คนดังกับคำขอโทษแห่งปี 2020

49 7
.


Ellen Degeneres


คำขอโทษที่มีมุกตลกเสริมมาด้วยนิดๆ


เมื่อข่าวลือเรื่องตัวตนที่แท้จริงของพิธีกรชื่อดังเบื้องหลังกล้องนั้นแตกต่างจากสโลแกน Bฺe Kind To One Another ที่เธอเน้นย้ำกับผู้ชมในรายการแทบทุกตอน สังคมต่างจับตามองว่า Ellen Degeneres จะชี้แจงต่อข้อกล่าวนี้เช่นไร เพราะสื่อใหญ่ที่เข้าถึงแหล่งข่าวตัวจริงได้รายงานตรงกันกับเรื่องที่ถูกปล่อยมาจากชาวเน็ทที่ไม่ประวงค์จะออกนาม รวมถึงแขกรับเชิญที่เคยได้พบกับตัวเป็นๆของเธอที่ได้บอกเล่าประสบการณ์ฝังใจว่า ไม่ต้องพูดถึงการต้อนรับทักทายตามมรยาทของสุภาพชน ผู้ที่เคยร่วมงานบางคนไม่ได้รับอนุญาตให้มองหน้าเธอด้วยซ้ำไป

กระแสกดดันนั้นหนักหน่วงไม่น้อย แต่ตัว Ellen เองก็ยังปล่อยcontent ทาง social media ออกมาโดยไม่พูดถึงเรื่องฉาวนี้ ผ่านไปได้สักพัก เธอก็ตั้งหลักเพื่อชี้แจงเรื่องราวพร้อมกับคำขอโทษ


แต่ตัวพนักงานและชาวเน็ทหลายคนกลับคิดว่า นี่คือการขอโทษด้วยการโบ้ยความผิดไปยังคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมเจ้าปัญหา ให้ดูเหมือนว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนผิดมากมายนัก


คำขอโทษของ Ellen เป็นเช่นไร ...
เริ่มคำขอโทษอย่างเป็นทางการต่อหน้ากล้อง พิธีกรดังได้เรียกเสียงหัวเราะด้วยมุกประชดประชันว่า  เธอมีช่วงหน้าร้อนที่ยอดเยี่ยม  และเปลี่ยนโทนมาเป็นจริงจังว่า

"ดังที่คุณคงได้ยินมาจากช่วงหน้าร้อนนี้ว่ามีการกล่าวหารายการของเราเรื่องสภาพแวดล้อมการทำงานที่ toxicและก็ได้มีการสืบสวนเรื่องนี้ ฉันพบว่ามีบางสิ่งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น ฉันให้ความสำคัญกับมันมาก และอยากะบอกว่าฉันเสียใจกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ"

Ellen ได้ไล่โพรดิวเซอร์คนสำคัญออกสามราย หลังจากที่สือ่ได้ตีแผ่เรื่องราวการใช้อำนาจคุกคามและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจนพนักงานเกิดความตึงเครียด เธอยืนยันว่านี่คือบทเริ่มต้นใหม่ที่จะปรับปรุงสถานที่ทำงานเพื่อสร้างรายการนี้ได้พัฒนาขึ้น ส่วนชื่อเสียงเรื่องการสร้างภาพด้วยสโลแกน Be Kind นั้น เธอประกาศว่า ตัวเองมีจิตใจดีไม่ต่างจากสโลแกน เพียงแต่ว่าก็มีความรู้สึกอื่นๆอยู่ด้วย ไม่ได้ happy ตลอดเวลา

" ความเป็นจริงคือ ตัวตนของฉันก็เหมือนกับคนที่คุณได้เห็นจากจอ TV ฉันยังมีด้านอื่นๆอยู่ด้วย บางครั้งก็เศร้า โกรธ วิตกกังวล หงุดหงิด ไม่มีความอดทน และฉันกำลังปรับปรุงตัวอยู่"

เธอยังนำเรื่องฉาวนี้มาสร้างมุกขำขันด้วยการแนะนำผู้ชมว่า อย่าได้คิดสร้างฉายาตัวเองว่า Be Kind เป็นอันขาด ( หากถูกเปิดโปงขึ้นมาว่าไม่ Kind แล้วจะเสียชื่อเสียงไปใหญ่โตข้ามปี)





"นี่คอตัวตนของฉัน ความตั้งใจของฉันคือการเป็นคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าฉันได้ำให้ใครบางคนต้องผิดหวัง ถ้าฉันเคยทำร้ายความรู้สึกของพวกเค้าไป ฉันเสียใจจริงๆกับเรื่องนั้น ถ้ามันเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าฉันเป็นคนที่ทำตัวเองต้องผิดหวังและทำร้ายตัวเองเหมือนกัน"


เธอส่งคำขอโทษถึงทีมงานและผู้มี่ไดรับผลกระทบจากความประพฤติเสื่อมเสียของโพรดิวเซอร์คนใกล้ตัว และอธิบายว่า  เริ่มต้นรายการนี้ด้วยความคาดหวังจะให้มันเป็นพื้นที่แห่งความสุข  และผิดหวังเป็นอย่างยิ่งที่มีความ toxic เกิดขึ้น เธอรับรองว่าจะแก้ไขให้ทุกคนพบกับความเป็นธรรมและสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้มำงานได้อย่างสบายใจ  หากใครต้องพบกับเรื่องแย่ๆก็สามารถบอกออกมาได้ตรงๆโดยไม่ต้องหวั่นใจกับผลกระทบ

อดีตพนักงานที่เคยทำงานให้กับ Ellen ได้ให้สัมภาษณ์กับ BuzzFeed News เพื่อแสดงความไม่พอใจในคำขอโทษของ Ellen ที่เสริมมุกตลกเข้าไปว่า เธอไม่ได้จริงใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตลอดหลายปีที่ผ่านมา

" ไม่เพียงแต่ Ellen จะใช้ความเจ็บปวดของพวกเรามาเป็นมุกขำขัน เธอยังใช้มันมายกตัวซะงั้น"

" ตอนที่เธอบอกว่า หน้าร้อนที่ผ่านมานั้นยอดเยี่ยมมาก และนั่นเป็นบทที่ใช้เรียกเสียงหัวเราะ ฉันได้แต่คิดว่า ที่เธอต้องพบความกดดันในช่วงหน้าร้อนเพราะใครๆต่างแฉเธอรวมไปถึงเรื่องสภาพแวดล้อมการทำงานที่ toxic แต่เธอเป็นฝ่ายที่กำลังทุกข์ใจงั้นหรอกเหรอ?"

