[HOW TO] แต่งหน้าโชว์ผิว NOFILTER

71 24
WITH <strong>NAMI</strong> / ร่วมงานรีวิวกับแบรนด์ :)

สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนน (:


วันนี้เราจะมาแชร์ HOW TO แต่งหน้าง่ายๆแบบเรา ในลุคโชว์ผิวค่ะ

ช่วงกักตัวเพื่อชาติแบบนี้ เราก็ต้องมีรูปอัพเดทในโซเชียลกันหน่อย ขั้นตอนไม่ยุ่งยากด้วยค่ะ


 เหมือนไม่แต่งเท่าไหร่ แต่ถ่ายรูปแล้วขึ้นกล้องสุดๆ 



ก่อนจะไปแต่งหน้า ขั้นตอนการบำรุงนั้นสำคัญสำหรับลุคที่ต้องการโชว์ผิวมากนะคะ

เราต้องมีพื้นฐานผิวที่ชุ่มชื้น เพื่อช่วยให้การลงขั้นตอนเมคอัพเนียนและดูเป็นผิวมากขึ้นค่ะ พอดีกับเราได้ลอง Nami I’m fresh Aloe-Lemon Brightening Gel เจลว่านหางจระเข้สกัดเย็นเข้มข้น 99.5%


นวัตกรรมสกัดเย็นทุกคนคงคุ้นๆกับคำนี้อยุ่บ้างใช่มั้ยคะ?

เราไปหาข้อมูลมาว่า การสกัดเย็นเนี่ยเป็นวิธีที่ช่วยคงความสดจากธรรมชาติและประสิทธิภาพของสารสกัดไว้ได้อย่างดี คล้ายๆกับการที่เราดื่มน้ำผลไม้สกัดเย็นนั่นแหละค่ะ เค้าจะคงความสดใหม่และคุณประโยชน์ของน้ำผลไม้ไว้ ซึ่งเจลว่านหางจระเข้ของนามิก็ใช้วีธีเดียวกันเลยค่ะ



  เจลว่านหางจระเข้ตัวนี้ช่วยอะไรบ้างนะ...?  


จุดเด่นหลักๆของว่านหางจระเข้ คือ ช่วยปลอบประโลมผิวจากแสงแดด ให้ความชุ่มชื้นกับผิว และของนามิเค้าใส่ส่วนผสมจากเลม่อนเข้าไปด้วย และในเลม่อนยังประกอบไปด้วย วิตามินบี3 และอัลฟ่า อาร์บูติน ซึ่งช่วยผลัดเซลผิวเก่าที่หมองคล้ำของเราออกอย่างอ่อนโยนเพราะเค้าเป็นสารสกัดจากะรรมชาติ แถมใช้ไปเรื่อยๆยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นค่ะ


สำหรับใครที่ยังลังเลเพราะไม่มั่นใจกับครีมซอง ยังกล้าๆกลัวๆ

แต่ซองนี้มั่นใจได้เพราะเค้าทำมาเหมาะกับทุกสภาพผิว หรือแม้ผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้ค่ะ เพราะเค้าไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน และไม่มีซิลิโคนค่ะ ถ้าใครมีผิวที่แพ้ง่ายมากแนะนำให้ลองทาที่ท้องแขนและหลังใบหูประมาณ1สัปดาห์เพื่อทดสอบดูก่อนได้ค่ะ ถ้าไม่มีอาการแพ้ค่อยลองทาที่หน้าเนอะ




บำรุงกันจนชุ่มชื้นอิ่มน้ำแล้ว

มาต่อที่ขั้นตอนของเมคอัพกันค่ะ


( :


เราว่าหลายๆคนคงรู้จัก BBครีมแบบซองของนามิแน่ๆ

เราก็เคยซื้อมาลองตั้งแต่สูตรเก่าเพราะรีวิวจากพี่ๆBlogger ที่เยอะมาก จนต้องหามาลองบ้าง


แต่ตอนนี้เค้ามีสูตรใหม่ออกมาแล้วนะคะ ทางแบรนด์เคลมมาว่า “สูตรใหม่! เป๊ะกว่าเดิม”

#ปกปิดมากขึ้น #คุมมันมากขึ้น #กันแดดมากขึ้น


หลังจากที่ลองใช้ทั้งสูตรเก่าและสูตรใหม่เพื่อเปรียบเทียบกันสองวัน

สิ่งที่เรารู้สึกได้คือ สูตรใหม่เค้าจะแห้งไวกว่าสูตรเก่าและมีความแมทท์มากขึ้นค่ะ เราลงแค่แปปเดียวเท่านั้นก็กลืนไปกับผิวเลยค่ะ


เรื่องความปกปิด เราลงอีกชั้นบริเวณรอบดวงตาแทนคอนซีลเลอร์เค้ากลบใต้ตาได้ดีเลย

ใต้ตาเราดูสว่างขึ้น และไม่ได้ดูหนาจนทำให้ใต้ตาเป็นร่องค่ะ เราค่อนข้างชอบในข้อนี้เลย




  ข้อแนะนำคนผิวแทนแบบเรา  

ให้ลงบางๆดูก่อนนะคะแล้วรอให้เค้ากลืนกับผิวก่อน เพื่อกันหน้าลอยค่ะ เราลงบางๆแล้วเค้าดูเป็นผิวมากเลย เหมือนช่วยอำพรางรอยดำจากสิวได้ในระดับนึง และช่วยให้หน้าไบรท์ขึ้นค่ะ


ด้วยความที่เราอยากให้ลุคนี้ออกมาดูธรรมชาติและเค้ามีความแมทท์ของบีบีอยู่แล้ว

สาวผิวมันแบบเราขอลองของ โดยข้ามขั้นตอนการลงแป้งไป เพื่อให้ลุคยังดูธรรมชาติและเป็นผิวอยู่


:)



  • เรามาสร้างจมูกกันค่ะ

วิธีนี้อาจจะไม่เหมือนปกติที่เราทำนิดหน่อยค่ะ เพราะปกติเราจะปาดมาตั้งแต่หัวคิ้วจนถึงปีกจมูกเลย วันนี้ต้องการความละมุนไม่ให้จมูกดูเป็นแท่งเกินไปเลยเน้นแค่ตรงหัวคิ้วและปีกจมูกเท่านั้นค่ะ คิดเอาเองว่าวิธีนี้ดูธรรมชาติกว่า เพราะจมูกจะไม่ดูทื่อๆ เท่าการปาดลงมาเป็นสันเลย


  • ขั้นตอนของคิ้ว

ขั้นตอนนี้ต้องกราบขอโทษคนที่ไม่มีขนคิ้วเลยค่ะ เพราะเราใช้มาสคาร่าคิ้วปัดเพื่อเอาความฟูความตั้งของคิ้วอย่างเดียว


แต่ถ้าใครไม่มีขนคิ้ว แนะนำให้เขียนตามวิธีและทรงคิ้วของทุกคนเลยค่ะ เขียนในเวอร์ชั่นที่คิดว่าสวยและดูธรรมชาติที่สุด ห้ามถมหัวคิ้วด้วยสีเข้มนะ! โกรธนะ!! เพราะลุคนี้เราต้องเน้นธรรมชาติค่ะ

.

.

.


อีกนิดลุคนี้ก็จะเสร็จแล้ววววว

นี่มันลุคการแต่งหน้ะรรมชาติ โชว์ผิว หรือลุคคนขี้เกียจกันแน่คะเนี่ย งงแล้ว!


  • ดัดขนตา

เรายังใช้ที่ดัดอันโปรดอันเดิม ซึ่งทุกคนอาจจะเบื่อแล้ว แง้! แต่อันนี้มันเข้ากับรูปตาเค้าที่สุดอะ

ไว้เดี๋ยวมีโอกาสจะหาหลายๆแบบมาลองและรีวิวกันนะคะ เพื่อทุกคนนนนนน(จริงๆหาเรื่องเสียเงิน)


อ๊ะ แต่ขอเม้าหน่อยไม่รู้ว่าทุกคนดัดขนตากันแบบไหนบ้าง หลายคนอาจจะดัดแบบ 3สเต็ป แต่เราใช้วิธีนั้นแล้วทำให้ขนตาเราดูงอนและหักๆเกินไปยังไงไม่รู้ เราใช้วิธีดัดแบบแค่โคนขนตาเท่านั้นค่ะ กดเบาๆพอนะ ไม่งั้นขนตาจะหักเป็นรอยไม่สวยเอา เราใช้วิธีกดเบาๆ แต่ย้ำๆเอา และเหมือนเดิมค่ะ ดัดแล้วค่อยปัดทีละข้างเพื่อความปังของขนตา


  • ปัดขนตาต่อจ้าาา


วันนี้ขอนอกในมาสคาร่าแสนโปรดมาใช้ป้าจอง


เพราะมาสคาร่าตัวนี้ให้ความเป็นธรรมชาติกว่า ปัดขนตาง่ายด้วยค่ะ ดูจากหัวแปรงเค้าที่เป็นเหมือนยางๆ และทรงของหัวแปรงแบบนี้ซอกซอนขนตาได้ดีนัก! ที่สำคัญล้างง่ายด้วยค่ะ

เวลาใช้มาสคาร่าตัวนี้เราแอบคิดเองว่าตาดูหวานๆกว่าด้วย อิ้!



ให้ทายว่าเราพิมพ์คำว่า “ ธรรมชาติ ” ไปกี่คำแล้ว

แต่นั่นแหละค่ะ เราจะKeepความธรรมชาตินี้ไว้ให้สุด!

โดยเลือกใช้สีบลัชออนที่คิดว่าปัดออกมาแล้วเข้ากับผิวตัวเองที่สุด


และเราเลือกบลัชออนที่มีความโกลว์หน่อยๆด้วย และเลือกปัดจากแก้มผ่านจมูกไปด้วย ไม่ปัดสูงและไม่ต่ำเกินไปนะคะ ยิ้มแล้วค่อยปัดแบบลากผ่านเบาๆเลย ถ้าไม่พอใจค่อยเติมเอานะ

อีกอย่างคือใช้แปรงปัดบลัชออนที่มีความห่างของแปรง จะให้สีที่ออกมาธรรมชาติกว่าแปรงที่แน่นค่ะ



  • การทาลิปให้ดูเป็นธรรมชาติ

บอกก่อนว่าเราก็เป็นคนผิวแทนที่มีปากคล้ำบ้างเหมือนกันนะคะ ถ้าสังเกตุดีๆ แต่เราจะไม่ใช้วิธีไปกลบความคล้ำ เพราะจะทำให้ไม่เห็นเนื้อปากเรา จะยิ่งทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ค่ะ คิดว่าคล้ำบ้างก็ปล่อยไป555


ใช้ลิปมันมีสีอ่อนๆ เพื่อให้ปากดูระเรื่อและดูชุ่มชื้นสุขภาพดีค่ะทุกคนสามารถใช้ลิปมันเปลี่ยนสีที่ตัวเองชอบได้เลย แต่ถ้าใครไม่มีDior เราเคยลองใช้วาสลีนทาก่อนแล้วเอาลิปมันเปลี่ยนสีแบรนด์ทั่วไปราคาหลักร้อยลงบางๆ ก็ให้สีที่คล้ายเคียงกันค่ะ


ใช้ลิปทิ้นท์ทาด้านในปาก ทิ้นท์ของเราเป็นแบบออยล์ด้วย ซึ่งจะให้ความธรรมชาติกว่าทิ้นท์ทั่วไปที่เคยใช้นะคะ แต่ถ้าอยากได้ความธรรมชาติขั้นสุดอย่าลืมใช้นิ้วเบลนด์ๆเพื่อให้ปากดูระเรื่อเท่ากันด้วยค่ะ



แค่นี้เราก็ได้ลุคปากฉ่ำๆ ระเรื่อๆ ดูสุขภาพดีเข้ากับงานผิว

เสร็จแล้วออกไปนั่งรับลมและแสงริมหน้าต่าง แล้วรัวชัตเตอร์ได้เลยค่ะ


:D



Lazymonday

Lazymonday

IG : BUBBLEBUA
IG/FB : LAZYMONDAY.CO.TH
TWITTER : LAZYMONDAYTH

Honest reviews :)
ทดลองใช้ก่อนรีวิวเท่านั้น
Skincare | Makeup | Lifestyle
1996

FULL PROFILE