เปิดโต๊ะเครื่องแป้งมารีวิว “แป้งพัฟคุมมัน” ตัวเด็ด ทั้งถูกและแพงแบบไม่กั๊กจ้า

48 22
          ผู้หญิงอย่างเรามีเครื่องสำอางแค่ชิ้นเดียวไม่ได้หรอก ตัวฉันเองก็เหมือนกัน เพราะแค่แป้งก็ปาเข้าไปเป็นสิบๆตลับแล้วจ้า 555 ด้วยความที่มีสภาพผิวเป็นคนหน้ามัน เลยชอบซื้อพวกแป้งพัฟคุมมันมาใช้ตลอด ขาดไม่ได้เลยพูดตรงนี้ จนตอนนี้มีให้เลือกใช้เยอะแยะไปหมดทั้งถูกทั้งแพง เน้นหลักๆที่เขาว่าคุมมันดีไว้ก่อน

          วันนี้ก็จะมารีวิวแป้งคุมมันที่ใช้มาตลอดนี่แหละค่ะ แต่ไม่ได้รีวิวเยอะอะไร เปิดโต๊ะคัดมาแค่ตลับที่ใช้บ่อยที่สุด เอาทั้งถูกเอาแพงคละๆกันไปเลย เผื่อสาวหน้ามันที่กระเป๋าหนักและกระเป๋าเบาอยากจะเลือกตำตามกันได้สะดวก บอกเลยว่าไม่มีกั๊กแน่นอนจ้า
Deesay Nian Smooth&Math Foundation Powder SPF15 PA+++
395.-
          เป็นแป้งรุ่นใหม่ของดีเซ้ย์เขา แต่ตัวนี้จะต่างจากสูตรเดิมตรงที่ว่าเป็นแป้งพัฟที่เน้นการคุมมันและปกปิดที่มากกว่าเดิม ตอบโจทย์คนหน้ามันรูขุมขนกว้าง สมชื่อรุ่นเนียนกันเลยทีเดียว เพราะเนื้อแป้งเป็น Micro Silk ส่งตรงจากญี่ปุ่น ที่ช่วยปกปิดรอยต่างๆได้อย่างดี และยังมีความกันน้ำและติดทนสูงถึง12ชั่วโมงเลยด้วย
          ตัวแพคเกจเป็นพลาสติกด้านสีม่วง(สีประจำแบรนด์เขา)มีชื่อรุ่นเด่นหราอยู่ตรงฝา พลาสติกค่อนข้างหนาค่ะ ตกแล้วไม่แตกแน่นอน ดูโดยรวมแล้วก็ดีนะ แต่แอบบ่นนิดหนึ่งตรงเขาไม่มีช่องใส่พัฟแยกมาให้ด้วย และก็ไม่มีเลขเบอร์ในตลับด้วย    
          จริงๆสอยตัวนี้มาใช้เพราะดูคลิปรีวิวมาจากอายตา พอได้มาใช้จริงก็อยากพูดแบบอายตาเลยว่าเออเนียนจริงเนียนจัง เนียนสมชื่อ มันเบลอผิวดีหมดทั้งรอยทั้งรูขุมขนอ่ะ ตอนแรกเข้าใจว่าเนื้อแป้งจะหนากว่านี้เพราะเคลมว่าปกปิดดี แต่เอาเข้าจริงบางเบามากนะ เกลี่ยง่ายด้วย และคุมมันได้นานเลย ใช้แล้วหน้าไม่เป็นคราบก็โอเคแล้วอ่ะ

