mesoestetic collagen 360 | เพราะป้ายหน้าคือเลข 3 งานป้องกันและชะลอริ้วรอยจึงต้องสุดปัง!

63 17
เมื่ออายุเข้าใกล้เลข 3 เข้ามาทุกทีทำให้เราค่อนข้างตระหนักและเน้นในเรื่องการชะลอและป้องกันการเกินริ้วรอยมากเป็นพิเศษ อย่างที่เราเคยพูดไปหลายครั้งว่าการป้องกันนั้นง่ายกว่าการแก้ไขเยอะ เพราะงั้นไอเทมที่เราเลือกใช้จึงต้องมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพในการดูแลปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพเพียงพอทีจะชะลอให้ริ้วรอยเกิดช้าที่สุด

จึงไม่แปลกที่เราจะหยิบ medical grade skincare อย่าง mesoestetic collagen 360 มาเป็นตัวช่วยหลัก สำหรับปัญหาในเรื่อง anti-aging ด้วยประสิทธิภาพที่พิสูจน์ตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วนที่เพื่อนๆ ได้สัมผัสจากใน Blog ของเรา รวมถึงของเพื่อนๆ พี่ๆ ท่านอื่น ดังนั้นวันนี้เราเลขขอหยิบไลน์ผลิตภัณฑ์นี้มาเล่าให้ฟังในมุมมองของเรา ที่อีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่เลข 3 อย่างสมบูรณ์ว่าทั้ง 3 ไอเทมนี้น่าสนใจอย่างไรฮะ...

mesoestetic collagen 360 essence (30ml./2,990.-)

เราขอเปิดประเดิมกันที่ไอเทมแรกอย่าง mesoestetic collagen 360 essence ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นเซรั่มที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นบำรุงให้ผิวแลดูยกกระชับ และช่วยส่งเสริมการทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ บำรุงผิวอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

Texture / Scent / Packaging

  • Texture : เนื้อสัมผัสบางเบากว่าที่จินตาการไว้พอสมควร ซึ่งส่วนตัวแล้วเราค่อนข้างชอบนะ เพราะเมื่อเลเยอร์ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ไม่หนักผิวจนเกินไป
  • Scent : กลิ่นหอมอ่อนๆ ของตัว essence มาจาก fragrance component แม้ว่าเราใช้แล้วจะไม่พบอาการแพ้/ระคายเคือง แต่ก็แอบหวังใจให้ทางแบรนด์ทำสูตร perfume-free ขึ้นมาอยู่ดีฮะ
  • Packaging : บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบขวดแก้วสีเงินดูหรูหราทีเดียว อาจจะติดในเรื่องหัวดรอปเปอร์เล็กน้อยเรามองว่าถ้าทำเป็นแบบ Airless-Pump น่าจะมอบประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกและลดการปนเปื้อนได้มากขึ้นฮะ

Key Ingredients

นอกจากนี้ยังมีสารในกลุ่ม Peptide อีกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็น ⁣Acetyl Hexapeptide-8,Palmitoyl Tripeptide-1 และ Palmitoyl Tetrapeptide-7 ที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว ยังช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงและผิวดูมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย


mesoestetic collagen 360 intensive cream (50ml./2,890.-)

ลำดับถัดไปก็คงไม่พ้น mesoestetic collagen 360 intensive cream ที่ช่วยมอบความชุ่มชื่นให้ผิว ทำงานร่วมกับ Pro-Retinol และสารสกัดจากใบบัวบก

Texture / Scent / Packaging

  • Texture : เนื้อผลิตภัณฑ์อยู่ในรูปแบบกึ่งเจลกึ่งครีม มีประสิทธิภาพในการซึมเข้าสู่ผิวได้ค่อนข้างไว และเมื่อเซทตัวดีแล้วก็ไม่ทิ้งความเหนอะหนะเอาไว้บนผิว
  • Scent : ด้วยความที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม ดังนั้นกลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นธรรมชาติจากตัวส่วนผสมล้วนๆ ซึ่งก็ทำให้เราหมดกังวลว่าจะเกิดอาการแพ้/ระคายเคืองจากน้ำหอมไปได้เยอะเลยหละฮะ
  • Packaging : บรรจุภัณฑ์มาในแบบที่เราเลิฟที่สุดอย่าง Airless Pump ที่นอกจากจะช่วยคงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์แล้ว สะดวกในการใช้งานไม่ต้องเปิด-ปิด เพื่อเสี่ยงต่อการปนเปื้อนนั่นเองครับ

