ครีมที่แพงที่สุดที่เคยใช้ Dior Prestige La Crème
xbest 44 13
‼ DISCLAIMER: ตัวนี้เบสได้เป็นของ complimentary มานะคะ ซึ่งเป็นขนาด 15ml. ผลลัพธ์ที่ได้ในรีวิวนี้อาจจะไม่เทียบเท่าการใช้แบบ 1 กระปุกของขนาด 50 ml. ‼
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าตัวนี้ไม่เคยอยู่ใน wishing list ของเบสเลย ด้วยความที่ราคาสูงมาก (ขนาด 50 ml. 13,000 บาท) และส่วนตัวเบสยังไม่เคยมีประสบการณ์กับ Premium Line ไม่ว่าจะของแบรนด์ไหนเลย เพราะคิดตลอดว่าปัญหาผิวของเรายังไม่ได้มีความต้องการถึงขนาดนั้น ปัญหาผิวหลัก ๆ ของเบสคือผิวแห้งค่ะ โดยเฉพาะหลังตื่นนอน แห้งแบบถ้าเผลอเกาเบา ๆ คือเป็นแผลเลย เพราะเบสนอนค่อนข้างดึกและเปิดแอร์เย็นมาก และด้วยผลพวงของการนอนดึก แน่นอนค่ะ หน้าจะดูไม่ค่อยกระจ่างใส หลาย ๆ ครั้ง ดูโทรมเลย ถ้านอนดึกมาก ๆ
ครีมตัวนี้จาก Dior แน่นอนว่าในไลน์ Prestige เขามีส่วนผสมของ Rose de Granville ดอกกุหลาบสายพันธุ์พิเศษ โดยคำเคลมของเขาก็คือ "สร้างผิวใหม่และช่วยสร้างโครงสร้างของผิวปกติเพื่อความสมบูรณ์แบบของผิว เมื่อใช้ครั้งแรกผิวจะรู้สึกและดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นับวันยิ่งเนียนขึ้น เนื้อมันละเอียดและสม่ำเสมอมากขึ้น ความกระจ่างใสถูกสร้างใหม่อย่างล้ำลึก"
ตอนแรกก็แอบคิดว่าเว่อแล้วหละพส เลยใช้แบบเอากะให้รู้ไปเลยว่ายังไง แต่หลังจากใช้มาราว ๆ 1 สัปดาห์* ทั้งเช้าและกลางคืน ก็หมดกระปุกพอดีค่ะ ตั้งแต่ลองใช้ครั้งแรกจนครั้งสุดท้ายต้องขอบอกเลยว่าตัวนี้เป็นครีมที่สร้างความประทับใจให้เบสอยากไม่หยุดยั้งจริง ๆ
ความประทับใจแรกคือเนื้อสัมผัส เนียนนุ่มมากจริง ๆ ค่ะ เป็นเนื้อครีมที่ไม่เคยเจอมาก่อน และไม่หนักเกินไป ทาแล้วซึมเข้าผิวไวมาก
ความประทับใจที่สองคือกลิ่น หอมมากก หอมจนต้องดมก่อนทาหน้าทุกครั้ง
ความประทับใจที่สามคือ ตั้งแต่ลองทาครั้งแรก ก็พบว่าผิวเราชุ่มชื้น ฉ่ำ วาวขึ้นมาเลยในทันทีค่ะ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็คือปัญหาผิวแห้งคือหายไปเลยค่ะ ความกระจ่างใสก็เห็นได้ว่าเพิ่มขึ้น ไม่โทรมอีกต่อไป หน้าสดได้ไม่อายใครแล้ว (แต่ไม่ได้มีโอกาสไปอวดใครเลย เพราะอยู่แต่บ้านค่ะ 😂)