"ทั้งๆที่มีคนออกมาเปิดเผยว่า ในที่ทำงานของเธอนั้นมีปัญหาล่วงละเมิดทางเพศ มันไม่เหมาะสมหรอกนะที่จะใช้มุกขำขันรวมในบทพูดชี้แจง"

ฉันไม่รู้สึกแย่หรอกนะที่เห็นเธอถูกถล่มจากการสร้างแบรนด์ Be Kind เธอทำราวกับว่ามันเป็นแค่ฉายาที่ได้มาเอง แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ได้เกิดขึ้นเอง เธอตั้งใจใช้ไอเดียนี้และการวางแผนการตลาดที่จากสิ่งที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเบื้องหลัง"


มีรายงานว่า ตอนนี้สถานที่ทำงานเพื่อสร้าง Ellen Degeneres show ได้มีบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่มีเพียงแต่เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่า เธอสามารถจัดการกับปัญหาตามที่รับรองไว้หรือไม่





Snoop Dogg

โกรธแค้นที่มีคนพาดพิงเพื่อนสนิทผู้วายชนม์ถึงขั้นกราดกลับด้วยคำหยาบ ก่อนจะขอโทษด้วยคำสวยหรู

อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกที่ได้พรากชีวิต Kobe Bryant และผู้ร่วมโดยสารคนอื่นๆ รวมถึงลูกสาวของเขาทำให้โลกต้องช็อค แต่ท่ามกลางความเศร้าเสียใจ ก็ได้มีผู้ขุดคดีความเมื่อหลายปีก่อน เมื่อตำนานบาสเก็ตบอลถูกพนักงานconcierge กล่าวหาว่ากระทำชำเราเธอที่โรงแรม ในขณะนั้นเธอมีอายุ 19 ปี ส่วน Kobe ยังอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาแต่งงานสร้างครอบครัวกับภรรยาแล้ว และสู้คดีด้วยการยืนยันว่า ขายอมรับความผิดเรื่องนอกใจภรรยา สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช้การใช้กำลังขืนใจ แต่เป็นการสมยอมทั้งสองฝ่าย สวนทางการการให้ปากคำของหญิงสาวที่ยืนยันว่า เขาได้คว้าคอและบีบบังคับใหห้เธอมีเพศสัมพันธ์ ทั้งๆที่เธอบอกไปแล้วว่าไม่อย่างชัดเจน

คดีจบลงด้วยการถอนฟ้อง เพราะฝ่ายโจทก์ระบุว่า ไม่สามารถทนรับกระแสกดดันจากการเป็นเป้าหมายของสังคมต่อไปได้ เธอถูกวิจารณ์ว่าเป็นพวกหิวเงินที่ปั้นนำเอ็นตัวและถูกขู่ฆ่าจากแฟนๆของนักกีฬาระดับ high profile

แต่คำการแถลงการณ์ขอโทษของ Kobe ก็ยังสร้างความคลางแคลงใจให้กับหลายคนจวบจนปัจจุบันนี้ เพราะแม้ว่าจะไม่ยอมรับว่าข่มขืนพนักงานโรงแรมดังกล่าว แต่ทว่า

- เขาขอโทษเธอในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษที่เธอต้องเจอกับผลกระทบต่างๆในเวลาที่ผ่านมา
- เขาพยายามนึกถึงความเจ็บปวดของเธอ และยังขอโทษไปถึงพ่อแม่และครอบครัวของเธอ
- เขายืนยันว่า ไม่ได้มอยเงินให้กับหญิงสาวคนนี้แต่อย่างใด และไม่ได้ระแวงว่าเธอมีแรงจูงใจของเธอ
- แม้ว่าจะเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือการยินยอมพร้อมใจ หลังจากที่ได้ฟังการให้ปากคำและการว่าความของทนายฝายหญิง เขาก็เข้าใจได้ว่า เพราะอะไรเธอจึงคิดว่ามันไม่ใช่การสมยอม


คำพูดที่ฟังดูก้ำกึ่งของ Kobe ทำให้คนจำนวนหนึ่งเชื่อว่า เขากระทำผิดจริงๆ แต่พ้นผิดไปได้เพราะฝ่ายหญิงไม่มีกำลังทีจะเดินหน้าฟ้องร้องต่อไป แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่เชื่อทุกคำพูดของเขา แม้ว่า Kobe จะยอมรับว่าได้คว้าคอหญิงสาวในระหว่างมีเพศสัมพันธ์ตามที่เธอระบุไว้จริง


คดีที่อื้อฉาวนี้สร้างประเด็นความขัดแย้งแบ่งความคิดของผู้คนเป็นสองฝ่าย แม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปตลอดกาล แต่ก็มีคนใช้พื้นที่สื่อโจมตีเขาไปพร้อมกับเสียงอาลัย นางเอกสาว Evan Rachel Wood ต้องพบกับกระแสกดดันจากชาวเน็ทจนต้องปิด Twitter account หลังจากแสดงความเสียใจกับอุบัติเหตุสุดช็อคว่า

" สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโศกนาฏกรรม ฉันใจสลายกับความสูญเสียของครอบครัว Kobe เขาเป็นฮีโร่แห่งวงการกีฬา และเขาก็ยังข่มขืนคนมาก่อน เรื่องจริงพวกนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน"




Snoop Dogg ศิลปิน Hip Hop ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังยาวนานเป็นอีกคนที่แทบล้มทั้งยืนกับข่าวการเสียชีวิตของ Kobe Bryant พวกเขาสนิทสนมกันมาหลายปี เขาเคยมอบของขวัญราคาแพงระยับอย่างรถยนต์ให้กับ Kobe และติดตามเชียร์การแข่งขันติดสนามมาโดยตลอด และเมื่อ Kobe เสียชีวิตกะทันหัน เขายังสักชื่อ Kobe เพื่อแสดงความให้เกียรติเพื่อนรัก



ความโกรธเกรี้ยวของ Snoop Dogg ต่อผู้ที่อาจหาญมาพาดพิงเพื่อนของเขาอาจจะไม่ทำให้ผู้คนแปลกใจ   แต่อย่างไรก็ตาม  เจ้าตัวก็ต้องประกาศขออภัยในภายหลังด้วยคำพูดที่อ่อนน้อม เปลี่ยนโทนแบบสลับอารมณ์แทบไม่ทัน
หลังจากช่อง CBS  ได้โพสต์วีดีโอรายการของ Gayle King ที่กำลังสัมภาษณ์ถามความคิดเห็นของ  Lisa Leslie *นักกีฬา WNBA  ถึงชื่อเสียงความเป็นตำนานของ  Kobe Bryant  ที่มี "ความซับซ้อน"  ว่า   ข้อกล่าวหาเรื่องข่มขืนนั้นทำให้ชือ่เสียงของต้องปนเปื้อนมลทินหรือไม่       ผู้ประกาศข่าวชื่อดังก็กลายเป็นเป้าหมายโจมตีจากแฟนๆ Kobe Bryant ทันที    เธอถูกเปรียบเทียบว่าเป็นพวกปากไม่มีหูรูดที่คอยซ้ำเติมคนตายจากข่าวฉาวในอดีต  และผจญกับการขู่ฆ่า และต้องเดินทางพร้อมกับบอดี้การ์ดเพื่อความอุ่นใจ


และหนึ่งในผู้ที่โกรธเกรี้ยวกับคำพูดของ Gayle King ก็คือ Snoop Dogg นั่นเอง


* Lisa Leslie เป็นเพื่อนสนิทยาวนานกับ Kobe Bryant เช่นกัน


เขาขู่ผู้ประกาศข่าวว่า

"นังหัวหมาหน้าประหลาด  หล่อนกล้าดียังไงถึงมาทำให้เพื่อนรักต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง อี...นี่ ถอยไปไกลๆเลยนะก่อนที่พวกเราจะจัดการกับหล่อน"


ฺBitch  อาจจะเป็นคำหยาบที่แร็พเพอร์หลายคนนำมาใช้เพื่อสื่อในแง่ต่างๆที่ไม่ใช่ความหยาบคายเสมอไป   แต่ในกรณีนี้  มันชัดซะยิ่งกว่าชัดว่า Snoop Dogg ใช้คำนี้เหยียดหยามเธอ ทั้งยังเหยียดหน้าตาด้วยการเปรียบเทียบกับสัตว์หน้าขน   แม้จะมีกองเชียร์จำนวนมากที่ออกอาการสะใจที่เขาบริภาษเธออย่างไร้ความนับถือใดๆ    แต่ก็มีคนที่ออกอาการยี้ว่า  นี่ไม่ใช่การแสดงออกของผู้มีอารยะ  สื่อหลายเจ้าตำหนิแร็พเพอร์รุ่นเก๋าว่านี่คือพฤติกรรมที่รุนแรงเกินรับได้


แม้แต่แม่ของเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกเช่นนี้และเรียกเขาไปตักเตือน Snoop Dogg จึงยืดอกออกมาขอโทษ Gayle King และยอมรับว่าทำเกินไปจริงๆ


" ผมโจมตีคุณออกสื่อด้วยมารยาทที่ต่ำทรามซึ่งมีต้นเหตุมาจากความรู้สึกโกรธเกรี้ยวจากคำถามของคุณ"
"ผมควรจัดการกับมันด้วยวิธีอื่น ผมได้รับการเลี้ยงดูมาให้เป็นคนที่ดีกว่านั้น ผมจึงอยากจะขอโทษคุณจากภาษาหยาบคายที่ผมใช้และเเหยียดหยามคุณด้วยคำที่แสดงถึงการไม่ให้เกียรติ"

Gayle King ผู้ที่เป็นเพื่อนสนิทของ Oprah เจ้าแม่สื่อได้ประกาศยอมรับคำขอโทษจากแร็พเพอร์ดัง และบอกว่าเธอเข้าใจความรู้สึกจากการสูญเสียสดๆร้อนๆ และเธอก็รู้สึกเสียใจเช่นกันที่คำพูดตัวเองสร้างความไม่สบายใจให้กับแฟนๆของ Kobe Bryant







Irene



ถูก stylist  ประจานเรื่องพฤติกรรม bully โดยไม่ออกชื่อ  แต่ออกมายืดอกรับผิดอย่างรวดเร็ว


