เซเลบที่ถูกกล่าวหาว่าตัวตนแท้จริงแสนร้ายกาจ

70 14

Ellen Degeneres

ในช่วงที่สถานการณ์โรคระบาดสร้างผลกระทบให้ทุกอย่างซบเซา   แม้แต่วงการ gossip ก็ยังเลี่ยงไม่พ้น     แต่ดราม่าตัวตนเบื้องหลังภาพลักษณ์แสน friendly ของ Ellen Degeneres  ก็ทำให้ชาวเน็ทคอยเกาะติดอย่างดุเดือดได้อีกครั้ง  และทำให้หลายคนฟันธงว่า  นี่ไม่ใช่การปั้นเรื่องมาใส่ร้ายป้ายสี    เพราะ influencer ผู้โด่งดังที่เคยไปออกรายการ Ellen ก็ยังส่ายหน้าบอกไม่โอเค!


Ellen คือหนึ่งในพิธีกรทรงอิทธิพลในวงการสื่อ  เธอมี connection แน่นหนากับครอบครัว Kar-Jenner และสนิทสนมกับดารา A List มากมาย    เป็นระยะเวลาเวลายาวนานที่เราได้เห็นเธอสร้างความชื่นบานให้กับแขกรับเชิญและผู้ชมในรายการ talk show    เธอมีอารมณ์ขันประชดประชันแบบน่าหยิก และดูเป็นกันเองกับคนรอบข้าง เมื่อคุณได้เห็นเธอเต้นสุดเหวี่ยงเปิดรายการก็อาจจะคิดภาพไม่ออกว่า เธอจะมีพฤติกรรมแบบ "ดิว่า"  อยู่เบื้องหลังกล้อง

เรื่องมันเริ่มตรงที่ Kevin T. Porter นักจัดรายการ podcast ได้สร้างกระทู้บน Twitter เพื่อจุดประเด็นว่า "ความร้ายกาจของ Ellen ไม่ใช่ความลับสุดยอด แต่เป็นเรื่องที่คนวงในซุบซิบกันให้ไปทั่ว" เขามีเพื่อนหลายคนที่เคยบอกเล่าประสบการณ์แย่ๆในการร่วมงานหรือพบปะกับพิธีกรชื่อดัง และยืนยันว่าเธอคือมนุษย์ที่ร้ายกาจที่สุด    ทุกครั้งที่มีคนtweetยืนยันพฤติกรรมแย่ๆของเธอ เขาจะบริจาคเงินให้กับ Food Bank เรื่องละสองเหรียญ และมีผู้เข้าร่วมตอบมากมายทีเดียวค่ะ

แต่เรื่องราวจากชาวเน็ทอาจฟังดูไม่มีน้ำหนักและอาจจะเข้าข่ายการใส่ร้ายป้ายสี    แต่ก็มีคนแสดงหลักฐานยืนยันคำพูด  รวมถึงคนเบื้องหลังที่เปิดเผยตัวตนชัดเจนก็เข้าร่วมมหกรรม "Cancel"  ครั้งนี้
พิธีกรที่ประสบความสำเร็จมายาวนานนานรายนี้มักจะย้ำเตือนให้ผู้ชมมีใจเมตตากรุณาต่อกันและกัน เธอได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชาวเพศทางเลือก   แต่เมื่อโลกได้รู้จักวัฒนธรรม Cancel จากโลก online   ก็เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่า Ellen ได้ข้ามเส้นความมีอารมณ์ขันแบบเจ็บแสบมาเป็นการแสดงความหยาบคายและไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่นในรายการมาหลายครั้ง


