท่าที่อ่านและศึกษาข้อมูลมา จากองค์กรที่น่าเชื่อถืออย่าง องค์กรอนามัยโลก (WHO: World Health Organization) งานวิจัยบ้างประปราย บวกกับคำแนะนำ+ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาบ้าง ก็เลยอยากมารวบรวมเรื่องเกี่ยวกับ วัคซีนโควิด-19 ที่บางคนน่าจะยังเข้าใจผิดอยู่ มาเล่าให้ฟังค่ะ :)
*ออกตัวก่อนนะคะว่าเราเองก็เป็นประชาชนธรรมดา ไม่ใช่หมอ หรืออยู่ในงานในสายการแพทย์ใดๆ ใช้วิจารณญาณของแต่ละคนไตร่ตรอง (มีแอบเอาไปให้คุณหมออ่านมาแล้วค่ะ😆)

วัคซีนที่ดีที่สุด คือวัคซีนที่เร็วที่สุด

ได้ยินวลีนี้ถูกพูดกันมาอย่างมากมาย ทั้งจากสื่อหลักในบางช่อง และคนมีชื่อเสียงบางคนว่า วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ได้รับเร็วที่สุด จริงๆ แล้ววลีนี้มีที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รณรงค์ให้คนในประเทศไป ฉีดวัคซีนโควิด-19 กัน ถ้าในบริบทของอเมริกา การได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่ได้รับเร็วที่สุด ถือว่าเป็นเรื่องจริง

เพราะในอเมริกามีวัคซีนหลักๆ อยู่ 3 ตัว คือ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson ซึ่งวัคซีนทั้ง 3 ตัวนี้มีประสิทธิภาพที่สูง จะฉีดตัวไหนก็ไม่ได้ต่างกันมากนักในเรื่องของคุณภาพ (ก่อนฉีดต้องได้ปรึกษากับคุณหมอก่อนอยู่แล้ว) แค่คุณออกมาฉีดกันเถอะ

Johnson & Johnson ถูกระงับการฉีด?

เคส Johnson & Johnson ก็เคยถูกระงับการฉีดทันทีที่อเมริกา เพราะมีผลไม่พึงประสงค์ 6 คน เสียชีวิต 1 คน จากการฉีดจำนวน 6.8 ล้านคน คิดเป็น 0.0001% ต้องรอผลการตรวจสอบการเกิดผลข้างเคียงลิ่มเลือด จาก CDC และ FDA ก่อน เลยให้ระงับการฉีดไว้ก่อน ทำให้ Pfizer และ Moderna ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่ แต่ตอนนี้กลับมาฉีด Johnson & Johnson ได้แล้วนะ เหมาะกับคนที่อยากฉีดเข็มเดียว ไม่ต้องรอนาน

ไทยแลนด์ กับ วัคซีน Sinovac

ที่นี้ลองกลับมามองในบริบทประเทศไทย ที่ตอนนี้เรามีตัวเลือกอย่างเดียวคือ Sinovac ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรับรองจากองค์การอนามัยโลก จริงอยู่ว่ายังไม่มีวัคซีนตัวไหนป้องกันโควิดได้ 100% (ในทางการแพทย์จะไม่แจ้งผลแบบ 100% แต่แจ้งว่า 99% แทน) ทุกตัวมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้ (Side Effects) ได้ แต่โอกาสการเกิดต่างกัน ความรุนแรงที่เกิดก็ต่างกันด้วยเช่นกัน 

ตาม Common Sense ทั่วไปเราก็ต้องลือกวัคซีนที่ประสิทธิภาพสูง ผลข้างเคียงต่ำที่สุด ใช่ไหมคะ? แต่เสียใจด้วยนั่นไม่ใช่ Sinovac (ที่สำคัญ Sinova และ Astrazeneca ยังป้องกันเชื้อที่กลายพันธุ์ในอินเดียกับแอฟริกาไม่ได้)

ผลข้างเคียงแล้วแต่คน

บางคนเมื่อได้รับวัคซีนแล้วอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ แต่การที่มีหลายคนฉีดแล้วได้รับ Side Effects จำนวนมาก แบบร้ายแรง เช่น Stroke หรือ อัมพาต ก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องเขาแล้วหรือเปล่า?

การฉีดวัคซีนไม่ใช่ดวง ไม่ใช่เรื่องบุญบาป ที่จะต้องมาลุ้นว่าเราจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า โดยเฉพาะวัคซีนที่เราไม่มีสิทธิ์ได้เลือก คุณฉีดแล้วไม่เป็นอะไร ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่เป็นเหมือนคุณ ทำไมต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับสิ่งที่เราเลือกไม่ได้และไม่ได้เลือก 

ฉีด Sinovac เพื่อลดเชื้อไวรัส

การฉีดวัคซีนโควิด-19 Sinovac ไม่ได้ช่วยลดการแพร่เชื้อลงอย่างที่เข้าใจ แต่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เชื้อที่ได้รับมาสร้างความเสียหายในร่างกายมาก และมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันเพียง 50.38% เท่านั้น เท่ากับว่า วัคซีนที่ได้รับไม่ได้ทำให้การแพร่เชื้อลดลงเลย