วัฒนธรรมการขอโทษในวงการบันเทิงเกาหลีนั้นอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกไม่คุ้นเคย ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะต้องคอยขอโทษในหลายสิ่งหลายอย่าง ทุกการเคลื่อนไหวห้ามมีความผิดพลาดจากความคาดหวังของผู้คน มีแฟนก็ต้องขอโทษ ประกาศแต่งงานก็ต้องขอโทษ ที่ amazing สุดๆก็ตอนที่ Gong Hyojin และ Honey Lee ที่ได้รับเชิญไปพาร์ตี้ย์เพื่อแสดงความยินดีกับทีมนักแสดง Parasite ที่คว้ารางวัลOscar มาได้ ก็ยังต้องออกประกาศขอโทษเพราะชาวเน็ทกล่าวหาว่าพวกเธอบังอาจ"เสนอหน้า" ไปแตะต้องชูรางวัลกับเค้าทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการสร้างหนังเรื่องนี้


แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเล่าลือมาว่า คนดังในวงการนี้ก็มีพฤติกรรมแบบ " diva" ไม่ต่างจากในซีรีส์เกาหลี เมื่อได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจนทำให้อีโก้ก็อาจจะลอยสูงตามไปด้วย คุณอาจจะเคยผ่านหูผ่านตาฉากละครที่ไอดอลหรือนางเอกผู้มีภาพลักษณ์น่ารักแสนดีทำตัวเป็นนางร้ายกับสต๊าฟในเบื้องหลัง


แฟนๆอาจจะไม่คาดคิดมาก่อนว่า  เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับ Irene   ไอดอลสาวที่ได้รับเสียงชื่นชมว่ามีใบหน้าที่ perfect ที่สุด     ว่ากันว่า scandal ที่ชาวเกาหลีเรียกว่า Gapjil   หรือการใช้อำนาจคุกคามผู้ที่มีสถานะด้อยกว่าอาจจะสั่นคลอนอนาคตอาชีพในวงการของเธอก็เป็นได้


พวกเราต่างรู้ดีว่า K Pop ทุกวันนี้ไปไกลมาก หากคนในวงการมีเ scandal ขึ้นมา สื่อตะวันตกก็ร่วมประโคมข่าวกันอย่างถ้วนหน้าจนข่าวแพร่สะพัดไปทั่วโลก หลังจากที่บรรณาธิการ/สไตลิสต์คนหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยประสบการณ์ย่ำแย่ในการร่วมงานถ่ายทำภาพกับคนดังสาวที่ไม่ได้ระบุชื่อ

- เคยได้ยินจากคนอื่นๆมาแล้วว่า หากจะทำงานให้กับคนๆนี้ จะต้องเตรียมพร้อมจิตใจมาเป็นอย่างดี
- คนๆนี้แสดงตัวตนที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากที่ยิ้มแย้ม เปรียบเทียบว่าเป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ที่โง่มากพอจะเปิดเผยตัวตนให้คนที่พบกันเป็นครั้งแรกได้รับรู้
- พฤติกรรมเกรี้ยวกราดของคนๆนี้ทำให้พูดไม่ออก ทั้งๆที่ทำงานในวงการมาถึง 15 ปี หลงคิดไปว่าเจอคนมาแล้วทุกรูปแบบ ก็ยังไม่เคยเจออะไรหนักแบบนี้มาก่อน
- ต้องรู้สึกเหมือนตกนรกเป็นเวลายี่สิบนาที คำพูดที่เธอใช้นั้นรุนแรงจนน้ำตาหลั่งไหลให้อับอายคนรอบข้าง
- หลังจากพยายามหาคำตอบที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเจออะไรแบบนี้ ก็ได้เข้าไปหาเพื่อเจรจากัน และคาดหวังว่าจะได้รับคำขอโทษที่จริงใจ แต่อีกฝ่ายหายตัวไป
- ยืนยันว่าเป็นบรรณาธิการที่ยึดมั่นต่อข้อมูลข้อเท็จจริงและจะทำทุกอย่างเพื่อจัดการกับเรื่องนี้




มีรายงานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีพยานรู้เห็น และมีคนตั้งข้อสงสัยแล้วว่า บุคคลที่ถูกโจมตีน่าจะเป็น Irene เพราะมีคนสังเกตว่า สไตลิสต์ต้นเรื่องได้ลบ post ที่ชื่นชม Irene และสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Red Velvet ออกไป และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือแฮชแทก Psycho และ Monster ที่เป็นเพลงของ Red Velvet นั่นเอง

แต่แฟนๆของเธอก็ยังคัดค้านกับข้อกล่าวหานี้ เพราะความน่ารักใจดีของไอดอลสาวสวยได้สร้างความประทับใจให้กับพวกเค้ามาแล้ว แฟนๆ ยกเรื่องที่เธอได้มอบของขวัญให้กับ backup dancer และการปฏิบัติต่อแฟนๆด้วยความสุภาพให้เกียรติมาโต้แย้งว่า คนที่ถูกพาดพิงนั้นต้องไม่ใช่ Irene เป็นแน่

แต่ไม่ต้องปล่อยให้คนเดากันนาน  Irene ได้ประกาศขอโทษ และมันเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดทำให้ผู้คนยอมรับว่า  ไอดอลสาวร้ายที่ร่ำลือกันก็คือเธอ!
คำพูดของสไตลิสท์ไม่ได้ฟังเป็นคำกล่าวหาที่เลื่อนลอย  เพราะมีเพื่อนร่วมวงการอย่าง ช่างภาพ  บรรณาธิการนิตยสาร   คนที่อ้างตัวว่าอยู่วงในที่ได้สุมไฟให้ข่าวกระพือขึ้นมาอีก  แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนตื่นตัวคือคำบอกเล่าของสไตลิสท์ว่า ได้บันทึกเสียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานในการเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองไว้แล้ว

"ฉันขออภัยอย่างจริงใจที่ได้ทำร้ายสไตลิสท์ด้วยความโง่เขลาและคำพูดและพฤติกรรมที่ไม่ระมัดระวัง ฉันรู้สึกเสียใจและได้สำนึกว่า พฤติกรรมที่ไม่รู้จักโตของฉันได้ทำร้ายหลายต่อหลายคนที่เคยร่วมงานกัน"