- ปกติแล้ว เธอจะปฏิบัติต่อแขกรับเชิญวัยเยาว์ด้วยความเอ็นดู มุกตลกก็ไม่ขัดใจผู้ชม แต่เมื่อเชิญเด็กชายชาวไต้หวันที่เล่น Ukulele ได้เก่งกาจมาออกรายการ เธอกลับพูดจากแดกดันเพื่อจะเรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนดู แต่มันกลับฟังดูไม่ให้เกียรติหนูน้อยที่เดินทางมาไกล หลังจากที่เขาเริ่มพูดกับล่ามเป็นภาษาบ้านเกิดค่อนข้างยาว Ellen ก็ขัดเป็นระยะๆว่า นี่แค่คำถามง่ายๆเองนะ" " พูดเยอะเอาเรื่องนะเนี่ย" " พร้อมกลับกลอกตาและถอนหายใจ (ในจุดนั้น ล่ามหัวเราะขึ้นอย่างเจื่อนๆ ดูทำอะไรไม่ถูก และเด็กชายก็มองตาแป๋วๆไม่รู้เรื่องราว เป็นภาพที่น่าอึดอัดมากค่ะ)


นอกจากนั้ Ellen ก็เตือนความจำให้เรานึกถึงญาติผู้ใหญ่ใจร้ายที่เคยฉีกหน้าและคิดว่าสิ่งที่เราพูดมันเหลวไหล เมื่อเด็กชายชาวไต้หวันเล่าประสบการณ์ที่ได้มาเยือน LA ว่า คนขับรถกันเร็วมากจนเหมือนรถกระโดดไปมา เธอก็ขัดล่ามขึ้นมาว่า " รถกระโดดไม่ได้สักหน่อย ไม่มีรถที่ไหนกระโดดทั้งนั้นแหละ นี่เขาไปเที่ยวตรงไหนมาน่ะ" คำพูดของเธอย้ำเตือนให้เรานึกถึงผู้ใหญ่จอมจุ้นที่มีความสุขในการฉีกหน้าเด็กในวันรวมญาติแบบนั้นเลย!
Nikkie Tutorials  ยืนยันประสบการณ์ที่ได้รับเชิญมายังรายการ Ellen  ว่ามีความเย็นชาจนเธอเข็ด  เธอไม่ได้พูดคุยกับ Ellen ก่อนบันทึกเทป และได้เจอแต่เพียงเด็กฝึกงานอารมณ์บูด  และ Ellen ก็ไม่แยแสเธอนัก  นอกจากการสัมภาษณ์แล้ว   เมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้ากล้อง พิธีกรที่เธอเคยปลาบปลื้มไม่ยอมจับมือเธอด้วยซ้ำ 

Signature การดำเนินรายการที่ทำให้ Ellen มีชื่อเสียงคือการยิงคำถามตรงๆแบบไม่เกรงใจแขกรับเชิญ แม้จะเป็นคำถามในเรื่องส่วนตัวที่พวกเค้าหลีกเลี่ยงตอบมาตลอด ซึ่งเราเข้าใจได้ไม่ยากว่าน่าจะมีการทำข้อตกลงกันไว้ก่อนถ่ายทำรายการแล้วว่า พวกเค้ายินยอมให้ Ellen ถามล้วงลึกได้มากแค่ไหน แต่ละเรื่องกับการที่เธอ prank คนดังให้รู้สึกช็อคหรืออับอาย ภาพของคนดังที่กรีดร้องด้วยความตกใจเมื่อมีตัวตลกพุ่งพรวดเข้าใส่แบบไม่ให้รู้ตัวจึงเป็นภาพที่ชินตาจากรายการนี้

อย่าง Sara Paulson ที่ยืนยันว่าเธอเป็นโรคกลัวรูและกลัวผึ้ง Ellen ก็จัดภาพรังผึ้งที่เต็มไปด้วยรูขึ้นด้านหลัง ทำให้นางเอกดังต้องหลับตาด้วยความหวาดหวั่น บอกว่าเอาภาพออกเมื่อไรก็บอกเธอด้วย ( คอนเสปท์คล้ายๆรายการในบ้านเรา กลัวอะไรก็เอาออกมาเขย่าขวัญกันออกกล้อง) รวมไปถึงการเอาแมงมุมปลอมมาขู่ Emma Stone ที่ทั้งกลัวและขยะแขยงจนอยากจะอาเจียน หรือแม้กระทั่งผลักแขกรับเชิญให้ล้มคว่ำไปกับเจงก้ายักษ์!


แต่อีกมุมหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่า นี่คือ Ellen ผู้ทรงอิทธิพลในวงการ จึงไม่ค่อยมีใครลุกขึ้นมาประท้วงเรื่องการ "แกล้งขำๆ" แบบนี้

แต่ก็มีคนดังที่ยืนหยัดไม่ยอมให้ถูกฉีกหน้า เรากำลังพูดถึง Dakota Johnson ที่ลุกขึ้นมาตอบโต้ตอนที่ Ellen ตีสีหน้าเรียบเฉยบอกว่า ไม่ได้รับคำเชิญให้ไปร่วม party ฉลองวันเกิดของ Dakota และเมื่อตอนที่เธอมาออกรายการปีที่แล้วก็เคยพูดแบบเดียวกันเป๊ะ Dokata ได้เคลียร์ใจแบบเฉียบๆว่า
"ไม่จริงสักหน่อย คุณได้รับเชิญนะ ปีที่แล้วที่ชั้นมารายการนี้คุณก็จิกกัดชั้นว่าไม่ยอมเชิญคุณไปร่วมงาน แต่ไม่ยักรู้ว่าคุณอยากจะไปด้วย"

เมื่อ Ellen ถามกลับว่า มีใครบ้างล่ะที่ไม่อยากได้คำเชิญไป party Dakota จึงฟาดไปนิ่มๆ แต่เจ็บนานว่า
"ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณชอบชั้นรึเปล่า"
เหมือนจะบอกใบ้ให้เรารู้ถึงพฤติกรรมเบื้องหลังของ Ellen ว่า ไม่ได้ friendly ชวนสนิทใจขั้นนั้น ส่วนวันเกิดล่าสุด Dakota เชิญ Ellen จริงๆ แต่เจ้าตัวไม่ยอมมาเองต่างหาก เธอยืนยันว่า producer บอกว่า Ellen เดินทางไปเมืองอื่น ชาวเน็ทจึงไปขุดคุ้ยต่อว่า แทนที่พิธีกรดังจะรับคำเชิญของ Dakota แต่กลับไปแฮงค์เอาท์กับอดีตประธานาธิบดี George W. Bush ในอีเวนท์หนึ่ง แต่ดันเอาเรื่องนี้มาจุดประเด็นสร้างความอึดอัดให้อีกฝ่ายซะงั้น!


New York Post  ได้เข้าถึงแหล่งข่าววงในที่เคยทำงานให้กับ Ellen เพื่อรายงาน gossip เผ็ดแซ่บว่า

- เรื่องความร้ายกาจของ Ellen ที่ร่ำลือกันนั้นเป็นความจริง เธอไม่ได้ทำตัวเป็นคนนิสัยดีเสมอไป และมันก็น่าหงุดหงิดที่มีคนเชื่อว่าเธอน่ารักแสนดี แต่เบื้องหลังไม่ได้เป็นแบบนั้น และยังเอาตัวรอดจากดราม่าต่างๆมาได้สบายๆ


- บอดี้การ์ดที่เคยทำงานให้กับ Ellen และครอบครัวบอก Fox Newsว่า ตัวภรรยาและคนอื่นๆนั้นปฏิบัติต่อเขาด้วยมารยาทและความใส่ใจที่มนุษย์พึงทำ แต่ Ellen กลับเย็นชา ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น เมื่อปฏิบัติหน้าที่เรียบร้อยก็ไม่มีคำว่าสวัสดีหรือขอบคุณออกจากปาก ใช่ค่ะ หลายคนบอกว่า คนเป็นนายจ้างต้องขอบคุณลูกจ้างทำไม แต่อย่าลืมว่า ในสังคมตะวันตก การพูดขอบคุณเป็นมารยาททางสังคมที่ผู้คนทำโดยไม่ได้คาดหวังอะไรนอกจากการแสดงความเป็นสุภาพชน พวกเค้ากล่าวขอบคุณพนักงานเสิร์ฟและพนักงานขายในร้านสะดวกซื้อเป็นปกติ แต่นี่เรากำลังพูดถึงงานบอดี้การ์ดซึ่งเป็นงานที่ต้องเสี่ยงชีวิตปกป้องคนอื่นเพื่อหาเลี้ยงชีพ บอดี้การ์ดอาจจะไม่ได้เรียกร้องขอคำขอบคุณ แต่เขาอาจจะแปลกใจที่คนอื่นๆต่างปฏิบัติต่อเขาอย่างให้เกียรติมากกว่าเท่านั้นเอง

- มีการปล่อยข่าวที่ฟังดูน่าเหลือเชื่อหลายอย่างบน Twitter ล้วนแต่เป็นเรื่องทำนอง " เขาเล่ามาว่า" แต่สิ่งที่สื่อดังอย่าง Variety ยืนยันได้คือ หลายชีวิตในทีมงานรายการ Ellen ต้องเฝ้ารออย่างสับสนในเรื่องทิศทางของการจ่ายค่าแรงและอนาคตในระหว่างโรคระบาดยังเป็นปัญหาใหญ่ พวกเค้าเฝ้ารอที่จะได้รับการติดต่อจากผู้มีอำนาจรับผิดชอบ ในขณะที่Jimmy Kimmel ควักกระเป๋าตัวเองเพื่อดูแลเรื่องค่าตอบแทนของพนักงาน และทีมงานในรายการอื่นๆก็ได้รับคำชี้แจงต่างๆจากเจ้าของรายการถึงแนวทางการจ่ายค่าแรงอย่างชัดเจน





นักวิเคราะห์บางคนมองว่า แม้ Ellen จะยังจัดรายการจากบ้านตัวเองได้ และเมื่อสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายจนกลับมาถ่ายทำในห้องส่งได้อีกครั้ง แต่ brand ประจำตัวของ Ellen ที่เชิดชูแนวคิด Be Kind To One Another ได้สั่นคลอนไปแล้ว หากหวนคืนสู่จอTV ก็อาจจะเสียคะแนนนิยมจนกระทบต่อเรตติ้งก็เป็นได้ เพราะเธอไม่ใช่พิธีกรที่สร้างความดังจากบุคลิกdiva ผู้ร้ายกาจเหมือน Wendy Williams แต่เป็นคนที่ประกาศจุดยืนต่อต้าน bully และสนับสนุนความเมตตาปราณี จึงมีคนว่า นี่เป็นแค่หนึ่งในวิธีเสแสร้งสร้างภาพลักษณ์ดีๆ เพื่อหวังผลประโยชน์



แต่ producer ที่ทำงานใกล้ชิดกับ Ellen ก็ยืนยันว่า ไม่เคยเจอประสบการณ์แย่ๆตามข่าวลือ เธออาจจะไม่ใช่คนนุ่มนวล และต้องเด็ดขาดในการทำงาน รวมไปถึงนักเขียนที่เคยร่วมงานกันที่ออกมาปกป้องว่า เขาไม่เคยมองว่า Ellen เป็นคนร้ายกาจ คนอื่นๆแค่อยากจะเชื่อว่า Ellen ในจอ TV เป็นตัวตนที่แท้จริงของ Ellen แต่ไม่มีใครที่เรียบง่ายมากขนาดนั้น


"ไม่มีคนที่ทำตัวนิสัยดีตลอดเวลาได้หรอกนะ"




Lea Michele

หรือเธอคนนี้จะทำให้  Regina George ต้องยอมแพ้??

เธอเป็น Bully ตัวแม่มาได้นานสองนาน และพอมีคนจุดประกายแฉพฤติกรรมขึ้นมา จนถึงตอนนี้ ก็มีทั้งเพื่อนร่วมงานและคนดังออกมาเล่าประสบการณ์แย่ๆนับสิบคนแล้วค่ะ!


