ต่างกันยังไง ? อิทเกิร์ล ยุค 2000s VS 2020

56 8

2000s


 - อิทเกิร์ลทุกคนจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์แบบพับที่เป็น gadget สุดcool


อิทเกิร์ลจะสร้างจุดเด่นให้โทรศัพท์สุดล้ำของพวกเธอด้วยการประดับ glitter


กล้องหน้าคืออะไร ไม่เข้าใจ   selfie เค้าถ่ายกันแบบนี้

ลุคที่เห็นบ่อยๆากสาวคนดังผู้นำเทรนด์ก็คือ มือหนึ่งถือโทรศัพท์แบบพับได้   อีกมือหนีบน้องหมาตัวจิ๋ว



พล็อทเพื่อนทางจดหมายยุค 2000s ใน A Cinderella Story ที่พระนางติดต่อกันผ่านการส่งข้อความโทรศัพท์แบบพับโดยไม่รู้จักหน้าค่าตา อาการ LOL ผ่านตัวอักษรที่แสนจะ classic

หรือจะเป็นฉากนางซินเปิดตัวใน partyด้วยชุดเจ้าหญิง

แล้วนางก็ผูกโทรศัพท์ติดข้อเท้า     ตอนที่หมดเวลาจนต้องรีบหนีกลับ  แทนที่จะทำรองเท้าแก้วหล่นไว้ ก็กลายเป็นทำโทรศัพท์ตกให้หนุ่มหล่อเก็บไปตามหาแทน

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Sidekick ของ  T-Mobile สร้างความฮือฮา  คุณสามารถเลื่อนจอมาเล่นเกมและพิมพ์ส่งข้อความได้อย่างเก๋ไก๋    บริษัทมือถือต้องทุ่มเงินเพื่อจองคิวอิทเกิร์ลมาร่วมงานเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ    

สิ่งที่ทำให้โทรศัพท์แบบพับเริ่มสูญหายไปคือวัฒนธรรม Black Berry ที่มาแรงด้วยบริการ BBM (BlackBerry Messenger) ที่ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถส่งข้อความถึงกันได้ฟรี และกลายมาเป็น gadget ที่มาแรงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอิทเกิร์ลคนไหนก็ต้องครอบครองโทรศัพท์แบรนด์นี้ เรียกได้ว่าติดมากจนแทบจะกลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่ง

แต่มันก็เป็นเวลาเพียงไม่นานก่อนที่ smart phone จะกำเนิดขึ้นมาในโลก...






2020

-  ต้อง Phone case สั่งทำสิจ๊ะ


อิทเกิร์ลแห่งยุค digital ที่แท้จริงย่อมใช้ชีวิตกับการออนไลน์แทบตลอดเวลา  phone case ที่ดูสวยฟรุ้งฟริ้งอาจจะถูกเบียดแซงแย่งตำแหน่งไป และมี phone case ที่ชาร์จแบตได้มาแทนที่  ไม่ว่าจะโพรโมทสินค้า  ด่า hater นัดเจอแกงค์เพื่อนสาว  อัพเดท selfie สวยๆ  พวกเธอก็ไม่ต้องเซ็งกับเรื่องแบตหมดอีกต่อไป
ส่วนใหญ่ก็จะใช้ iPhone กันทั้งนั้น  ต่างจากแต่ก่อนที่คนดังจะใช้โทรศัพท์กันหลากหลาย   แต่เดี๋ยวนี้ที่แบรนด์อื่นต้องฟาดฟันดึงยอดขายจาก iPhone   และถึงจะจ้างคนดังมาเป็น spokeperson   แต่โป๊ะใช้ iPhone ให้ชาวบ้านล้อมาหลายคนแล้วค่ะ
อิทเกิร์ลที่ Apple ดึงตัวมาร่วมโพรโมทโทรศัพท์ก็ต้องระดับท็อป มี followers มหาศาลอย่าง Selena Gomez    (ปัจจุบันยังติดอันดับ top 5 ของคนดังที่มีผู้ติดตามมากที่สุดอยุ่)    โทรศัพท์ไม่ได้มีไว้เพื่อติดต่อสื่อสารทางเสียงและข้อความอีกต่อไป    เพราะ social media ก้าวมาเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับผู้คนมากมาย   แฟนๆเข้าถึงคนดังได้ง่ายดายเพียงแค่ถูจอหนึ่งปื้ด!       ถ่าย music video ยังได้! 


2000s



- อิทเกิร์ลแข่งกันผอม!

เป็นยุคที่บรรดาแทบลอยด์สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการพาดหัวภาพอิทเกิร์ลหุ่นผอมบาง   ถ้าคุณคิดว่าเป็นความผอมเหมือนกับ Kendall Jenner หรือ Gigi Hadid นั้นผิดถนัดค่ะ   เพราะพวกเธอผอมจนแก้มตอบ กระดูกปูดโปนทุกมุม  ส่วนน่องก็เล็กพอๆกับแขน  

อิทเกิร์ลส่วนใหญ่จะตอบคำถามสื่อว่า  ผอมตามธรรมชาติบ้าง  ทำงานหามรุ่งหามค่ำจนผอมบ้าง  ระบบเผาผลาญดีเยี่ยมบ้าง   แต่บางคนก็ออกมายอมรับในภายหลังว่า  มีความกดดันมากจนต้องเลือกวิธีผิดๆ เพื่อลดหุ่นให้ผอมบางไม่แพ้กับเซเลบสาวคนอื่นๆ  อย่าง Hilary Duff ที่เคยผอมจนตาลึกโหล  ส่วนเว้าส่วนโค้งหดหาย  เมื่อเธอย้อนกลับไปดูภาพตัวเองก็รู้สึกช็อค  และเล่าว่าต้องออกกำลังกายอย่างหนักและเคร่งครัดกับเรื่องไดเอทจนลดน้ำหนักไปอยู่ที่ 44 กิโลกรัม   ( เธอสูงประมาณ 157 ซ.ม.)  และได้ตระหนักว่า ที่เธอพยายามแทบเป็นแทบตายเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้เข้ากับเทรนด์สาวผอมนั้น มันไม่ใช่ตัวตนของเธอเลยสักนิด


Mary Kate Olsen อาจจะไม่ได้เปิดใจพูดเรื่องสุขภาพของตัวเองมากนัก   แต่เธอก็เคยยอมรับเรื่องโรคปฏิเสธอาหารจนต้องเข้ารับการบำบัด


แต่ยิ่งสื่อพยายามชูประเด็นอิทเกิร์ลผอมจนดูน่ากลัวมากเท่าไร  แต่ก็มีสาวๆมากมายที่เห็นดีเห็นงามกับเทรนด์นี้     และชื่นชมว่ามันเป็นลุคที่สวยโดนใจสุดๆ   

เมื่อก่อน คุณจะไม่ได้ยินคำว่า Body positivity หรือเห็นคนดังโชว์ภาพเหงื่อโซมร่างใน gym หลายคนยี้กล้ามท้องและก้นกลมเด้ง และปลื้มความผอมที่เห้นกระดูกไหปลาร้าและซี่โครงชัดๆมากกว่า




2020



- อวด curves ให้เต็มที่


fat shaming เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมมายาวนาน แค่หน้าท้องยื่นนิดๆ ต้นขาเบียดหน่อยๆก็ถูกวิจารณ์จนจิตตกและต้องหันไปทำทุกวิถีทางให้ผอมลง แต่อิทเกิร์ลในยุคปัจจุบัน strong ขึ้นมาเยอะค่ะ แน่นอนว่าตอนที่ชาวเน็ทคอยจิกกัดว่าดูไม่สวยเพราะอวบขึ้นผิดหูผิดตา พวกเธอก็ยอมรับนะว่ามันรบกวนจิตใจให้ท้อแท้เหมือนกัน แต่เพราะหันมารักตัวเองมากขึ้น ใส่ใจกับ critic น้อยลง พวกเธอก็พบกับเส้นทางใหม่
ความมั่นใจจากหุ่นสวยอวบอิ่มยังไงล่ะ!