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่าตัวนี้ไม่เคยอยู่ใน wishing list ของเบสเลย ด้วยความที่ราคาสูงมาก (ขนาด 50 ml. 13,000 บาท) และส่วนตัวเบสยังไม่เคยมีประสบการณ์กับ Premium Line ไม่ว่าจะของแบรนด์ไหนเลย เพราะคิดตลอดว่าปัญหาผิวของเรายังไม่ได้มีความต้องการถึงขนาดนั้น ปัญหาผิวหลัก ๆ ของเบสคือผิวแห้งค่ะ โดยเฉพาะหลังตื่นนอน แห้งแบบถ้าเผลอเกาเบา ๆ คือเป็นแผลเลย เพราะเบสนอนค่อนข้างดึกและเปิดแอร์เย็นมาก และด้วยผลพวงของการนอนดึก แน่นอนค่ะ หน้าจะดูไม่ค่อยกระจ่างใส หลาย ๆ ครั้ง ดูโทรมเลย ถ้านอนดึกมาก ๆ
ครีมตัวนี้จาก Dior แน่นอนว่าในไลน์ Prestige เขามีส่วนผสมของ Rose de Granville ดอกกุหลาบสายพันธุ์พิเศษ โดยคำเคลมของเขาก็คือ "สร้างผิวใหม่และช่วยสร้างโครงสร้างของผิวปกติเพื่อความสมบูรณ์แบบของผิว เมื่อใช้ครั้งแรกผิวจะรู้สึกและดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นับวันยิ่งเนียนขึ้น เนื้อมันละเอียดและสม่ำเสมอมากขึ้น ความกระจ่างใสถูกสร้างใหม่อย่างล้ำลึก"
ตอนแรกก็แอบคิดว่าเว่อแล้วหละพส เลยใช้แบบเอากะให้รู้ไปเลยว่ายังไง แต่หลังจากใช้มาราว ๆ 1 สัปดาห์* ทั้งเช้าและกลางคืน ก็หมดกระปุกพอดีค่ะ ตั้งแต่ลองใช้ครั้งแรกจนครั้งสุดท้ายต้องขอบอกเลยว่าตัวนี้เป็นครีมที่สร้างความประทับใจให้เบสอยากไม่หยุดยั้งจริง ๆ
ความประทับใจแรกคือเนื้อสัมผัส เนียนนุ่มมากจริง ๆ ค่ะ เป็นเนื้อครีมที่ไม่เคยเจอมาก่อน และไม่หนักเกินไป ทาแล้วซึมเข้าผิวไวมาก
ความประทับใจที่สองคือกลิ่น หอมมากก หอมจนต้องดมก่อนทาหน้าทุกครั้ง
ความประทับใจที่สามคือ ตั้งแต่ลองทาครั้งแรก ก็พบว่าผิวเราชุ่มชื้น ฉ่ำ วาวขึ้นมาเลยในทันทีค่ะ พอใช้ไปเรื่อย ๆ ก็คือปัญหาผิวแห้งคือหายไปเลยค่ะ ความกระจ่างใสก็เห็นได้ว่าเพิ่มขึ้น ไม่โทรมอีกต่อไป หน้าสดได้ไม่อายใครแล้ว (แต่ไม่ได้มีโอกาสไปอวดใครเลย เพราะอยู่แต่บ้านค่ะ 😂)
สิ่งที่เบสชอบมากที่สุดของครีมตัวนี้คือเขาไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่แบบมันเยิ้ม คือฉ่ำวาวแบบเล่นไฟมากก็จริง แต่ไม่เหนอะเลย เอามือแตะก็ไม่เหนอะ ลงรองพื้นต่อได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย เมคอัพดูดผิวปั้วะ ๆ ผิวดูแน่นกระชับและเนียนขึ้นจริง ๆ รอยแดงก็จางลงเยอะมากค่ะ ถ้าต้องให้คะแนนบอกเลยว่าตัวนี้ต้องใช้ 10/10 ไม่ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ
---
หมายเหตุ* *ใช้ร่วมกับ Dior Prestige La Micro-Lotion de Rose และ Dior Prestige La Micro-Huile de Rose ส่วนตอนกลางวันจะใช้กันแดดของ Dior Snow ร่วมค่ะ
---
หมายเหตุ* *ใช้ร่วมกับ Dior Prestige La Micro-Lotion de Rose และ Dior Prestige La Micro-Huile de Rose ส่วนตอนกลางวันจะใช้กันแดดของ Dior Snow ร่วมค่ะ