ต้นเหตุดราม่าก็คือ ข้อความบน social media จาก Lea ที่ต่อต้านการแบ่งแยกทางสีผิวซึ่งเป็นประเด็นดุเดือดในอเมริกา แต่นั่นทำให้Samantha Marie Ware, นักแสดงผิวดำเชื้อสายแอฟริกาที่เคยรับบทสมทบใน Glee อดรนทนไม่ไหว แฉนางเอกดังว่าคอยจองล้างจองผลาญตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานกัน และถึงขั้นขู่จะ "อึใส่วิก" ของเธอด้วย


"เธอทำให้ชีวิตของชั้นเหมือนตกอยู่ในนรก"


คุณอาจจะคิดว่า ข้อกล่าวหากหนักขนาดนี้ Lea  น่าจะหาทางลงด้วยทางออกสวยๆว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดอะไรก็ว่ากันไป   แต่กลายเป็นว่า มีทั้งทีมงานและดาราอีกหลายคนออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอร้ายกาจเหลือทน    เรียกได้ว่ายากจะปฏิเสธได้

 - Alex Newell  อีกหนึ่งนักแสดงจาก Glee  ช่วยยืนยันว่านี่ไม่ใช่เรื่องใส่ร้ายป้ายสี
" มันผ่านไปตั้งหกปีแล้ว พวกเราจะมาโกหกกันทำไม บอกเลยนะว่า ตอนที่เพื่อนของฉันได้พบกับเรื่องสะเทือนใจ ชั้นก็รู้สึกย่ำแย่ตามไปด้วย นี่คือมิตรภาพที่แท้จริง และถ้าคุณไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะอะไร  คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาแล้วล่ะ"

-  Jeff Hull นักแสดงที่เคยเล่นบท extra บอกว่า " จำได้มั้ยที่เธอเคยเรียกพวกเราว่าแมลงสาบ" และเคยจิกผมผู้ชายให้ออกไปจากที่นั่งของเธอ (OMG!)

- อีกคนที่ยืนยันคำว่าเคยถูก Lea จิกว่าเป็นพวกแมลงสาบได้คือ Jeanté Godlock นักแสดงจาก Daybreak ซีรีส์ Netflix เพียงเพราะพวกเค้าเป็นนักแสดง extra แต่ต้องมาถูกเหยียดหยามถึงขนาดนี้ แต่เธอก็ประกาศอย่างหนักแน่นว่า " พวกเราเติบโตขึ้นและไม่ได้เป็นแค่แบคกราวด์อีกต่อไปแล้วจ้ะ"





- Dabier Snell นักแสดงที่นับบทสมทบใน Glee เพียงตอนเดียว แฉว่า เธอไม่ยอมให้เขานั่งร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆเพราะเขาไม่คู่ควร และลงท้ายอวยพรให้นางเอกสาวว่า
" ไปตายซะ Lea"



 - Heather Morris    นางเอกที่รับบทเด่นเป็นเชียร์ลีดเดอร์สุดฮ็อทยืนยันว่า  อดีตนักแสดงผู้ร่วมงานมีนิสัยย่ำแย่ และไม่ให้เกียรติคนอื่นมานานมากแล้ว และเธอก็เห็นด้วยว่ามันสมควรแล้วที่ Lea จะต้องได้รับการตักเตือน
- Abigail Breslin นางเอกสาวอดีตดาราเด็กที่เคยร่วมงานกับ Lea ใน Scream Queen  ก็ช่วยกะพือ gossip ร้อนเป็นไฟลามว่า    เธอเคยพูดเรื่องพฤติกรรมของ Lea มาเป็นปีๆแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีใครลุกขึ้นมาจุดประเด็นอะไรต่อ จนเข้าใจไปว่า เธอคงเจอเรื่องนี้อยู่คนเดียว

- Gerard Canonico นักแสดงสำรองในบรอดเวย์ Spring Awakening บอกว่า Lea เป็นเหมือนฝันร้ายที่หลอกหลอนเขาและนักแสดงสำรองคนอื่นๆ
" เธอทำให้พวกเรารู้สึกต้อยต่ำไม่ควรค่ากับที่ตรงนั้น"

 - Elizabeth Aldrich    นักแสดงตัวสำรองในบรอดเวย์เรื่อง Ragtime แชร์ประสบการณ์ว่า  ทั้งเธอและเพื่อนร่วมงานเจอฤทธิ์เดชของ Lea ทั้งๆที่เจ้าตัวอายุแค่ 12 ก็แสดงพฤติกรรมย่ำแย่ และยังขู่จะไล่ออกถ้าทำให้เธอไม่พอใจ

- Plastic Martyr   ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า  เธอจำเหตุการณ์ที่ Emmy Awards เมื่อสิบปีก่อน ได้ไม่ลืม  เพราะไปเจอ Lea ในห้องน้ำอย่างบังเอิญ  และนางเอกสาวทำท่าไม่ happy เตือนเธอว่า "นี่มันห้องน้ำหญิงนะ"  และมันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดในละครสัตว์



ร้ายแบบเหิมเกริมขนาดนี้ คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมเธอยังรอดมาสร้างภาพสวยๆต่อได้อีกตั้งหลายปี เรามองแบบนี้ค่ะ


- เธอเป็นนางเอกศูนย์กลางของเรื่อง ฉายแสงพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็กๆ bully คนรอบข้างขนาดไหน แต่คนอื่นก็ยังเกรงใจเพราะเธอคือจุดขายของ Glee

- เธอเป็นแฟนกับ Cory Monteith    ยิ่งสร้างกระแสให้แฟนๆจิ้นตามไปอีก   เมื่อพระเอกจากโลกนี้ไปอย่างสุดช็อค  ทำให้เธอมีภาพลักษณ์แฟนสาวผู้ใจสลายสร้างความเห็นใจจากแฟนๆมากมาย   แน่นอนว่า คนที่ถูกเธอ bully จะไม่กล้าออกมาปะทะกันตรงๆ    เพราะอาจถูกแฟนๆของเธอรุมด่าก็เป็นได้
แต่ในที่สุด  Lea ก็เผชิญหน้าของผลแห่งการกระทำ    เธออาจจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆตอนที่เรียกนักแสดง extra ว่าเป็นแมลงสาบ  หรือตอนที่ขู่จะอึใส่วิกนักแสดงร่วมทีมเมื่อหลายปีก่อน   แต่ล่าสุด HelloFresh  แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารได้ประกาศว่า พวกเค้ามีนโยบายต่อต้านการแบ่งแยกและเหยียดผิวอย่างเคร่งครัด   จึงขอยกเลิกสัญญาการร่วมงานกับ Lea โดยทันที!
จะโต้ข่าวว่าไม่จริ๊งไม่จริงก็คงไม่ใช่วิธีการรับมือที่ดีนัก  เพราะแม้แต่ผู้ร่วมงานที่มีชื่อเสียงก็ยังยืนยันความร้ายของเธอ  Lea จึงส่งคำขอโทษออกมายืดยาว   แต่ชาวเน็ทหลายคนกลับคิดว่า มันเป็นข้อความที่เต็มไปด้วยน้ำ  ไม่เน้นเนื้อหาที่ยอมรับความผิด  ออกแนว sorry  not sorry มากกว่า  ย่อๆก็คือ


- จำไม่ได้ว่าเคยพูดเรื่อง "อึใส่วิก"

- ยืนยันว่าไม่ได้เหยียดผิว แต่ยอมรับว่า ทำให้คนอื่นเจ็บปวด

- ใช้คำว่า "ถูกคนอื่นๆมองว่ามีภาพของคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม" แทนที่จะยอมรับพฤติกรรมตัวเองอย่างตรงไปตรงมา ( ทำให้ตีความได้ว่า คนอื่นเข้าใจเธอไปผิดเอง)

- จะปรับปรุงตัว
คนที่เคยติดตาม Glee  คงยังไม่ลืมสาวร้ายอย่าง Santana กันนะคะ  มีข่าวลือออกมายาวนานว่า  Lea และ Naya เป็นศัตรูกันอย่างออกหน้าในกองถ่าย   แต่ทั้งสองก็ออกมามาแก้ข่าวทุกครั้งไป โดยเฉพาะ Lea ที่ยืนยันสไตล์นางเอกว่า   มันเป็นเรื่องโกหกพกลม และคนก็ชอบเรื่องราวประเภทเอาผู้หญิงมาชิงดีชิงเด่นกัน  "มันน่ารำคาญและน่าสังเวชใจค่ะ" Lea บอกสวยๆ


ฝั่ง Naya เอง แม้เธอจะเคยตามน้ำว่าไม่เคยมีปัญหากับ Lea แต่เธอกลับถูกมองว่าเป็นตัวอิจฉาที่ทนเห็นความสำเร็จล้นเหลือของนางเอกไม่ได้ แต่เธอออกมาเปิดเผยในภายหลังว่า เรื่องมันตรงกันข้ามเลยต่างหาก


"เพราะ Santana ได้ก้าวมาจากตัวละครที่เป็น background มาเป็นคนที่ได้รับบทเด่นมากขึ้น ได้มีบทพูดมากขึ้น    ชั้นว่า Rachel... ชั้นหมายถึง Lea น่ะค่ะ    เธอไม่ชอบแบ่งปันการเป็นจุดสนใจกับคนอื่น"

" เธอแยกแยะการแสดงกับการวางตัวเป็นเพื่อนนอกเวลางานไม่ค่อยได้ แต่สำหรับตัวชั้น ไม่ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ชั้นจะไม่ถือสาถ้ามีคนวิพากษ์วิจารณ์หรือมีอารมณ์ตึงเครียดในกองถ่ายขึ้นมา ชั้นพยายามจะมีเหตุผลค่ะ ทุกคนต่างก็เครียดกันได้ แต่เราก็มีเป้าหมายร่วมกัน ดังนั้นจงหัวเราะให้กับมันซะและก็ปล่อยให้ทุกอย่างเกินหน้าต่อไป Lea เป็นคนที่อ่อนไหวกว่าชั้นค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะโทษชั้นไปซะทุกเรื่อง พอมีเรื่องผิดพลาดขึ้นมา ก็เป็นความผิดของชั้น"


" ถ้าชั้นบ่นเรื่องอะไรขึ้นมา เธอมักคิดไปเองว่าชั้นกำลังจิกกัดเธอ หลังจากนั้น เธอก็ทำหมางเมินกัน และไปถึงขั้นที่ไม่พูดกับชั้นเลยตลอดซีซัน ุ6 ค่ะ"




Lea ไม่ได้มีภาพลักษณ์ของสาวแสนดีค่ะ ที่ผ่านมา เธอมักมีข่าวคราวเรื่องการชิงดีชิงเด่นและข่าวลือเรื่องพฤติกรรมแบบ Diva ออกมาบ้าง แต่ที่หลายคนเป็นห่วงก็คือ เธอได้รับบัตรผ่านจนกล้าทำตัวเป็นนางร้ายนอกจอมาได้ตั้งนานสองนาน แม้แต่เพื่อนร่วมงานของเธอก็ยังยอมรับว่า ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของพวกเค้าที่ก้มหน้าก้มตายอมรับ พฤติกรรมนี้โดยไม่ร้องเรียกหาความเป็นธรรม และนั่นก็อาจจะทำให้เธอยิ่งได้ใจ และถือสิทธิ์ความเป็นนางเอกไปดูถูกดูแคลนนักแสดงเล็กๆคนอื่น

การใช้อภิสิทธิ์ในทางเสื่อมเสียและสร้างรอยแแผลในใจผู้อื่นด้วยการ bully ไม่ได้อยู่ในหนังละครเท่านั้น   แต่เป็นปัญหาที่คนในวงการบันเทิงไม่ควรมองข้าม   หวังว่าดราม่า ครั้งนี้จะเตือนสติ Mean Girl คนอื่นๆ ไม่ให้ไปออกฤทธิ์ bully คนอื่นด้วยนะ



The End


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE