Personal color เมื่อสีของเราไม่เหมือนกันและสีของฉันอาจจะไม่ใช่สีของเธอ

สวัวดีค่า วันนี้จะมาเล่าเรื่อง personal color ที่เพิ่งไปดูมากับ colori.pc จากที่เดาๆสุ่มๆคิดว่าตัวเองเป็น autumn มาตลอด ปรากฎว่าเป็น soft summer ค่ะ ซึ่งผิดคาดมากๆเพราะคิดว่าตัวเองเหลืองมาตลอด ใช้เมคอัพสีโทนอุ่นมาตลอดโดยที่หารู้ไม่ว่าโทนอุ่นมากๆนี่ทำให้ดูพร้อมเข้าโรงพยาบาลมาก 555555555

จริงๆ เรื่อง personal color ในเกาหลี ญี่ปุ่นมีมานานแล้วก็ฮิตมานานแล้ว แต่อุ้มรู้สึกว่าในไทยคนยังไม่ได้ให้ความสนใจขนาดนั้น เผื่อใครสนใจเรื่องนี้อยู่ก็ตามมาเลยค่ะ

?Personal color analysis คืออะไร?⁣⁣

คือการดูองค์ประกอบสีต่างๆทั้งความสว่าง (brightness) ความอิ่มสี (saturation) ความใส (clearness) และอันเดอร์โทน (undertone) ในสีผมสีผิวสีตาของเรา จะดูไปถึง contrast ระหว่างสีผมสีผิวสีตา ขอบลูกตาดำชัดมั้ย สีตาขาวเป็นสีอมฟ้าหรือขาวจั๊วะ หน้ามีมิติขนาดไหน จมูกโด่งมากมั้ย ทุกอย่างจะถูกยำรวมกันและวิเคราะห์ว่าสีโทนไหนคือสีสุดปังที่จะช่วยส่งเสริมลุคของเรา⁣ โดยจะถูกแยกเป็น 4 ฤดูหลักๆคือ spring summer autmn winter แล้วก็จะมีแยกย่อยในเรื่องความตุ่น ความไบร์ท ความเข้มของสีไปอีก

? สีสุดปังที่ว่าเนี่ยเป็นยังไง?

สีสุดปังที่เหมาะกับเราหรือเป็น best color ก็คือสีที่ดูกลมกลืนหรือสีที่ทำให้ผิวผ่องเป็นยองใยแม้ว่าเราจะหน้าสดก็ตาม สีที่ไม่แย่งซีนเราเหมือนนางร้ายในละครจนทำให้เราดูซีดหายไป สีที่ไม่ทำให้หน้าเหลืองหน้าหมองเหมือนพร้อมจะถูกเข็นเข้าโรงพยาบาล สีที่ช่วยให้ริ้วรอย imperfection ของเราถูกเบลอไปทำให้เห็นใต้ตารอยแดงน้อยลง ซึ่งความกว้างของ range สี best color ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันนะคะ บางคนใส่ได้ทุกสีไปได้ทุกโทนในขณะที่บางคนที่สีผิวชัดมากๆว่าเป็นฤดูไหน อาจจะเหมาะกับแค่สีโทนนั้นๆเท่านั้น บางคนใช้สีเข้มแล้วดูดี บางคนสีอ่อน บางคนต้องใช้สีเจือสีเทา สีที่เหมาะกับเรามันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลมากๆ เพราะงั้นก็เลยเรียกว่า personal color นั่นเอง

แล้วคือพี่ของอุ้มอ่ะ ไปได้เกือบทุกสีเลยยกเว้น autumn นางก็จะมีของเล่นในมือเยอะหน่อย เปลี่ยนลุคได้เรื่อยๆ วันไหนขอซอฟอยากเป็นคนดีศรีสังคมก็ใช้สีนึง วันไหนพรีเซ้นท์งานหรืออยากให้คำพูดที่มีน้ำหนักก็ใส่อีกสีนึงจะได้ดูมีความนางพญาฆ่าได้ฆ่าเธอต้องฟังคำพูดชั้นนะอะไรแบบนี้ ซึ่งบอกตรงๆว่าอิจฉาค่ะคนใส่อะไรก็ขึ้นเนี่ย

อ๋อ แล้วก็ best color ที่เหมาะกับผิวเราอาจจะเป็นสีที่เราไม่ชอบได้ด้วยเหมือนกันนะ ฟีลไม่ชอบคนที่เค้าชอบเราแต่ก็รู้ว่าเค้าดีกับเราอ่ะ ตรงนี้ก็คือปวดใจมากๆแม่ ._.

? แล้วดูแบบ 4 types หรือ 16 types ดีล่ะ?

