ดูดอกไม้ ชมงานอลังการไฟหลายล้านดวง ที่ Hana Biyori และ Yomiuri Land

50 16
เค้าแจกฟรี/ มีคนให้มาแหละ :)

โพสต์แรกของเรา (จากปกติเม้ามอยอยู่แต่ในเฟสตัวเอง เพื่อนยุให้แชร์กับชาวบ้านมั่ง) ฟีดแบคกันได้น้าา


นี่ทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมาไม่นาน มีเวลาว่างก็เดินเล่นในป่าคอนกรีตแต่ก็เริ่มเบื่อแล้วหลังๆ เลยหาสวนหาที่โล่งเดินเห็นคนพูดถึงสวนพฤกษศาสตร์ชื่อ Hana Biyori เจ้าของเดียวกับ Yomiuri Land ก็คิดว่าเป็นโอกาสดีไปดูดอกไม้ต่อด้วยดูงานประดับไฟที่ Yomiuri Land ต่อซะเลย


ที่ Hana Biyori นี่ เจ้าของตั้งใจว่าอยากให้แขกผู้มาเยือนได้สัมผัสกับธรรมชาติ เป็นพื้นที่ให้ผ่อนคลายจิตใจ สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจไปพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ขนาดนั้น


เดินทางง่ายมากเพราะแถวบ้านมีรถใต้ดินสาย Shinjuku อยู่แล้วนั่งยาวต่อไปจนถึงสถานี Keio Yomiuri-land ราคา 503 เยนเมื่อไปถึงเลือกได้ว่าจะเดิน (Hana Biyori อยู่ห่างจากสถานีรถไฟเพียง 500 เมตรแต่ขึ้นเขาหน้าหนาวนะเลยเลือกไม่เดินดีกว่า) หรือขึ้นรถบัสฟรีที่มาทุก 15 นาทีหรือจะนั่งกระเช้ากอนโดล่าดูวิวเสียวๆ เอ้ยสวยๆ ค่ากระเช้าเที่ยวเดียว 300 ไป-กลับ 500 เยนต่อคน แนะนำว่าถ้าคิวไม่ยาวมากควรนั่งโดยเฉพาะตอนเย็นเพื่อชมวิว


ช่วงโควิดแบบนี้เราเลือกมาวันธรรมดาเพื่อเลี่ยงคนเยอะๆ ถึง Hana Biyori ประมาณบ่ายสองเพราะวางแผนมาแล้วว่าจะมาดู Digital Art (คืออะไรวิบวับๆแฟน TeamLab อย่างเราไม่พลาด) แล้วก็จะนั่งจิบกาแฟร้อนๆในร้านสตาร์บัคส์แห่งแรกในญี่ปุ่นที่เปิดในสวน botanical garden ที่คนเคลมกันว่าสวยสุดในญี่ปุ่น จากนั้นก็ถ่ายรูปตามมุมต่างๆ รอเวลาสวนสนุกเปิดไฟตอนเย็น


ค่าเข้าสำหรับผู้ใหญ่ 1,200 เยน เด็ก 3 ขวบ - ชั้นประถม 600 เยน ต่ำกว่าสามขวบอุ้มเข้าฟรีโล้ด


ใน Hana Biyori พื้นที่ไม่กว้างมากแบ่งเป็น 3 ส่วนถ้าหันหน้าเข้าอาคาร Hana Biyori ตรงกลางที่เป็นร้านสตาร์บัคส์ข้างในมีร้านขายของที่ระลึกตรงกลางเป็นลานมีช่อแชนเดอร์เลียดอกไม้หลากหลายพันธุ์ ตรงกลางมีต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของที่นี่ คือต้น Palo Barracho ในแผ่นพับบอกว่าอายุประมาณ 400 ปีมีถิ่นกำเนิดอยู่ในปารากวัย ชื่อเป็นภาษาสเปนแปลว่าต้นไม้ขี้เมาล่ะ ตรงกลางเป็นที่แสดง Digital Art เดินลึกเข้าไปเป็นส่วนเวิร์คชอปโถใส่มอสงี้และมีอ่างตัวนากน้อย 2 ตัวเล่นน้ำอยู่ถัดไปเป็นอ่างปลาเอามาจากทะเลโอกินาวานะเฟ้ยมีนีโมกับเพื่อนจำนวนนึง ข้างในสุดเป็นโซนสตาร์บัคส์


ด้านซ้ายเมื่อหันหน้าเข้าตัวอาคารเป็นเนินเขาโซรามิ โนะ โอกะ คือโซนชมวิวเมืองแบบพาโนรามา วันอากาศแจ่มใสก็จะเห็นกลุ่มตึกระฟ้าต่างๆ ในโตเกียวได้