Key Ingredients

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น Centella Asiatica หรือสารสกัดจากใบบัวบกที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ ลดการระคายเคืองได้ดีทีเดียว แถมทางแบรนด์ยังใส่สารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นบนผิวเข้ามาหลายตัวทีเดียวไม่ว่าจะเป็น Glycerin, Butyrospermum parkii Oil, Panthenol และ Tocopheryl Acetate 

mesoestetic collagen 360 eye contour (15ml./2,890.-)

รอบดวงตาเป็นอีกหนึ่งบริเวณที่บ่งบอกอายุ และสังเกตุเห็นริ้วรอยได้ค่อนข้างง่ายทางแบรนด์จึงพัฒนา mesoestetic collagen 360 eye contour ครีมบำรุงรอบดวงตาที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น ให้ริ้วรอยแลดูจางลง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทาบริเวณร่องแก้มช่วยให้ร่องแก้มแลดูตื้นขึ้นได้อีกด้วย

Texture / Scent / Packaging

  • Texture : นี่เป็นหนึ่งในเนื้อสัมผัสที่เราชอบที่สุดบรรดาอายครีมที่เราได้ลองใช้มา ด้วยความละมุนของ texture ช่วยมอบความชุ่มชื้นรอบดวงตาได้ดี แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้สึกถึงความเหนอะนะเลยแม้แต่น้อย
  • Scent : แอบเสียดายเล็กน้อยที่อายครีมขวดนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม แต่ถึงอย่างนั้นจากที่เราลองใช้มาก็ไม่พบอาการแพ้/ระคายเคืองนะครับ แต่ส่วนตัวคิดว่าบริเวณรอบดวงตา sensitive กว่าบริเวณอื่น หากตัดส่วนผสมของน้ำหอมออกไปได้ จะเป็น eye cream ที่เวิร์คมากๆ ตัวนึงเลยหละฮะ
  • Packaging : บรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Airless-Pump ที่เราชอบที่สุด นอกจากจะลดการปนเปื้อนได้แล้ว ยังคงประสิทธิภาพของสารสกัด และวิตามินต่างๆ ไว้ได้นานกว่าบรรจุภัณฑ์รูปแบบอื่น

Key Ingredients

จากที่เราได้ใช้ mesoestetic 360 ทั้งไลน์ไม่ว่าจะเป็น essence, eye contour และ intensive cream ร่วมกับการดูแลตัวเองในองค์รวมไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อน การเลือกรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดริ้วรอยเท่าที่พอจะทำได้มาเป็นเวลา 1 เดือนพบว่า...
จุดแรกที่สังเกตุได้ค่อนข้างชัดคือในเรื่องความชุ่มชื้นบนผิวที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งความเนียบเรียบและความละเอียดของผิวที่แตกต่างจนรู้สึกได้ โดยเฉพาะบริเวณข้างแก้มและใต้ตา อ๋ออีกจุดที่เรามองด้วยตาแล้วสัมผัสได้ถึงความแตกต่างคือโทนผิวที่ดูดีขึ้น ดูมีการไหลเวียนของเลือดที่ดีขึ้น

แต่ในแง่ของรูขุมขนโดยรวมเรามองว่าอาจจะแตกต่างไม่มากนัก ด้วยความที่เรามีรูุขุมขนบริเวณจมูกกว้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นการใช้สกินแคร์ในช่วงเวลาเพียง 1 เดือนอาจจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงขนาดนั้น แต่คาดว่าหากใช้อย่างต่อเนื่อง 6 เดือนขึ้นไปน่าจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่านี้ครับ
และอย่างที่เราบอกทุกๆ ครั้งว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ Based-on สภาพผิว ไลฟ์สไตล์ การดูแลตัวเอง และผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ร่วมกันเป็นหลัก ดังนั้นผลลัพธ์ย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ส่วนสำถามที่ว่าใช้แล้วจะแพ้ไหม จะอุดตันไหม สิวจะขึ้นหรือไม่นั้น เราไม่สามารถให้คำตอบได้เนื่องจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง และก่อให้เกิดสิวของแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ดังนั้นเราแนะนำว่าก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ที่บริเวณท้องแขน และลำคอก่อใช้ลงบนใบหน้านะขอรับ 


Wanviset

Wanviset

✨ สวัสดีฮะ ชื่อบูม นะครับ ✨
สกินแคร์คือหนึ่งในความสุขเล็กๆ ของเราและด้วยความอยากรู้อยากลอง ชอบแชร์ทำให้เราลองเขียนบล็อกเล็กๆ ขึ้นมาฝากเพื่อนๆ ติดตามผลงานของเราด้วยน้า

FULL PROFILE