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:ทาแล้วผิวเนียนกริบมาก ปกปิดดี เนื้อแป้งบางเบา คุมมันดี ราคาไม่แพง
ข้อเสีย:ตลับดูธรรมดาไปหน่อย ถ้าเทียบกับแป้งดีเซ้ย์รุ่นแรก และไม่มีช่องพัฟแยกมาให้
Maybelline Clearsmooth All in one UV  Lightening Oil Two Way Cake
199.-
          แป้งพัฟผสมรองพื้นที่มีญาญ่าเป็นพรีเซนเตอร์ เป็นแป้งที่เน้นการควบคุมความมันได้ตลอดทั้งวัน และก็กันแดดได้ด้วย แต่ไม่ได้บอกว่ากันน้ำค่ะ เขาบอกว่าเนื้อแป้งมีความละเอียด ทำให้เกลี่ยได้ง่าย ปกปิดได้เนียนๆ และมีโปรวิตามินซีที่ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นด้วย

          แพคเกจดีอยู่นะ เป็นทรงสี่เหลี่ยมแบบใหญ่จุใจ มีช่องแป้งกับช่องพัฟแยกกันต่างหาก และกระจกในตลับก็ใหญ่ด้วย แต่เรารู้สึกว่ามันดูเทอะทะไปหน่อยเวลาพกไปข้างนอกนะ

          ตัวนี้แน่นอนว่าซื้อเพราะญาญ่า 555 อีกอย่างราคามันถูกมากด้วย ซึ่งคุณภาพก็ตามราคานั่นแหละ จากที่ใช้มาเราว่ามันไม่ค่อยปกปิดผิวเท่าไร ต้องเป็นคนผิวดีระดับหนึ่งถึงจะทาออกมาสวย แป้งตัวนี้จัดว่าคุมมันได้ระดับกลางๆค่ะ ไม่ได้ดีเริ่ดอะไร แต่นางไม่เป็นคราบเลยนะ ถือว่าใช้ได้อยู่ ติดทนก็ระดับกลางๆ ถ้าหลุดก็เติมได้เรื่อยๆ 


ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:แพคเกจดี เนื้อแป้งบางเบา คุมมันกลางๆ ราคาถูก
ข้อเสีย:ตลับใหญ่ไปหน่อย และแป้งไม่ค่อยปกปิดผิวเท่าไร 
ZHE Foundation Powder
290.-
          แป้งตัวดังอีกตัวหนึ่ง ที่เคลมว่าไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนที่ทำให้อุดตันผิว และมีวิตามิน E ที่ช่วยบำรุงผิวหน้าด้วย และที่โดดเด่นกว่าแป้งผสมรองพื้นตัวอื่นในกรุเราก็คือแป้งตัวนี้มีชิมเมอร์ ช่วยกระจายแสงให้ผิวดูสวยขึ้น แล้วยังคุมมัน+ให้การปกปิด ใช้แล้วสีไม่ดรอป กันน้ำ กันเหงื่อด้วยค่ะ
          แพคเกจแป้งเขาสวยเด้อว่าไม่ได้ เป็นสีโรสโกลด์แบบสวยๆ มีโลโก้แบนรด์ทับอีกที ดูหรูไฮแบบเคาเตอร์แบรนด์เลย  แถมมีช่องสามชั้นแยกกระจก แป้ง พัฟมาเสร็จสรรพเลย ตลับก็ไม่ใหญ่เกินพกไปไหนมาไหนสะดวก
          ที่ซื้อมาเพราะเป็นแป้งที่รีวิวเยอะมากกก จนต้องซื้อมาใช้สักหน่อยว่าดีสมราคาคุยมั้ย ก็พบว่าเนื้อแป้งละเอียดบางเบามากค่ะ แต่ดันไม่ค่อยปกปิดเท่าไรเลย คิดว่าเป็นแป้งอีกตัวที่เหมาะกับคนผิวดีอยู่แล้ว อีกอย่างที่ไม่ชอบคือแป้งหลุดง่ายค่ะ ต้องตบเพิ่มบ่อยๆ แต่คุมมันไม่ได้แย่นะ ทาแล้วหน้าไม่เป็นคราบค่ะ