ในขณะที่วัคซีนตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพมากกว่า สามารถทำลายเชื้อจนไม่สามารถแพร่ต่อได้ ทำให้บางประเทศที่ ฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ต้องใส่แมสก์อีกต่อไป เพราะเชื้อแพร่ต่อไม่ได้แล้วนั่นเอง
ทุกคนก็รักชีวิตของตัวเอง และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกฉีดหรือไม่ฉีด วัคซีนโควิด-19 อะไรก็ได้ให้แก่ตัวเอง เรื่องจะฉีด Sinovac หรือไม่ ก็เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล แล้วแต่พิจารณาของแต่ละคน เราจะไม่ไปก้าวก่าย แต่อย่ากล่าวโทษคนที่เขาไม่ไปฉีด ถ้ามีวัคซีนคุณภาพดีๆ ให้เลือกก็ฉีด ก็ไปกันต้ังนานแล้วล่ะ แม้อาจจะต้องเสียเงินเองก็ตาม (โดยไม่จำเป็น!)

ฉีดวัคซีนเพื่อลดภาระแพทย์

ตอนนี้บุคลากรทางการแพทย์ของเราทำงานกันอย่างหนักมากๆ เคสก็มากขึ้นทุกวันจนแพทย์ไม่พอ การฉีดวัคซีนจะช่วยแบ่งเบาได้จริง แต่ต้องเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพดี ถ้าฉีดไปแล้วมีก็มีโอกาสติดเชื้อโควิดได้ การฉีด Sinovac แค่ป้องกันให้อาการไม่ร้ายแรง แต่ก็ยังติดเชื้อได้ แถมเป็นพาหะแพร่ไปแบบไม่รู้ตัว ก็ไม่ได้ช่วยลดภาระแพทย์เลยนะ อาจเพิ่มให้มากขึ้นในอนาคตด้วยซ้ำ

ฉีดแล้วก็ต้องป้องกันตัวเองเหมือนเดิม การ์ดอย่าตก!

ถ้าเราได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพแล้ว เราจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมได้เกือบ 100% ถอดแมสก์ ออกไปกินข้าวข้างนอก ใช้ชีวิตได้เป็นปกติเลย เพราะวัคซีนทำลายเชื้อจนไม่สามารถแพร่ต่อไปได้แล้ว เห็นได้จากหลายๆ ประเทศเช่น อเมริกา หรือนิวซีแลนด์ที่มีการจัดคอนเสิร์ตในยุคโควิด แบบไร้หน้ากากอนามัยไปแล้ว  
ในทางตรงกันข้าม ถ้าวัคซีนที่เราได้รับไม่ได้มีประสิทธิภาพมากพอ สร้างภูมิคุ้มกันได้น้อย ฉีดแล้วถ้าเป็นโควิดก็มีอาการเป็นพาหะ (ไม่แสดงอาการ)  ก็ต้องคงใช้ชีวิตแบบป้องกันตัวเองเหมือนเดิม ไม่ต่างอะไรกับก่อนได้รับวัคซีน

ชิลี ก็ฉีด Sinovac แต่เคสกลับเพิ่มขึ้น

ชิลีเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนให้ประชาการสูงสุด แต่ยังพบอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฉีดแล้วเกือบ 50% (ครบ 2เข็ม 40%) ประสิทธิภาพของการป้องกันการแพร่เชื้อของวัคซีนที่จะใช้ฉีดเป็นหลักจึงสำคัญมาก ไม่ใช่จะฉีดอะไรก็ได้ เท่ากับว่า Sinovac ไม่ได้ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) คนที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อ และแพร่เชื้อต่อได้
ส่วนตัวคิดว่าตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนไหนที่ฉีดได้ป้องกัน 100% แต่อย่างดีก็ควรมากกว่า 90% อาจไม่ครอบคลุมได้ทุกสายพันธุ์ไหม เพราะสายพันธุ์ก็คงจะพัฒนาขึ้นทุกปี วัคซีนก็ต้องพัฒนาขึ้นทุกปีเช่นกัน

กินของฤทธิ์ร้อน ของจีน ป้องกันโควิด?

ของร้อน ของจีน ของเย็น มะนาวโซดา อะไรเนี่ยพักก่อนค่า หยุดส่งต่อความเชื่อผิดๆ ได้แล้ว สิ่งที่ป้องกันโควิดได้แบบเห็นผลที่สุดคือ “วัคซีน” เท่านั้น! ส่วนฟ้าทลายโจรก็ไม่ควรกินเกิน 3-5 วัน กินมากกว่านั้นก็อันตรายค่ะ

บางทีเราอาจต้องหันกลับมามองว่าปัญหาที่แท้จริงแล้วคืออะไร หนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เราเสียหาย เสียเวลา เสียโอกาสกันไปเท่าไหร่ แต่ทำไมยังไม่มีอะไรไปถึงไหน ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ :)


sweetsong13

sweetsong13

A dreamer who loves to write
www.sweetsong13.com
sweetsong13@gmail.com

FULL PROFILE