ด้านขวามือเป็นทางขึ้นป่าศักดิ์สิทธิ์ ทางเดินขึ้นมีซุ้มประตูศักดิ์สิทธิ์ที่ย้ายมาจากพระราชวังอิมพีเรียลเกียวโต นี่ก็เดินผ่านไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เพิ่งมาอ่านแผ่นพับตอนนั่งพักกินกาแฟ คริคริ วันที่ไปยังมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็น และบ่อน้ำมีปลาคาร์บว่ายไปมา เงาในน้ำสวยมาก คุณลุงที่ดูแลสวนเห็นเดินอยู่คนเดียวก็มาชวนคุยเป็นภาษาญี่ปุ่นปรื๋อ แล้วนี่ก็พูดไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแล้วก็แบบโซ้เดสก้ะ เหรอๆๆ งี้ ลุงเลยชอบใจคุยไม่หยุดละทีนี้ แล้วก็หยิบมือถือมาโชว์รูปตอนใบไม้เปลี่ยนสีพีคๆ ให้ดู อวดหรือเหงา ดูไม่ออก ฮ่าๆๆ  


เดินข้ามสะพานเล็กๆ ไปจะผ่านรูปหล่อพระที่เราไม่รู้จักแต่เชื่อว่ามีความสำคัญสำหรับพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น และมีรูปหล่อพระโพธิสัตว์เมียวเค็น ที่หาอ่านเจอในกูเกิลคือเป็นเทพเจ้าดาวเหนือของญี่ปุ่น มีรูปแกะสลักไม้พระอวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ซึ่งถือเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น และที่นึกไม่ถึงว่าจะมี คือพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งประดิษฐานพระธาตุและพระเกศาของพระพุทธเจ้า ก่อนจะเดินขึ้นไปบนพระบรมธาตุเจดีย์ นี่ก็ยืนรอคนคู่นึงกำลังถ่ายรูปหน้าพระธาตุ ลุงคนเดิมมาโผล่ที่ตู้ขายเครื่องราง กวักมือเรียกไปเอาโบรชัวร์ซึ่งเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน เราก็แบบไม่เป็นไรค่ะลุงอ่านไม่ออก ลุงก็แบบเอาไปๆ แล้วก็ชี้โบ้เบ้ให้ขึ้นไปดูได้ และยืนดูว่าเราขึ้นไป จนพอใจแล้วจึงปิดหน้าต่างตู้จากไป 

เดินลงมาอีกด้านนึงของพระบรมธาตุ เห็นต้นซากุระประมาณนึงเลยคิดว่าฤดูใบไม้ผลิน่าจะสวยมาก


บ่ายสองครึ่งก็กลับไปยืนรอดู Digital art โชว์ใช้เวลาประมาณ 8 นาที โบรชัวร์บอกว่าเป็นธีม “การสร้างสรรค์โลกแห่งการดื่มด่ำล้ำลึกด้วย Immersive Technology” ภาษาบ้านๆ คือโชว์แสงสีดอกไม้เปลี่ยนไปตาม 4 ฤดูนั่นเอง


โดยรวมแนะนำเป็นจุดเดทที่ไม่วุ่นวายดี (นั่นคือมาวันธรรมดานะฮ่าๆๆๆ) ส่วนคนโสดมานั่งจิบกาแฟดูชาวบ้านแบบเราก็ได้หรือจะทำเวิร์คชอปจัดดอกไม้ กระถางต้นไม้หรือโถมอสก็ได้ หัวละ 2,000 เยน อย่าลืมเช็ครอบต่างๆ ก่อนมานะ 


เดินเล่นใน Hana Biyori จนสมควรแก่เวลา ฟ้าเริ่มมืด (ประมาณสี่โมงเย็นนิดๆ) ก็เดินข้ามไปดูไฟ Jewellumination ที่สวนสนุก Yomiuri Land ซึ่งคนดูแล lighting design เป็นผู้หญิงญี่ปุ่น ชื่อคุณโมโตโกะ อิชิอิ มีประสบการณ์ออกแบบแสงสีทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศ เช่นที่โตเกียวทาวเวอร์และ Elizabeth Bridge ที่บูดาเปสต์ แล้วยังมีการจัดแสงสี special light-up ทีหอไอเฟล ในธีม “Japonism 2018” ไม่ธรรมดานะแจ๊ะ

ไฟมีการจัดเป็นโซนทั้งหมด 12 โซน ตั้งชื่อตาม gemstones เช่น Amethyst, Tanzanite, Opal หรูๆ งี้ ที่ Tanzanite เป็นการแสดงน้ำพุ ปีนี้ใช้ไฟทั้งหมด 6.5 ล้านดวงเนื่องจากเป็นสวนสนุก นอกจากเดินดูไฟแล้วก็ยังมีเครื่องเล่นหลากหลาย แล้วก็บูธขายอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะโกโก้ร้อนเหมาะกับอากาศหนาวๆ ไฟสวยมาก ถ้าใครมาโตเกียวฤดูนี้ก็แนะนำให้แวะมากัน แล้วก็พกตากล้องส่วนตัวมาด้วยนะ มุมถ่ายรูปเยอะมากกกกก ไม่พูดเยอะละ ดูรูปกับคลิปเอาละกัน ?


Ja Laksanasopin

Ja Laksanasopin

FULL PROFILE