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:เนื้อแป้งบางเบา แพคเกจสวยงามเกินราคา ทาแล้วไม่เป็นคราบ
ข้อเสีย:แป้งหลุดง่าย ไม่ค่อยปกปิดผิว 
Estee Lauder Double Wear Stay-in-Place Matte Powder Foundation SPF 10
2,000.-
          แป้งที่เป็นชื่อรุ่นเดียวกับรองพื้นในตำนานของแบรนด์เขาเลย ตัวนี้เป็นแป้งผสมรองพื้นที่บอกว่าเป็นแป้งเอนกประสงค์ เพราะใช้ได้ทั้งแบบเปียกและแบบแห้ง โดยความเด่นของเขาจะอยู่ที่พัฟค่ะ พัฟด้านหนึ่งจะเป็นฟองน้ำ ไว้ใช้เวลาปกปิดแน่นๆ ส่วนพัฟด้านกำมะหยี่เอาไว้ตบแล้วอยากได้ลุคเบาๆสบายๆ แถมยังร่ำลือด้วยว่าแป้งนี้ทาแล้วเนียนดูเป็นงานผิวมาก แทบดูไม่ออกเลยว่าทาแป้งมา
          แพคเกจนี่ไม่มีอะไรจะพูดเลย เพราะหรูหราหมาเห่าสมราคาสองพันบาทมาก มีตลับแบ่งชั้นแยกกระจก แป้ง พัฟ ครบครัน ตัวหน้าตลับเป็นสีเงินมันวาวสกีนโลโก้แบรนด์ และข้างหลังตลับก็เป็นสีน้ำเงินวาวๆด้วย ระยิบระยับสวยหรูไปอีก
          เป็นแบรนด์ที่กัดฟันซื้อเลยเพราะหลายคนบอกว่าแพงแต่ดีเริ่ด แล้วก็ประทับใจจริงๆ เพราะเนื้อแป้งอณูละเอียดมาก มันบางเบาแล้วเนียนไปกับผิวเลย และต่อให้บิ้วเพิ่มก็ยังไม่รู้สึกหนักหน้านะ งานผิวออกมาสวยงามมาก อำพรางรอยต่างๆได้ดี คุมมันก็เริ่ดมาก คือแบบไม่มีอะไรจะติเลย ยกเว้นเรื่องราคา 555 แบบต้องเก็บไว้ใช้ในโอกาสพิเศษจริงๆ เพราะซื้อบ่อยไม่ไหว

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:เนื้อแป้งเนียนละเอียด ปกปิดดีมากแต่ยังดูเป็นผิว แพคเกจสวยมาก คุมมันดี
ข้อเสีย:ราคาแสนแพง ซื้อใช้บ่อยๆไม่ไหว
Zendori Aura White Foundation Powder
79.-
          อันนี้ดังเรื่องการคุมมันมาตั้งแต่สูตรที่เป็นตลับเขียวๆแล้ว คราวนี้ออกมาไลน์มาเป็นตลับชมพูสำหรับคนอยากขาวเลยค่ะ เพราะตัวนี้เน้นที่การช่วยปกปิดริ้วรอยจุดด่างดำ มีส่วนผสมของ MICA ที่ทำให้หน้าสว่างกระจ่างใสสมชื่อรุ่น ไม่หน้าหมองระหว่างวันแน่นอน
          ตลับชมพูอันนี้ดูดีกว่าตลับเขียวนะเอาจริงๆ ดูมีความสีชมพูน่ารักกุ๊กกิ๊กเหมาะกับสาวๆอย่างเรา แม้จะเป็นพลาสติกธรรมดาๆแต่ก็ทนนะหล่นไม่แตก แถมมีช่องแยกแป้ง กระจก พัฟต่างหากมาให้อีก
          จะบอกว่าพอลองทาครั้งแรกแล้วมันวอกค่ะ ตกใจเลย 555 น่าจะเพราะเป็นสูตร Aura White มันเลยขาวกว่าตลับเขียวที่เราเคยใช้ แต่พอปล่อยไปสักพักมันก็ดรอปลงนะ แต่ก็ยังถือว่าขาวอยู่ดีสำหรับเรา 555 รับประกับความหน้าใสไม่หมองเพราะแป้งขาวจริง เรื่องคุมมันก็พอได้นะคะ แต่ส่วนตัวเราว่าตลับเขียวคุมมันได้ดีกว่า ตัวนี้ทาแล้วยังมีความเยิ้มอยู่หน่อยๆ

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:ใช้แล้วผิวสว่าง หน้าไม่หมอง ราคาถูกมาก
ข้อเสีย:วอกไปหน่อย คุมมันยังไม่ดีเท่าไร
Lau ra Mercier Foundation Powder
1,890.-
          ตัวนี้เคลมมาเลยว่าเป็นแป้งที่ให้การปกปิดระดับเดียวกับใช้รองพื้นเลยนะ ถึงขนาดเรียกตัวเองว่าเป็นรองพื้นในตลับ ช่วยเบลอผิวทั้งรูขุมขนและริ้วรอยให้ดูหน้าเนียน เป็นแป้งเนื้อบางที่ควบคุมความมันตลอดทั้งวัน แถมยังใช่ได้ทั้งแบบเปียกและแบบแห้ง แล้วแต่ว่าต้องการความแน่นแค่ไหน อย่างทาแบบแห้งก็จะออกแมตต์ๆ ทาแบบเปียกก็จะปกปิดดีขึ้น
          ตลับแป้งเป็นสีดำค่ะ แต่เป็นดำเหลือบๆแดงหน่อย ตัวนี้รูปทรงมาเป็นสี่เหลี่ยมเลย ไม่ใหญ่มากพกพาง่าย และก็แยกชั้นพับ กระจก แป้ง พัฟาเรียบร้อย ตัวแพคเกจเป็นพลาสติกเนื้อวาวๆค่ะ ดูหรูดี และทนทานด้วย    
          เป็นอีกแป้งหนึ่งที่การันตีว่าเนียนกริบจริงอะไรจริง สมแล้วที่บอกว่าปกปิดระดับเดียวกับรองพื้น เรื่องการปกปิดนี่ยกให้เป็นแชมป์ในดวงใจนี่เลย แต่ว่าแป้งหนามากจ้าาาา หนักหน้าสุดอะไรสุด คงเพราะว่าปกปิดดีแหละเลยหนาขนาดนี้ เอาไปแต่งงานรับปริญญาไรงี้น่าจะเวิร์คมาก เพราะคุมมันดี ปกปิดดี ครบเลย แต่ถ้าล้างไม่ดีมีอุดตันค่ะ ต้องล้างหน้าให้สะอาดเลยหลังใช้

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:ปกปิดดีมากมาก ควบคุมความมันได้ดี หน้าแน่นสุดๆ
ข้อเสีย:แป้งหนาอุดตันผิว ใช้แล้วรู้สึกหนักหน้า และราคาแอบแรง 
Chao Nang Perfect bright UV 2 way powder foundation SPF 20 PA+++
399.-
          แป้งผสมรองพื้นแบรนด์ไทยแท้ๆเลย ที่นอกจากจะปกปิดได้ดีแล้ว ยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากน้ำมันตับปลาฉลามที่ช่วยบำรุงผิว และเทคโนโลยี Soft Focus เบลอริ้วรอยกับจุดด่างดำต่างๆบนใบหน้าด้วย ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้า ไม่ทำให้เป็นคราบ และยังติดทนนานเพราะกันน้ำกันเหงื่อ ด้วยค่ะ
          ตัวแพคเกจเป็นพลาสติกธรรมดาๆสีขาวที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร มีโลโก้เจ้านางสีทองอยู่ข้างบน ให้ดูหรูหราเล็กน้อย ข้างในไม่มีชั้นแยกระหว่างแป้งกับพัฟด้วย ส่วนตัวไม่ค่อยชอบแพคเกจเท่าไรแฮะ
          ที่ซื้อตัวนี้มาใช้เพราะเป็นอีกตัวที่บล็อกเกอร์ชาวไทยพูดถึงกันเยอะในแง่ของการคุมมันและปกปิด ซึ่งเราว่ามันเป็นแป้งที่ค่อนข้างกลางๆ ไม่ดีไม่แย่ คุมมันก็กลางๆ ปกปิดก็กลางๆ แต่ว่าความติดทนต้องให้เลย รู้สึกว่าติดทนดีมาก แทบจะไม่ต้องเติมแป้งเลย แต่ตัวแป้งเนื้อไม่ค่อยละเอียดเท่าไร ทาแล้วมีความแป้งเยอะ ดูหนาอ่ะว่าง่ายๆ