เมื่อก่อน  พออิทเกิร์ลน้ำหนักตัวขึ้นเมื่อไร  สื่อมักจะนำภาพในมุมที่ไม่ค่อยโอเคของมาเหยียดแบบไม่เกรงใจ   แต่ตอนนี้แฟนๆของพวกเธอกับชื่นชมเมื่อได้รับรู้ว่า   ถึงจะโด่งดังล้นฟ้า  แต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน   มีช่วงที่อ้วนขึ้นและผอมลง  

อิทเกิร์ลตัวแม่ที่มีอิทธิพลต่อเด็กวัยรุ่นเหลือล้นอย่าง Kylie Jenner ก็ยืนยันชัดเจนว่า เธอชอบเนื้อหนังอวบอั๋น  (  แต่ต้องคงเอวคอดไว้เสมอ)   ไม่น่าแปลกใจที่เด็กรุ่นหลังจะเปิดใจให้ให้กับต้นขาอวบๆได้มากกว่าในอดีต


อย่าง Taylor Swift  ที่ยอมรับว่า  แต่ก่อนเคยมีเครียดกับเรื่องรูปลักษณ์มากจนอดอาหารเพื่อคงความผอมบางไว้  แต่เดี๋ยวนี้เธอดูมั่นใจกับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมา  ไม่ได้รีบลดน้ำหนักให้กลับมาผอมหรือแต่งตัวพรางรูปร่าง  



2000s



- มีดราม่าเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดบ่อยๆ



เรื่องราวไม่ต่างจาก Mean Girls หรือ Gossip Girl เท่าไรค่ะ   ตอนแรกก็คบหากันอย่างสนิทสนม  เป็นแกงค์อิทเกิร์ลที่ดูเลิศเลอจนหลายคนอิจฉา  แต่สักพัก ก็เริ่มออกอาการชิงดีชิงเด่นจนแตกหักกัน
อย่าง Paris  Hilton  ที่ซี้ปึ้กกับ Nicole Richie มาตั้งแต่เด็ก  และสร้างความโด่งดังมาด้วยกันจากรายการ reality      เมื่อ Lindsay Lohan แจ้งเกิดกลายเป็นอิทเกิร์ลที่ร้อนแรงสุดๆ ก็ก้าวเข้ามาอยู่ในแกงค์อย่างภาคภูมิ  
จากนั้นไม่นาน  Paris ก็ออกอาการอี๋ Lindsay อย่างออกหน้าออกตา   ส่วน นางเอก Mean Girls ก็ไม่น้อยหน้า ด่าอดีตเพื่อนสาวไฮโซด้วย C word ต่อหน้ากล้อง paparazzi       ส่วน Nicole ก็แตกหักกับเพื่อนสนิทเช่นเดียวกัน  เธอหันไปคบหากับ Lindsay เย้ย Paris แบบสะใจ    (  แต่ผ่านไปพักใหญ่ก็กลับมาคืนดีนะ)    มันเป็นช่วงที่ Lind ผอมลงฮวบฮาบตาม Nicole ไปด้วย ทำให้สื่อกระพือข่าวเรื่องอิทเกิร์ลแข่งกันผอมสร้างความฮือฮาให้กับนักเสพกอสสิปมากๆ        ภายหลังอดีตบอดี้การ์ดของ Lind ก็เอาข้อมูลมาขายสื่อว่า  ที่เห็นผอมบางนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ  เพราะสองสาวเอาแต่เล่นยาไม่แตะต้องอาหาร !


หรือย้อนไปกับการคบซ้อนของ Aaron Carter อดีตไอดอลที่ออกเดทกับ Hilary Duff อย่างเปิดเผย แต่ก็ขอไปหวานกับ Lindsay พร้อมๆกัน ว่ากันว่า Hilary ปรี๊ดมาก ตัดความเป็นเพื่อนกับ Lindsay ไปเลย เป็นศึก teen queen ที่โด่งดังสุดๆค่ะ Hilary ยืนยันว่า อดีตเพื่อนเอาไปเธอนินทาว่าร้ายไปทั่ว และประกาศชัดๆว่า บางครั้งเธอก็เกลียด Lindsay จริงๆ ( คงจะแค้นมากๆ เพราะการตั้งตัวเป็นอริกันอย่างออกหน้าออกตานั้นออกจะขัดกับภาพลักษณ์ใสๆของดาว Disney ไม่น้อยเลย)

หากใครสงสัยว่า เพราะเหตุใด Lindsay จึงโด่งดังได้อีกหลายปี ทั้งๆที่หลายคนยืนยันตรงกันว่าเธอมีพฤติกรรมยอดแย่ ทั้งวินัยการทำงาน และอุปนิสัยใจคอ
 ขออธิบายว่า  ในตอนนั้น ยิ่งทำตัวเป็นสาวร้ายมากเท่าไรก็ยิ่งดัง     จะแย่งแฟนเพื่อน  กินเหล้าเมายา ถูกตำรวจจับ  แฟนๆก็ดูจะมองข้ามเรื่องพวกนี้ไป     และโฟกัสเรื่องความสวยโดดเด่นมากกว่าข่าวฉาว    จนกระทั่งรูปลักษณ์ของLindsay เปลี่ยนแปลงไปจนแทบจำไมไ่ด้นั่นแหละ กระแสความนิยมเธอจึงตกต่ำลงจนไม่สามารถกลับเข้าใกล้กับความรุ่งโรจน์ในอดีตได้เลย


2020



- อิทเกิร์ลต้องผนึกกำลังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงาม

ในยุคปัจจุบัน  เหล่าอิทเกิร์ลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง "รักษา Brand"  เพื่อต่อยอดทางอาชีพการงานของตัวเอง    เมื่อเกิดดราม่าเมื่อใดก็ต้องมั่นใจว่ายังมีแฟนๆที่คอยสนับสนุนให้กำลังใจ ความแตกต่างจากในอดีตก็คือ   เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่เรียกว่า cancel Culture ค่ะ


เมื่อสร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา  อิทเกิร์ลจะไม่ออกตัวแรงเป็นคู่แข่งกับใคร   ตรงกันข้าม พวกเธอจะรวมตัวกลายเป็น squad และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีงามให้กันเสมอ      อย่าง Kendall และ Cara ที่โชว์มิตรภาพที่ชวนอบอุ่นใจ รักกันมากจนทำเสื้อใส่คู่กันให้แฟนๆชื่นชม

หลายคนหาช่องทางในการสร้างอาณาจักรธุรกิจ    เมื่อประสบความสำเร็จล้นหลามแล้วก็  give back คืนสังคม  ทุกคนต่างมีประชาสัมพันธ์ดูแลภาพลักษณ์ไม่ให้มัวหมอง  เพราะความหายนะอาจจะเกิดขึ้นชั่วข้ามคืน    โลกออนไลน์ในยุคนี้ cancel กันได้ง่ายมากค่ะ   หากถูกชาวเน็ทขุดคุ้ยเจอหลักฐานว่าเคยทำเรื่องเสียหาย  นั้นอาจจะหมายถึงสปอนเซอร์ถอนตัว ธุรกิจตกต่ำ   หรือไม่ก็ถูกแบนยาวๆ
เปรียบเทียบกับเมื่อก่อนที่อิทเกิร์ลมักจะขึ้นปกแทบลอยด์ด้วยข่าวเรื่องชู้สาว เมาแล้วขับ เสพยา แต่ก็ยังลอยตัวจากความฉาวโฉ่และแฟนๆก็ยังยกให้เป็นไอดอลไม่เปลี่ยน      แต่พอยุคสมัยเปลี่ยน   เซเลบสาวหลายคนต่างยินดีที่จะช่วยเหลือสังคม  แสดงตัวเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิมนุษยชน     

อิทเกิร์ลยุคนี้ไม่ได้สวยและรวยเท่านั้น  แต่พวกเธอยังเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนอีกด้วย  ภาพของสาวแซ่บกอดขวดเหล้า เมาล้มลุกคลุกคลานเหมือนเมื่อปี 2000s ไม่ได้ดูเท่อีกต่อไปแล้ว



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE