เครื่องสำอาง สกินแคร์เต็มตู้ ต้องรู้วิธีเก็บรักษา l รวมเรื่องควรรู้ เช็ค-เก็บยังไงให้ใช้ได้ยาวๆ แบบมีคุณภาพ

107 23
เสียเงินซื้อสกินแคร์ เมคอัพทั้งที "ต้องรู้อายุการใช้งาน และวิธีเก็บรักษา" เพราะต่อให้เป็นสายตุนหาโปรโมชั่นเก่งแค่ไหน แต่ถ้าซื้อมาแล้วหมดอายุใช้ไม่ทัน คำนวนการใช้ไม่ดี เขาก็ไม่เรียกว่าคุ้ม แต่เรียกว่าขาดทุนมากกว่านะจ๊ะ

Jeban x L’Oreal Group x อย. ชวนทุกคนมารู้จักทั้งวิธีการเช็คเครื่องสำอาง สกินแคร์เมื่อซื้อ รวมไปถึงเมื่อซื้อมาแล้วจะต้องเก็บรักษายังไงให้ของรักของหวงของเราใช้ได้นานตามอายุที่เค้าบอกไว้ ผ่านทาง Live @Group รีวิวเครื่องสำอางแพง by Jeban วันนี้เราเลยขอหยิบมาเล่าให้ฟังกัน :)

ก่อนใช้เครื่องสำอาง สกินแคร์ ควรเช็คอะไรบ้าง?


ผลิตเมื่อไหร่

ตามกฎหมายพรบ.เครื่องสำอาง. ทุกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะต้องแสดงเดือนปีที่ผลิตบนผลิตภัณฑ์ (Manufactured Date) แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงวันหมดอายุหากผลิตภัณฑ์นั้นมีอายุการใช้งานมากกว่า 30 เดือน ดังนั้นหากไปช้อปที่หน้าร้านหรือเคาน์เตอร์ อย่าลืมมองหาวันผลิตเมื่อดูอายุการใช้งานด้วย

  • ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางส่วนใหญ่มีอายุ 3 ปีนับจากเดือนปีผลิต (เป็นอายุก่อนเปิดใช้) ซึ่งจะมีอายุแน่นอนของอายุการใช้งานแค่ไหน ก็ต้องขึ้นอยู่กับมาตรฐานกระบวนการทดสอบของแต่ละบริษัท และแบรนด์นั้นๆ ด้วย หากอยากใช้อย่างมั่นใจ ควรเลือกแบรนด์ที่มีน่าเชื่อถือ

    ดังนั้นหากอยากคำนวนดูวันหมดอายุจะต้อง ดูเดือนปีที่ผลิต + 3 ปี = วันหมดอายุ เช่น ผลิต 11/2020 จะหมดอายุ 11/2023 ซึ่งเป็นอายุก่อนเราเปิดใช้งาน.. ไม่ได้หมายความว่าเราเปิดใช้ครีมนั้นๆ ได้ถึง 3 ปีนะ

อายุหลังเปิดใช้

รู้อายุการใช้งานสำหรับเครื่องสำอางที่ยังไม่เปิดใช้ไปแล้ว ก็จะต้องรู้ว่าเครื่องสำอางที่เรากำลังจะใช้มีอายุการใช้งานที่แท้จริงเท่าไหร่ด้วย

อายุผลิตภัณฑ์หลังเปิดใช้ขึ้นอยู่กับชนิด และสูตรของแต่ละผลิตภัณฑ์ และขึ้นกับวิธีการเก็บที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เสื่อมสภาพด้วย  


โดยรวมแล้วควรใช้ผลิตภัณฑ์ให้หมดตามเวลาที่แนะนำสำหรับแต่ละชนิด หรือจะยึดจากอายุการใช้งานที่ระบุด้านข้าง หรือด้านหลังผลิตภัณฑ์ที่เราใช้อยู่เลยก็ได้ (ให้สังเกตรูปกระปุกครีมที่เปิด) เพราะเป็นอายุการใช้งานหลังเปิดใช้ที่ทางแบรนด์คำนวนมาโดยตรง

ทำไมเครื่องสำอางบางชิ้นถึงมี "วันหมดอายุ" แสดงอยู่?

ในบางครั้งเรามักจะเจอกับเครื่องสำอางที่มีวันหมดอายุแสดงอยู่บนผลิตภัณฑ์ด้วย นั่นก็เป็นเพราะนั้นมีอายุน้อยกว่า 3 ปี จึงจะมีการระบุวันหมดอายุ (Expiry Date) เพิ่มเติมบนผลิตภัณฑ์


 ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีอายุน้อยกว่าส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบางตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมบางชนิด หรือ มีส่วนผสมวิตามินบางตัว เช่นวิตามินซี เป็นต้น

เครื่องสำอางที่ผลิตมานานแล้ว และใกล้หมดอายุยังใช้ได้มั้ย?

เคยเป็นมั้ย? ช้อปออนไลน์ทีไร แบรนด์ดันส่งของที่ผลิตมานานแล้วมาให้ ทำเอาเราเซ็งเพราะกังวลว่าคุณภาพมันจะดีไม่เพียงพอเท่ากับของที่ผลิตใหม่ๆ

แต่รู้ไหมว่าจริงๆ ถ้าแบรนด์ที่ได้มาตรฐานทั้งจากการกระบวนการผลิตที่มีการทดสอบอายุเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเราสามารถจัดเก็บเครื่องสำอาง และสกินแคร์เหล่านั้นได้เหมาะสม ถึงแม้จะมีอายุการผลิตมานานแล้ว และใกล้หมดอายุก็ยังจะมีคุณภาพเทียบกับเครื่องสำอางที่ผลิตมาใหม่ เพียงแต่ว่าเราต้องใช้ให้ทันก่อนที่เค้าจะหมดอายุเท่านั้นเอง

ใช้เครื่องสำอาง / สกินแคร์ยังไงให้คงคุณภาพได้ตามอายุ

ใครที่เห็นโปรโมชั่นเป็นไม่ได้ต้องพุ่งเข้าใส่ แต่ของก่อนหน้าที่ซื้อมาไว้ ก็ยังใช้ไม่หมด?  .. แนะนำว่าให้ทำตามนี้เลยค่าาา เพราะหลายคนอาจจะสงสัยว่ากระปุก หรือขวดสกินแคร์เนี่ยก็ดูมิดชิดทำไมถึงต้องให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาอีก?


ที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาเครื่องสำอางต่างๆ ให้ถูกวิธีก็เพื่อจะให้เครื่องสำอางไม่เสื่อมสภาพก่อนอายุใช้งานจริงของผลิตภัณฑ์ และป้องกันไม่ให้ผิวต้องเจอกับเชื้อโรคแบคทีเรียจากการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง หรือได้รับผลเสียจากเครื่องสำอางที่เสื่อมสภาพด้วย 

ดังนั้นใครอยากใช้สกินแคร์ เมคอัพให้คุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์ ก็ควรเก็บรักษาเป็นคนรักความสะอาดตามนี้เลยยย~

  • เก็บสกินแคร์ / เมคอัพ ไว้ในอุณหภูมิห้องดีที่สุด! (ประมาณ 25-30 C) 
    อุณหภูมิห้องคือที่ที่เก็บรักษาสกินแคร์ และเมคอัพของเราได้ดีที่สุด เพราะไม่มีการผันผวนของอุณหภูมิมาก แต่ต้องเก็บในที่แห้ง และไม่โดนแสงแดดนะ ดังนั้นจึงไม่ควรวางไว้ในรถ หรือหลังตู้เย็น

  • เมื่อจะใช้ค่อยเปิดฝา ใช้เสร็จแล้วอย่าลืมปิดให้แน่น
    ความสะอาดต้องยืนหนึ่ง ใครเปิดใช้สกินแคร์แล้วปิดฝาไม่แน่น ขอตีมือ! เพราะเมื่อปิดฝาไม่แน่นพออาจจะทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์สัมผัสกับอากาศ ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์แห้ง หรือมีฝุ่น แบคทีเรีย เชื้อโรคไปสัมผัสกับเครื่องสำอาง ทำให้คุณสมบัติอาจจะเปลี่ยนแปลง และมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วย รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาใหม่และยังไม่ใช้ก็ไม่ควรเปิดกระปุกเพื่อขึ้นมาเชยชมเฉยๆ นะจ๊ะ

  • ล้างมือทุกครั้งก่อนใช้ 
    ล้างมือทุกครั้งก่อนทาครีม ก่อนจับหน้า หรือจับเหล่าสกินแคร์เมคอัพ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกที่เราไปสัมผัสมาไม่ให้ลงไปปนเปื้อนกับเครื่องสำอาง

  • ไม่สัมผัสกับเนื้อครีมจากกระปุกโดยตรง
    สกินแคร์ หรือเครื่องสำอางที่มาในรูปแบบกระปุก หรือแพ็คเกจแบบเปิดให้เห็นเนื้อโดยตรง ควรใช้อุปกรณ์ช่วยสัมผัสแทนมือ เช่นใช้ไม้พายตักครีม หรือใช้พัฟหากเป็นพวกครีมบลัช เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกลงไปในเครื่องสำอาง

  • อย่าลืมทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้าบ่อยๆ
    เช่นพวกแปรงแต่งหน้า พัฟ ฟองน้ำแต่งหน้าที่สัมผัสกับเครื่องสำอางอยู่บ่อยๆ ควรซักด้วยสบู่ หรือแชมพูอ่อนๆ และตากลมให้แห้งก่อนนำกลับมาใช้ใหม่

  • รักเพื่อน อย่าให้เพื่อนใช้สกินแคร์เมคอัพด้วยกัน
    ใครยังขอยืมลิปเพื่อนมาทา หรือยังใช้สกินแคร์เมคอัพด้วยกันกับคนอื่นต้องหยุดก่อนนน!! เพราะเราไม่รู้ว่าทั้งตัวเรา และคนอื่นไปสัมผัสเจอสิ่งสกปรกอะไรมาบ้าง ดังนั้นเพื่อลดโอกาสการมีสิ่งสกปรกปนเปื้อนในเครื่องสำอาง ไม่ควรใช้ร่วมกับใคร

เครื่องสำอางประเภทต่างๆ ต้องดูแลต่างกันมั้ย?

นอกจากจะเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงจากแสงแดดแล้ว เครื่องสำอางบางประเภทก็มีวิธีการดูแลรักษาเพิ่มเติมที่แตกต่างกัน


  • เครื่องสำอางประเภทเนื้อแป้ง และผง
    เช่น แป้งฝุ่น แป้งอัดแข็ง บลัชออน อายแชโดว์ ควรเก็บให้ห่างจากความชื้น ดังนั้นจึงไม่ควรเก็บไว้ในห้องน้ำ เพราะเป็นที่ที่มีความชื้นมาก ซึ่งจะทำให้เครื่องสำอางดูดความชื้น และเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น

  • มาสคาร่า อายไลเนอร์ และลิปแบบแท่งจิ้มจุ่ม
    นอกจากพวกมาสคาร่าจะมีอายุเพียง 3-6 เดือนหลังเปิดใช้ได้ ยังต้องหลีกเลี่ยงการดึงเข้า-ออกบ่อยๆ เพราะจะยิ่งเพิ่มอากาศเข้าไปข้างใน ดังนั้นมาสคาร่าที่ใช้อยู่ของใครแห้ง แล้วพยายามใช้วิธีดึงเข้าออกต้องหยุดทำได้แล้วจ้าา และอย่าล้างแปรงมาสคาร่าเด็ดขาด เพราะจะทำลายสารกันเสีย และนำแบคทีเรียเข้าไปในขวด