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป
ข้อดี:ติดทนดีมาก ปกปิดและคุมมันโอเค
ข้อเสีย:แพคเกจดูไม่แข็งแรง เนื้อแป้งดูหนาไม่ละเอียด
Mistine GRU Oil Control Perfect Powder
399.-
          แป้งผสมรองพื้นที่เน้นเรื่องการคุมมันเป็นพิเศษเพราะ มี Oil-Lock Technology ที่ชูมาเลยว่าช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า ทำให้เบาสบายผิวมากขึ้น และยังเป็นแป้งกันน้ำที่มีลักษณะโปร่งแสง ทำให้หน้าเนียนสวยแบบที่เหงื่ออกก็ไม่เป็นคราบและยังปกปิดรอยต่างๆได้ด้วย ส่วนเนื้อแป้งเป็นแบบเคลือบซิลิโคน ทำให้ติดทนมากเป็นพิเศษด้วยนะ
          แพคเกจเป็นพลาสติกหนาสีดำดูทนทานดีค่ะ โลโก้ก็ดีไซต์ออกมาเท่มากเหมือนแป้งผู้ชายเลย ข้างในก็แยกชั้นแบบเก๋ๆคือให้ช่องพัฟเลื่อนออกมาได้ ดูมีความครีเอตมาก
          แป้งนี้ใครๆก็เรียกว่าแป้งอั้ม และแน่นอนว่าเราซื้อมาเพราะอั้มจ้าค่ะ 555 ตัวแป้งเนื้อบางเบามาก และมีความวอกอยู่เล็กน้อย ตอนทารู้สึกเหมือนทาแป้งฝุ่นเลยเพราะมันบางๆเบาๆลื่น สบายผิวดี คุมมันได้ดีเลยนะ รู้สึกได้ถึงความผ่องๆ แต่ว่าไม่ติดทนเท่าไร ต้องเติมบ่อยๆ และอีกอย่างคือไม่ได้ช่วยเรื่องปกปิดเท่าที่ควร ยังเห็นรอยอะไรต่างๆชัดอยู่เลย

ทดสอบความคุมมัน : แต่งหน้าด้วยแป้งเป็นเวลา3ชั่วโมง
สรุป 
ข้อดี:เนื้อแป้งบางเบาสบายผิว คุมมันได้ดี ให้ผิวดูผ่องขึ้น
ข้อเสีย:ไม่ติดทนต้องเติมบ่อยๆ ไม่ช่วยเรื่องปกปิด

ที่หยิบเอาแป้งทั้งแปดมารีวิวเนี่ยเพราะใช้บ่อยจริงๆ และมั่นใจว่ารู้ดีสุดล่ะ แต่ว่าสภาพหน้าของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ ต่อให้หน้ามันเหมือนกันก็อาจจะมีปัจจัยความแตกต่างอย่างอื่นอีก ฉะนั้นใครที่ใช้เหมือนเราอาจจะได้ผลที่ต่างจากเราก็ได้ ของแบบนี้ต้องลองเองแล้วจะรู้ค่ะ สนับสนุนให้สาวๆซื้อแป้งมาใช้กันเยอะๆ 555 หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์กับสาวหน้ามันทุกคนนะคะ