อุ้มว่าอันนี้แล้วแต่คนสะดวกเลยค่ะ แต่อยากจะบอกว่า 16 types มันละเอียดกว่ามากจริงๆ เพราะสีผิวของบางคนอย่างเช่นของอุ้มคือไม่ได้ตกอยู่ในหมวดใดหมวดนึง มันกึ่งๆไปหมดจนสับสน จะไปทาง summer ก็ได้ winter ก็ดี แต่ winter เข้มมากก็ไม่ดีเหมือนลอยมาแต่เสื้อ พอได้ออกมาเป็น summer ก็ไม่ใช่ bright summer หรือ cool summer ด้วย คือถ้าอุ้มดูแค่ 4 types ก็จะรู้แค่ว่าเป็น summer แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า summer ไหน สว่างมั้ย หม่นมั้ยหรือยังไง มันอาจจะพลาดอีก range สีนึงที่ดีสำหรับเรา เพราะงั้นอุ้มว่าแบบ 16 types มันช่วยปักหมุดสีที่ปังจริงๆได้ดีกว่า แต่ถ้าใครไม่ซีเรียสจะดูแบบกว้างๆ 4 types ก็โอเคเหมือนกันค่ะ แต่อาจจะต้องมาลองผิดลองถูกโทนสีที่ได้อีกทีนึง

 ?It’s time to analyze your personal color

อย่างแรกเลยแนะนำให้สระผมไปด้วยค่ะ เพราะมีการดูสีที่โคนผม จะได้ไม่ awkward พาหัวมันๆไปดู personal color อ่ะเนาะ 5555555 แล้วก็ต้องลบเครื่องสำอางออกเพื่อดูสีผิวจริงๆ ดูสีเลือดฝาดเพื่อที่เวลาทาบผ้าเดรปบนตัวจะได้เลือกสีได้แม่นยำ จากนั้นพี่แอร์ก็จะค่อยๆทาบสีผ้าไปเรื่อยๆจนได้สีที่เหมาะกับเราค่ะ อุ้มแนะนำว่าไปกับเพื่อนก็ดีน้า สนุกดี จะได้ช่วยกันดูได้ด้วย แต่ถ้าใครไปคนเดียวก็ไม่ต้องกังวลค่ะ พี่แอร์คุยเก่งมากๆ ไม่เหงาหงอยแน่นอน

หลังจากทาบสีผ้าเสร็จพี่แอร์จะมาสรุปให้อีกทีว่าเราตกอยู่ในหมวดไหน สีไหนเหมาะ สีไหนต้องเลี่ยงนะ อ้อออ ให้เอาเครื่องสำอางที่ใช้ประจำไปด้วย พี่แอร์จะช่วยดูว่าชิ้นไหนเป็นสี personal color ของเราชิ้นไหนที่ไม่ค่อยปังค่ะ ดีมากกก ซึ่งบอกเลยว่าลิปครึ่งนึงที่เอาไปก็คือไม่เหมาะกับผิวอิชั้นค่ะ กรี๊ด

เรื่องเวลา ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน บางคนที่สีผิวค่อนข้างชัดก็อาจจะทาบผ้าแปปเดียว แต่คนที่สีผิวผสมปนเปงงๆก็อาจจะใช้เวลาพินิจนานหน่อย คร่าวๆคือคนละประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ

? ถามว่าเราสามารถใช้เฉดสีไม่ใช่ personal color ของเราได้มั้ย?

ได้ค่ะ แต่ต้องมีเทคนิคในการแต่งหน้าหน่อยเพื่อจะดันตัวเองเข้าสู่อีกโซนสีที่ไม่ใช่สีของเรา ทั้งสีรองพื้น สีแก้ม สีปาก สีเมคอัพโดยรวมสามารถทำให้เราเปลี่ยน personal color ได้แต่อุ้มว่าต้องมีสกิลการใช้สีและความเข้าใจสีที่ advance หน่อยละ

ท้ายที่สุดอยากจะบอกว่า personal color สำหรับอุ้มเป็นแค่ไกด์ไลน์ในการเลือกสีเท่านั้นนะ ถ้าอุ้มเจอสีที่ชอบมากๆ ก็คงจะมีนอกลู่นอกทางไปใส่เหมือนเดิมนั่นแหละ เอาแค่รู้ไว้ว่าฉันดูดีที่สุดในสีไหนเผื่อเวลาไปงานสำคัญๆจะได้เป็นตัวช่วยในการเลือกสีค่ะ สำหรับใครที่สะดวกใจจะใส่ทุกสีก็เอาเลยค่ะ ทำอะไรก็ได้ที่เราแฮปปี้อะดีที่สุดแล้วเนาะ