"สิ่งที่ได้เกิดขึ้นทำให้ฉันมองย้อนกลับไปยังอดีต ฉันรู้สึกละอายใจต่อพฤติกรรมการแสดงออกและการใช้คำพูด ฉันได้ตระหนักถึงความสำคัญของเหล่าสต๊าฟขึ้นมาอีกครั้ง"

SM รับรองว่า จะพยายามเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ทบางคนได้ตั้งคำถามน่าคิดว่า จากนี้ไปหากต้องการให้ค่ายใหญ่ทรงอิทธิพลพาไอดอลชื่อดังมาขอโทษอย่างเป็นทางการนั้น ทีมงานที่ต้องดูแลไอดอลจำเป็นต้องคอยอัดเสียงการสนทนาไว้เพื่อเป็นหลักฐานเรื่อง power harassment หรือไม่ ?


ในเวลาต่อมา เมื่อได้รับการขอโทษอย่างเป็นทางการจาก Irene และผู้เดี่ยวข้อง สไตลิสท์ก็ได้เพิ่มเติมข้อมูลว่า มีทีมงานอีกสองคนที่ต้องรองรับอารมณ์ของ Irene และยืนยันเจตนารมณ์ว่า การเปิดเผยเรื่องราวนี้ไม่ได้มีเรื่องอื่นมาแอบแฝงนอกจากความยุติธรรม

แม้จะมีพนักงานของ SM ออกโรงปกป้อง Irene ว่าเหรียญย่อมมีสองด้าน  และเธอไม่เคยทำตัวร้ายกาจกับพวกเขา  รวมไปถึงแฟนๆที่เชื่อมั่นว่า "ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว" ไม่ได้สื่อถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอ  

แต่นี่คือสังคมที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์อันดีงามเป็นที่สุด ไม่ว่าเนื้อในจะเป็นคนแสนดีจริงๆหรือว่าต้องสร้างความประทับใจให้กับคนอื่น แต่อยู่ต่อหน้าสาธารณชน คนดังจะต้องวางตัวอย่างระมัดระวังตัวทุกการเคลื่อนไหว เพียงแค่ชักสีหน้านิดเดียวหรือไม่ยิ้มแย้มตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้ถูกเพ่งเล็ง การแสดงออกทุกอย่างจะต้องตั้งอยู่บนความสุภาพอ่อนน้อม และแสดงความเอื้ออารีต่อคนรอบข้าง เมื่อ Irene ออกมายอมรับข้อกล่าวหา ก็ยิ่งมีการขุดคุ้ยเรื่องราวของเธอตามมา หลายคนชี้ว่า ข่าวลือเรื่องพฤติกรรมย่ำแย่ต่างๆมี fake news ปะปนอยู่ด้วย เพราะเมื่อเห็นใครสักคนพลาดพลั้ง ก็ย่อมมีคนที่สนุกกับการซ้ำเติม หนำซ้ำยังมีแฟนบางกลุ่มที่เรียกร้องให้ Irene ลาออกจากวงเพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำ

อย่างไรก็ตาม  Lee Sung Soo ผู้บริหาร SM Entertainment ก็ได้ประกาศออกมาแล้วว่า Red Velvet จะหวนมาโลดแล่นในวงการอีกครั้ง



Xiao Zhan


ความคลั่งไคล้ของ fandom ที่บีบให้ซุปตาร์หนุ่มต้องออกมาขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก


ความโด่งดังระดับปรากฏการณ์จนเกิด fandom ขนาดใหญ่ไม่ได้นำมาวึ่งชื่อเสียงเงินทองให้กับหนุ่มหน้าในคนนี้เท่านั้น    แต่ความคลั่งไคล้ของแฟนคลับนั้นรุนแรงมาก  ไม่ได้อยู่ในระดับที่ทำให้สายการบินต้องดีเลย์ไฟลท์เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องขัดแย้งของแฟนๆจนเรื่องราวลุกลาม  แต่ scandal ของแฟนด้อมที่ดูจะหนักที่สุดของปีคือ  The 227 Incident  ที่ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ตัดสินใจ block เว็บ Archive of Our Own หรือ AO3 ที่เป็นแหล่งการเผยแพร่ผลงาน fanfiction 
แม้ว่าเรื่องความรักของเพศเดียวกันจะไม่เป็นที่ยอมรับอย่างเปิดเผยในสังคมจีน จะเห็นได้ชัดกระทั่งซีรีส์ปรมจารย์ลัทธิมารก็ต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพื่อลดทอนความวายจากต้นฉบับหนังสือลงไป     แต่กลุ่ม subculture ของผู้นิยม Boy Love ได้ขยายตัวไม่หยุดยั้ง  เพราะถึงจะไม่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่เรื่องรักร่วมเพศผ่านจอ  แต่ตลาดนิยายก็ยังได้รับความนิยมสร้างเม็ดเงินได้ไม่น้อย       เว็บ fanfiction ได้กลายมาแหล่งรวมของศิลปินและผู้ที่ชื่นชม ฺBoy Love    ศิลปินบางคนได้สร้างผลงานจากจินตนาการส่วนตัว  "ความจิ้น" ในตัวเซียวจ้านและหวังอี้ป๋อที่โด่งดังเป็นพลุแตกจากปรมจารย์ลัทธิมารได้กลายมาเป็น source ชั้นดีในการสร้างผลงาน  