    ส่วนลิปสติกที่มาในแพ็คเกจแบบจิ้มจุ่มเช่นเดียวกัน ก็ไม่ควรใช้วิธีการดึงเข้าดึงออกบ่อยๆ 

  • ดินสอเขียนขอบปาก ตา หรือผลิตภัณฑ์แบบแท่ง
    ก่อนใช้ควรฝนก่อนทุกครั้ง เพื่อกำจัดเนื้อผลิตภัณฑ์เก่าออกซึ่งอาจจะมีแบคทีเรีย หรือสิ่งปนเปื้อนออกไป ก่อนจะนำมาใช้วาดบนริมฝีปาก หรือขอบตา

  • ลิปสติก หรือลิปกลอส 
    เหล่าลิปสติกทั้งหลายควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเก็บไว้ในอุณหภูมิที่ร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะอาจจะทำให้ลิปสติกมีเหงื่อขึ้น หรือการ Sweating ที่จะมีน้ำมันเกาะบนแท่งเป็นจุดๆ เหมือนเวลาคนเหงื่อออก และความร้อนสามารถเร่งการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำให้ผลิตภัณฑ์เหม็นหืนได้ง่าย ส่วนอุณหภูมิที่เย็นเกินไป ก็มีโอกาสทำให้แว๊กซ์ตกผลึก ความแข็ง และความเปราะของแท่งเปลี่ยนแปลง

เก็บครีมในตู้เย็น หรือวางครีมไว้ในห้องน้ำได้ไหม?

มีหลายกระแสเค้าว่ากันว่า "เก็บเครื่องสำอางในตู้เย็นดีมั้ย?" เพราะครีมจะได้ไม่ร้อน แถมหยิบออกมาใช้แต่ละครั้งก็เย็นจนฟินด้วย หรือจะสายสะดวก "เก็บสกินแคร์ไว้ในห้องน้ำ" อาบน้ำเสร็จก็ตบๆ ทาๆ ได้ทันที เพราะแหมรูขุมขนกำลังเปิดรับสกินแคร์เลยล่ะ แต่รู้ไหมว่าพฤติกรรมเหล่านี้ของเรา.. กำลังจะทำให้สกินแคร์เสื่อมสภาพโดยไม่รู้ตัว! ฮือออ~

  • ไม่ควรเก็บครีมในตู้เย็น
    เพราะส่วนผสมบางตัวในครีมสามารถเสื่อมสภาพได้หากเก็บไว้ในตู้เย็น และที่สำคัญภายในตู้เย็นเมื่อเรานำไปแช่รวมกับอาหาร.. มีโอกาสปกเปื้อนเชื้อโรคสูงมากก ทั้งจุลินทรีย์หรือแบคทีเรีย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่สัมผัสกับจุดอ่อนบางอย่างดวงตาต้องระวังพิเศษ ดังนั้นเลี่ยงได้เลี่ยง อุณหภูมิห้องดีที่สุด

  • ไม่ควรเก็บครีมในห้องน้ำ
    เช่นเดียวกับตู้เย็น ห้องน้ำเองก็เป็นบริเวณที่มีเชื้อโรค และแบคทีเรียจำนวนมาก ถ้าปิดฝาสกินแคร์ที่เราใช้ไม่สนิท ก็เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรค เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งมั่นใจความสะอาดที่มองเห็นแค่ตาเปล่า

จะมั่นใจได้ยังไงว่าเครื่องสำอางที่เราใช้ มีคุณภาพมากพอ?

ก็แหม.. เพราะเครื่องสำอาง สกินแคร์ใช้โดยตรงกับผิวเรา!! จะเลือกใช้ทั้งที จะสุ่มสี่สุ่มห้าใช้แบรนด์อะไรที่ไม่รู้จัก และไม่มั่นใจก็คงไม่ได้.. เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ทำแบรนด์สกินแคร์ เครื่องสำอางกันได้แล้ว แต่ไม่ใช่ใครที่จะทำแล้วเรารู้สึกมั่นใจในคุณภาพ และความปลอดภัยได้ใช่มั้ยล่ะ?

วันนี้ขอยกตัวอย่างกลุ่มแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจจากคนทั่วโลก นั่นคือ L’Oreal Group เป็นกลุ่มแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จากหลายๆ แบรนด์ที่เราคุ้นเคยกันดี และมีจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก 

สำหรับมาตราฐานการการผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง และสกินแคร์ของทางลอรีอัล กรุ๊ปทุกผลิตภัณฑ์ของเค้าจะมีการทดสอบคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยโดยใช้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลกกว่า 100 ขั้นตอน!!  โอ้โห..กว่าจะถึงมือเราไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะถ้ามีจุดใดไม่ผ่านการทดสอบเพียงจุดเดียว จะต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงพัฒนาใหม่ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว

จะมั่นใจได้ยังไงว่าเครื่องสำอางที่ใช้ จะมีอายุตามที่บอก?


เครื่องสำอางในเครือของ L’Oreal Group จะมีการทดสอบ Stability Testing หรือเรียกว่าการทดสอบความคงตัวของสูตร ซึ่งเป็นการทดสอบที่สำคัญมากในการทดสอบคุณภาพเครื่องสำอาง เพราะเป็นกระบวนการพัฒนา และทดสอบคุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์ว่าจะสามารถคงคุณภาพเดิมตั้งแต่ต้นให้อยู่ตลอดอายุการใช้งานตามที่ได้บอกเอาไว้ โดยจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพ ทางคุณสมบัติทางเคมี รวมไปถึงการปนเปื้อนต่างๆ เช่น สี กลิ่น เนื้อผลิตภัณฑ์ที่แยกชั้น เป็นต้น เพื่อให้เราสามารถได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และความปลอดภัย
นอกจากนี้ยังมีการทดสอบทั้งความเข้ากันของสูตร กับบรรจุภัณฑ์ (ไม่ใช่ครีมไหน ใส่แพ็คเกจไหนก็ได้นะ) / การตรวจสอบคุณภาพ และลักษณะของผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐานที่กำหนด / การประเมินอายุการใช้งานในระหว่างการผลิต เป็นต้น ซึ่งการทดสอบเหล่านี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยจากการทดสอบกว่า 100 ครั้งของ ผลิตภัณฑ์ในเครือลอรีอัล กรุ๊ป

และจากการทดสอบ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ในเครือลอรีอัล กรุ๊ป จะมีอายุอย่างน้อยถึง 3 ปี (อายุก่อนการเปิดใช้งาน) ซึ่งทางแบรนด์กล้าการันตีเลยว่าเครื่องสำอาง และสกินแคร์ของเค้าจะมีคุณภาพตลอดอายุผลิตภัณฑ์จากกระบวนการทดสอบเหล่านี้

รู้แบบนี้แล้วแนะนำให้ทุกคนรีบหันไปหยิบสกินแคร์ เครื่องสำอางทั้งที่ใช้อยู่ หรือเก็บตุนเอาไว้มาพลิกดูวันผลิต คำนวนวันหมดอายุ และเก็บรักษาในที่ที่เหมาะสมอย่างที่เราแนะนำกันเลยค่าา

เพราะบอกเลยว่า.. หลังจากนี้ก่อนจะซื้อ และก่อนจะใช้สกินแคร์ หรือเครื่องสำอางอะไรต้องเช็คให้ดี และเก็บรักษาเครื่องสำอางให้คุณภาพของเค้าาสามารถอยู่ได้นานตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมาเสียดาย และเสียใจภายหลังนะจ๊ะ :)

สนับสนุนข้อมูลโดย

  • ภญ.นฤภา วงศ์ปิยะรัตนกุล  ที่ปรึกษาสำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (พี่เจ็ง)

  • คุณแคทรียา ศรเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายทะเบียนและกฎหมายเครื่องสำอาง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด (ผู้ดูแลด้านวิทยาศาสตร์และ technical - คุณแคท)