แต่แฟนๆผู้หวงแหนไอดอลสุดที่รักไม่สามารถยอมรับ fanfiction ที่ hardcoreได้ อย่างผลงานที่สร้างตัวละครนางเอกโสเภณีหญิงข้ามเพศมาจากเซียวจ้าน โดยให้หวังอี้ป๋อเป็นหนุ่มที่มาตกหลุมรัก ถึงเซียวจ้านจะไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆต่อเรื่องนี้ แฟนๆก็ออกตัวแรงประนามการกระทำของศิลปินผู้สร้างผลงานดังกล่าว และรายงานหน่วยงานให้แบนผลงานนี้ไปจากความผิดเรื่องสื่อลามกอนาจาร ทำให้โลกออนไลน์เป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัย และถือว่าเป็นการดูหมิ่นไอดอลผู้โด่งดัง ไม่นานต่อมา เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นเว็บAO3 และ Lofter ทำให้ผู้ใช้บริการในจีนจำนวนหลายล้านคนไม่สามารถตักตวงความเพลิดเพลินใจจากแหล่ง fanfiction ทั้งสองได้อีก


 
ไม่ใช่ทุกคนจะรักในตัวเซียวจ้าน  ยิ่งโด่งดังมากเท่าไร จำนวนแอนตี้แฟนก็ขยายตัวขึ้นมาเช่นกัน    ความโกรธเกรี้ยวที่สูญเสียแหล่งความบันเทิงไปทำให้ผู้ใช้เว็บทั้งสองพุ่งความโกรธแทบจะทั้งหมดไปที่ไอดอลหนุ่ม   การสร้างสงครามออนไลน์กับแฟนคลับของเซียวจ้านไม่ได้ทำให้ความเคืองแค้นลดหายไป   พวกเขาเริ่มปลุกระดมให้ผู้คนร่วมกันแบนสินค้าต่างๆที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ และเลิกติดตามผลงานทุกอย่างของเขาได้ลามปลายเป็นเรื่องใหญ่โต    เซียวจ้านถูกโยนเผือกร้อนใส่จากข้อกล่าวหาว่า เขาขาดความรับผิดชอบในการตักเตือนแฟนๆไม่ให้ละเมิดสิทธิ์คนอื่น   ในขณะที่แฟนคลับที่ต่อต้านคอนเทนท์จากAO3 และ Lofter  ก็ได้ยืนกรานว่า   ถึงพวกเค้าจะไม่ได้รายงานเรื่องนี้ไป  ทางการก็ต้องกวาดล้างคอนเทนท์ที่ผิดกฎหมายอยู่ดี


ผลกระทบจากการประท้วงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่แค่รอให้เรื่องซาก็จะเบาบางลงในในเวลาอันสั้น  เซียวจ้านต้องพบกับการคุกคามจากคนในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ      หลังจากที่เก็บตัวเงียบมาสักระยะ    เขาได้แสดงความเสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ดี  แต่ไม่ได้ระบุตรงๆว่าเป็นดราม่าสงครามแฟนด้อมจนเว็บ fanfiction ถูกบล็อค    และยังมีผู้ที่ยังต่อต้านไม่รับคำขอโทษจากเขา     เซียวจ้านต้องพบกับการคุกคามจากคนในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ   หลายครั้งที่แฟนของเขาแสดงความหลงไหลคลั่งไคล้ที่ดูเกินพอดี  เซียวจ้านกลับต้องถูกดึงมารับผิดชอบกับการกระทำเหล่านั้น     แม้ว่าจะยังได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากความผูกใจเจ็บในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ

เมื่อขอโทษหลายครั้งแล้วก็ยังไม่เป็นผล เพื่อลดความขัดแย้งของแฟนด้อม สตูดิโอของเซียวจ้านจึงนำเสนอข้อควรปฏิบัติให้กับแฟนๆ คือ
-อย่าร่วมทุ่มโหวตหรือรวมตัวแสดงความเห็นบน social media ทีละจำนวนมากๆ หรือการจัดกิจกรรมขนาดใหญ่
-อย่าทะเลาะเบาะแว้งหรือยั่วยุกลุ่มที่อยู่ตรงข้าม
-ซื้อสินค้าต่างๆเพื่อสนับสนุนศิลปินตามฐานะทางการเงิน โดยเฉพาะแฟนรุ่นเยาว์ที่ห้ามใช้เงินเกินตัว
-จัดลำดับความสำคัญโดยให้ความสำคัญกับการทำงานและการเรียนก่อนที่จะมาทุ่มเทความสนใจในตัวศิลปิน

แต่จะห้ามกันได้หรือไม่ ? ความขัดแย้งของแฟนด้อมจะลดลงไปหรือเปล่า ? ในเมื่อฝ่ายหนึ่ง แค่ไอดอลหายใจก็ผิดซะแล้ว ส่วนอีกฝ่ายก็พร้อมรบเพื่อปกป้องศิลปินในดวงใจเช่นเดียวกัน







Ken Watabe


ขอโทษที่นอกใจภรรยาผู้แสนสวยและยังต้องขอโทษที่ใช้ห้องน้ำสาธารณะเป็นสถานที่บำบัดความใคร่กับกิ๊ก


นักแสดงตลกญี่ปุ่นชื่อดังที่เคยสร้างความอิจฉาให้กับผู้ชายมากมายต้องถึงคราวคอตก  เพราะถูกแทบลอยด์แฉด้วยข้อมูลคนวงในที่เคยใกล้ชิดแนบสนิทว่า  เขานอกใจ Nozomi Sasaki  ภรรยาสาวที่ได้รับคำยกย่องว่าสวยน่ารักสุดๆ   เธออายุน้อยกว่าเขาถึง 16 ปี   และยังเคยสร้างความหวั่นไหวให้กับคุณผู้ชายตอนที่โลดแล่นในวงการกราเวียร์ไอดอล

แทบลอยด์ชื่อดังจากญี่ปุ่นรายงานว่า  Ken Watabe  นอกใจภรรยามาตั้งแต่ยังเพิ่งคบหากัน  และไม่หยุดพฤติกรรมแม้ว่าจะแต่งงาน หรือตอนที่เธอตั้งครรภ์ และเลี้ยงดูลูกน้อยที่บ้าน  เขากลับนัดพบปะกับหญิงสาวหลายคนเพื่อเสพสุขจากเรือนร่างของพวกเธอ    กิ๊กคนหนึ่งได้เล่าว่า   หนึ่งในสถานที่ๆเขานัดเธอไปมี sex ด้วยคือห้องสุขาที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่อผู้พิการ/คนชรา/ผู้มีเด็ก  และเรื่องนี้ทำให้ชาวเน็ทญี่ปุ่นแสดงความขยะแขยง เพราะคิดว่ามันคือสิ่งที่ขาดสุขอนามัยอย่างสิ้นเชิง  หลายคนประนามว่านอกจากจะประพฤติผิดต่อลูกเมียแล้ว ยังขาดจิตสาธารณะ ไม่คำนึงถึงผู้ที่มาใช้ห้องสุขาต่อ

แม้ว่า Nozomi  จะต้องมาแบกรับความอับอายไปด้วย เธอก็ยังไม่หย่ากับสามี  เรื่องนี้ทำให้สื่อญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า เหตุใดเธอจึงยังใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายนอกใจเธอมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่อยู่ด้วยกัน   สื่อบางเจ้าจิกกัดหนักมาก ถึงกับสันนิษฐานว่า Ken Watabe เป็นโรคหลงตัวเองที่ยังรั้งภรรยาสาวสวยไว้ได้ด้วยการสะกดจิต!

สังคมญี่ปุ่นอาจจะมีชื่อเสียงเรื่องการแสดงออกที่เคารพนบน้อมและให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของคนอื่น แต่ถ้าพูดถึงวงการบันเทิง หากมีชู้แล้วถูกจับได้ คำว่าให้เกียรติอาจจะถูกลดทอนลงไป เหลือไว้แต่การซ้ำเติม จากการแถลงการณ์ขอโทษและยอมรับผิดทุกอย่างของ Ken Watabe เขาระบุว่าพฤติกรรมมักมากของตัวเองไร้ศีลธรรม แต่ก็ไม่ได้เรียกความสงสารจากสื่อ บางคนถึงกับถามเขาว่า ยังจะกล้าใช้ห้องน้ำสาธารณะอยู่รึเปล่า ซึ่งเจ้าตัวก็ได้แต่ตอบเสียงแห้งๆว่า ไม่คู่ควรที่จะใช้มันแล้ว

( เชื่อรึเปล่าคะ ?)


Masahiro Higashide 


ขอโทษที่นอกใจ  แต่ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเลือกภรรยาหรือกิ๊กนางเอกสาวเอ๊าะ


พระเอกหนุ่มที่เคยขึ้นชื่อว่ามีคุณสมบัติของสามีในฝัน    เขาหล่อเหลา ตัวสูงใหญ่  และมีนิสัยสุภาพอ่อนโยนจนคนรอบข้างชื่นชม   แต่อนิจจา   เขาใช้นิสัยแสนดีเหล่านั้นเผื่อแผ่ไปยังผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่แม่ของลูก    ทั้งๆที่มีภาพของครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรัก  แต่ก็ยังไม่สามารถรักเดียวใจเดียว และนำไปสู่ชีวิตแต่งงานที่ล่มสลายในที่สุด
Anne Watanabe  ลูกสาว Ken Watanabe นักแสดง Hollywood ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะนางแบบ high fashion ที่ร่วมงานกับหลายแบรนด์ดัง  ที่บ้านเกิด เธอยังเป็นนักแสดงที่โด่งดังจากหลากหลายผลงาน   โดยเฉพาะ Gochisosan   ซีรีส์พีเรียดเรตติ้งสูงที่ได้ประชันบทบาทคู่กับ  Masahiro Higashide  พวกเค้าก็กลายมาเป็นคู่ขวัญที่แฟนๆ คอยส่งกำลังใจเชียร์ ในที่สุดก็ประกาศแต่งงานท่ามกลางความยินดี    

แต่หลังจากที่สื่อเปิดโปงเรื่องชู้รักหน้าใสของMasahiro ออกมา ผู้คนก็ไม่สามารถกลับไปมองภาพเดิมของเขาได้อีกเลย



Erika Karata สาวสวยหน้าแบ๊วที่เคยแสดงคู่กันกับ Masahiro ในหนัง Sleeping or Waking ได้ก้าวสู่แพทเทิร์นเดิมๆของมือที่สาม ในขณะที่ฝ่ายชายสามารถปิดความสัมพันธ์ผิดศีลธรรมไว้ได้นานถึงสามปีโดยที่ไม่ทำให้เอะใจสงสัยเท่าใดนัก เธอได้ใช้พื้นที่บน social media แสดงตัวตนแบบอดทนเก็บเป็นความลับไม่อยู่ แต่เมื่อถูกจับได้ กลับไล่ลบภาพที่สื่อถึงแฟนหนุ่มที่เป็นสามีคนอื่นไปจนหมด (ซึ่งยังไม่สามารถสู้ความเร็วของนักแคปได้) จากที่เธอโด่งดังด้วยภาพของหญิงสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ก็ถูกตราหน้าว่าแย่งสามีคนอื่นทั้งๆที่อายุเพิ่งจะยี่สิบต้นๆเท่านั้น

ปรบมือข้างเดียวจะดังได้เช่นไร   คนทั้งสองได้รับผลกระทบรุนแรงจากการนอกใจ  งานที่เคยรุ่งโรจน์ก็ดับไปเพราะชาวญี่ปุ่นไม่สามารถรับการทรยศหักหลังที่อื้อฉาวขนาดนี้ได้     แต่ในสังคมนี้  ก็ยังหลงเหลือโอกาสให้ฝ่ายชายได้ไปต่อ  แม้ว่าเขาจะสูญเสียสัญญาโฆษณาและเรตติ้งละครที่ตกต่ำลง  แต่อย่างน้อยก็ยังมีผลงานที่เผยแพร่ออกมาเรื่อยๆในปี 2020   ส่วนฝ่าย Erika    แม้ว่าจะออกมาขอโทษแล้ว  แต่ผู้สร้างได้ตัดสินใจตัดต่อภาพของเธอออกจากซีรีส์ทั้งหมด   อนาคตในวงการยังไม่แน่นอน     หากเธอมุ่งมั่นอยากกวนคืนสู่วงการอีกครั้ง  สิ่งที่รออยู่คือกำแพงอคติจากสังคมอย่างแน่นอน

Anne แตกต่างไปจากภาพผู้หญิงหัวอ่อนที่ก้มหน้าก้มตายอมรับเรื่องการ "ซุกซนนอกบ้าน" ของสามี สื่อรายงานว่า ที่จริงแล้วเธอรู้สึกไม่สบายใจเรื่องความใกล้ชิดของสามีและนางเอกรุ่นน้องมาตลอด ยิ่งตอนที่เธอให้สัมภาษณ์เรื่องเขาด้วยคำพูดที่อ่อนหวานและการเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนม เธอเคยขอร้องให้สามีเว้นระยะห่างจากเด็กคนนี้ แต่ก็จับได้ว่าพวกเขายังแอบส่งข้อความนักพบกันตอนดึก จากที่เคยอ้างว่าภรรยาคิดมากไปเอง เขาก็รับปากเธอว่าจะไม่ไปเจอกับ Erika อีก จนสื่อเปิดโปงเรื่องนี้ในเวลาไม่นานต่อมา ( และจริงๆเราก็แอบคิดเหมือนกันว่า คนที่ให้ข่าวคงไม่ใช่คนอื่นไกล  แต่เป็น Anne นั่นเอง)

แม้ว่าตัว  Masahiro จะยืนยันว่า พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะขอคืนดีเพื่อได้ชีวิตครอบครัวกับมา  แต่แยกกันอยู่ไม่กี่เดือน การหย่าร้างก็เป็นอันสิ้นสุด   ส่วนพระเอกหนุ่มจะเข้าถึงสิทธิ์เลี้ยงดูมากแค่ไหน  เรายังไม่ทราบถึงความชัดเจนตรงนี้

จะว่าไป มันคงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Anne จะเด็ดขาดกับการเดินเรื่องหย่า เพราะแม้แต่คำถามจากนักข่าวที่ว่า "จะเลืกใครระหว่างกิ๊กสาวกับภรรยาที่เป็นแม่ของลูกทั้งสาม" แทนที่จะตอบอบ่างถนอมน้ำใจ Masahiro กลับนิ่งอึ้งไปเนิ่นนาน และแม้ว่าจะใช้เวลากลั่นกรองคำพูดแล้ว เขายังจะเลือกตอบว่า " ไม่อยากทำร้ายจิตใจภรรยา จึงขอไม่ตอบคำถามนี้"

แล้วคำตอบใดล่ะที่จะทำร้ายจิตใจภรรยาได้มากที่สุด ? ให้เลือกมาชัดๆ ก็ยังทำไม่ได้ ก็ได้แต่รอเซ็นใบหย่าให้มีอิสระไม่ต้องคอยนอกใจกันอีกต่อไป เพราะแม้ว่า Masahiro ได้ยืนยันว่าตัดความสัมพันธ์กับ Erika ไปแล้ว แต่การกระทำพิสูจน์ความจริงได้มากกว่าคำพูด เมื่อเขาแสดงออกว่าเลือกไม่ได้ระหว่างภรรยาและกิ๊กสาวใส มันก็ทำให้มีคนคลางแคลงใจว่า ไม่แน่ คนที่นอกใจแบบหลบซ่อนๆอาจจะรอให้เรื่องซาอยู่ก็เป็นได้

ชีวิตแต่งงานที่ต้องปิดฉากลงไปได้พรากภาพลักษณ์สามีผู้แสนดีไปจาก Masahiro นอกจากจะมีชู้ สื่อก็ยังขุดคุ้ยถึงการปฏิบัติต่อภรรยาไม่ต่างจากสามีจอมเผด็จการในสังคมชายเป็นใหญ่ หาใช่ปะป๊าใจดีเหมือนกับที่หลายคนมอง สื่อรายงานว่า ภาระการเลี้ยงดูน้องแฝดตกเป็นของ Anne เพียงผู้เดียวโดยที่เขาไม่สนใจช่วยเหลือ เขาคาดหวังให้ Anne ที่มีลูกคนที่สามทำหน้าที่ดูแลบ้านเรือนให้เรียบร้อย รวมถึงการทำอาหารไว้พร้อมตอนที่กลับถึงบ้าน หากเขาพบว่าเธอยังไม่ได้เสิร์ฟอาหารขึ้นโต๊ะอย่างเรียบร้อย ก็จะเกิดอาการฉุนเฉียวและหาเรื่องออกไปข้างนอกบ้าน หรือหากเตรียมอาหารไว้ก่อนจะถึงบ้านจนอาหารเริ่มเย็นก็จะโมโหอีก ฟังดูแล้วไม่ได้ใกล้เคียงกับความแสนดีที่ถูกอวยเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม ผู้ชมอาจจะยีงรู้สึกไม่ดีในการติดตามผลงานของเขาในบทพระเอก (โดยเฉพาะบทรักเดียวใจเดียว รักครอบครัว) แต่อนาคตเรื่องการงานก็ยังไม่ถึงกับถูกปิดตาย





The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE