[Review] คนขี้แพ้ขอรีวิว Skin care ถูกและดีที่คนหน้ามัน เป็นสิว ผิวแพ้ง่ายใช้แล้วเลิฟฟ

14 3

รีวิวสกินแคร์ถูกและดีช่วงกักตัว จากปากคนผิวมัน เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย


หากคุณกำลังเครียดเพราะสกินแคร์ใกล้หมด แล้วออกไปช็อปไม่ได้ เราคือเพื่อนกันนน
วันนี้เราจะมาแชร์ไอเท็มดูแลผิวที่ใช้แล้วชอบมาตลอดในช่วงนี้ 

เผื่อว่าใครจะเก็บข้อมูลเอาไว้ไปตำตามกันค่า
สภาพผิวของเราคือ ผิวมัน รูขุมขนกว้าง เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย (ครบทุกปัญหาผิวเลย มูแง)


ทริคสำหรับบำรุงผิวให้เห็นผล :
สำหรับเรา เราว่ามันไม่มีครีมตัวเดียวที่ใช้ได้ครอบจักรวาล
มีคนมาถามเราบ่อยๆว่า ครีมตัวไหนดี ใช้ตัวเดียวจบ ไม่ยุ่งยาก 
ซึ่งเรากะบอกตลอดว่า ไม่มีจ้า 55555
อย่างน้อยคือ ต้องใช้ Essence ที่เป็นน้ำๆเพื่อเปิดผิวก่อน 
ตามด้วยครีมหรือ Moisturizer 
แล้วปิดด้วยเจลหรือ Sleeping mask เพื่อเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว

เราทำแบบนี้มาโดยตลอด เห็นผลชัดเลยว่า ผิวดีขึ้นมาก
เมื่อก่อนเราหน้ามันเยิ้มแต่งหน้าไม่ติด เป็นคราบ รองพื้นแพงแค่ไหนก็หลุด
แต่พอเปลี่ยนวิธีการดูแลผิวแล้ว ใช้รองพื้นถูกแบบซองละไม่กี่สิบ ยันรองพื้นเคาเตอร์แบรนด์ก็รอด
ขนาดรองพื้นเนื้อบางเบาที่หลายคนใช้ละหลุด 
เรายังยังติดทน เกาะผิวได้ทั้งวัน
เชื่อเถอะว่า บำรุงให้ครบ ทำให้ผิวดีขึ้นได้แน่นวล
อ่ะ เข้าเรื่อง พร้อมจดกันยางงง พร้อมแล้ว ไปแม่

ตัวแรก สามัญประจำบ้าน Hadalabo ขวดทอง

ขวดนี้อยู่ไทยแทบไม่เคยแตะ เพราะชีก็ราคาเฉียด Laneige ตามร้านหิ้ว
เลยเป็นตัวที่เรามองข้ามมาโดยตลอด
ขวดนี้ไปได้มาตอนไปญี่ปุ่น คือจำได้ว่าถูกมากก 
และนี่ไม่ได้เอาบำรุงผิวไปด้วย เลยจัดมาจุกๆ 3 ขวดไปเลยจ้า

เนื้อของเขาจะไม่เหมือนสูตรอื่นๆที่จะเหลวมาก 
แต่สูตรนี้จะเหนียวๆเหมือนเจล แต่พอนวดๆลงผิวแล้วก็ซึมหมด ไม่ทิ้งความมัน 
เราว่าเขาให้ความชุ่มชื้นใต้ผิวได้ดีมาก และ ไม่มีน้ำหอม ไม่แพ้ 
ใช้แล้วรู้สึกหน้าจะอิ่มๆฟูๆ เหมาะมากในการเป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว

ตัวนี้เราซื้อมาให้แม่ที่เป็นคนหน้าแห้งใช้ แม่ก็แฮปปี้ 
แม่บอกว่ามันชุ่มชื้น ไม่เหนียว และแม่เราก็ไม่แพ้ด้วย

สรุปตัวนี้ >> ชุ่มชื้น ไม่แพ้ ราคาไม่แรง ควรค่าแก่การซื้อค่ะ
ตัวที่สอง Hadalabo ขวดสีน้ำเงิน

ตัวนี้ก็ได้มาจากตอนไปญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ 
ลืมเล่าว่าเราไปตอนหน้าร้อน ซึ่งโคตะระร้อนเลย TT
เราเลยเลือกซื้อบำรุงที่เนื้อค่อนข้างบางเบาหน่อย 
ตัวนี้จำราคาไม่ได้ น่าจะประมาณห้าร้อยเยนรึเปล่า แต่ถูกอะ ถูกกว่าไทยเยอะ

เนื้อตัวนี้จะค่อนข้างบางเบา เหลวเป็นน้ำๆเลย 
ทาแล้วสบายผิว ให้ความชุ่มชื้นพอประมาณ ไม่เหนอะหนะ
ทีแรกเราไม่ได้คาดหวังอะไรเรื่องความกระจ่างใส 
ถึงแม้เขาจะเป็นสูตรกระจ่างใสที่ผสม Alpha-Abutin ก็ตาม

เพราะปกติ เราไม่กล้าใช้อะไรที่เคลมว่าให้ความกระจ่างใสเลยเพราะกลัวแสบหน้า
แต่พอใช้ไปได้ซักครึ่งขวด เราเริ่มรู้สึกว่าหน้าขาวขึ้นนะ 
แบบ รองพื้นเดิมกลายเป็นเข้มไปเลยอะ ว่าไม่ได้เด้อว่าไม่ได้
แถมเราไม่รู้สึกว่าหน้าบางลง 
โดนแดดแล้วไม่แสบเหมือนที่เคยใช้พวกไวเทนนิ่งตัวอื่นเลยด้วย

คือเลิฟฟฟ ดี ใครที่กำลังหาบำรุงที่
ที่ความชุ่มชื้น กระจ่างใส ไม่เหนียวเหนอะหนะ 
และเหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย ตัวนี้ตอบโจทย์เลยค่ะ

ซีรีย์ Essence น้ำตบยังไม่จบ มากันที่ตัวต่อไป SK-II Facial essence treatment
ตัวนี้คือเขาดังอยู่แล้ว 
เราเองก็ได้ยินกิตติศัพท์ สรรพคุณอันเลื่องลือของเขามาแต่ไหนแต่ไร
แต่ด้วยความที่ราคาก็แรงอยู่ เลยไม่ได้ลองซักที 
จนมาอายุเริ่มเหมาะแก่วัยที่ควรดูแลเรื่องริ้วรอย
เราเลยจัดขนาดทดลองมาลองดูก่อน เพราะกลัวเดี๋ยวแพ้ด้วย
เพราะบางคนแพ้ตัวนี้ก็เยอะพอสมควร

เนื้อผลิตภัณฑ์ตัวนี้ค่อนข้างบางเบา ไม่เชิงเหมือนน้ำเปล่า 
ทาลงบนผิวแล้วให้ความรู้สึกชุ่มๆ หนึบนิดๆ
แต่เกลียดกลิ่นมากบอกเลยย คือกลิ่นไม่ถูกจมูกอย่างแรง 
เนื้อสัมผัสอะไรอย่างอื่นคือผ่านหมด

เราลองใช้ตอนกลางคืน ตื่นมาตอนเช้า คือ 
เหยยย ว่าเขาไม่ได้ รูขุมขนอันกว้างขวางของอิฉันหายหมดค่ะ
และตัวนี้เรารอดดด เพราะไม่แพ้อีกต่างหาก
สรุป >> ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขน บางเบาสบายผิว และ สำหรับเราไม่แพ้ค่า 

ตัวต่อมา หัวเชื้อ Hyaluron จากญี่ปุ่น
อย่าถามว่าไปญี่ปุ่นหมดไปเท่าไหร่ น้ำตาจะไหล 
ประหนึ่งกินสกินแคร์ต่างข้าวต่างน้ำ 5555 
แต่ขอเม้าท์หน่อย เวลาซื้อสินค้าญี่ปุ่นคือ ซื้อละรู้สึกไม่เสียดายเงินอะ 
ถึงราคาจะไม่ได้ถูกมาก แต่คุ้มค่าแทบทุกอย่าง ซื้อละทำใจซื้อราคาที่ไทยไม่ลงเหล๋ย

ตัวนี้ทีแรกเราไม่ได้สนใจ เพราะคิดว่าคงงั้นๆ 
แต่คุณเพื่อนที่ไปด้วยนางป้ายยาไง ว่า เหยแก มันดีนะ คนเขาใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง 
นี่ก็เลยแบบ อะ ก็ได้ๆ ซื้อขวดเล็กกรุบๆพอ
พอกลับมาโรงแรมมาลองใช้ ว่าบาปปป ตื่นเช้าต้องรีบไปตำใหม่ 
แถมยังป้ายยาให้เพื่อนคนอื่นอีกด้วยว่ามันดีมากก

ช่วงไหนที่เราผิวแย่ๆ เราจะใช้ทาก่อนลงสกินแคร์ทุกอย่างเลย 1 รอบ 
ตามด้วยใช้แบบหยดลงสกินแคร์ทุกตัวอีก 1 รอบ
สำหรับเรา ใช้แบบนี้ละเวิร์ค รู้สึกว่ามันบูสต์สกินแคร์ที่เราใช้เป็นประจำให้ดียิ่งขึ้น 
และเก็บความชุ่มชื้นบนผิวไว้ได้นานขึ้น
แต่ถ้าทาเดี่ยวๆ สำหรับเรา คือ ไม่เห็นผลอะไร 
เหมาะกับการใช้ผสมสกินแคร์ตัวอื่นๆมากกว่าค่า

มาถึงซีรี่ย์น้ำตบตัวสุดท้าย Minon Amino Moist charge lotion

ตัวนี้เราวอแวอยากได้มานามาก ตั้งแต่อยู่ไทย 
แต่ราคาที่ไทยก็แรงอยู่สำหรับ Drug store product เลยรอไปตำที่ญี่ปุ่น
รอบแรก คือ เข้าไปซื้อในดองกี้อย่างดิบดี หยิบกล่องไปจ่ายเงินอย่างมั่นใจ 
สรุป พอถึง รร แกะกล่องออกมาได้โฟมล้างหน้าเฉ๊ยๆๆ 555555 
เซนเซที่สอนภาษาญี่ปุ่นอิฉันมาตลอด 3 ปี
จิต้องหลั่งน้ำตากับสกิลภาษาญี่ปุ่นเท่าหางอึ่งของอิฉัน

คิดใหม่ทำใหม่ ไปจัดมาใหม่ คราวนี้ตั้งใจอ่านดีๆ 
แล้วจัดแบบถุงเติมมา เพราะกระเป๋าไม่มีที่ใส่แย้ว

ตัวนี้ เราไปซื้อขวดแบบหัวสเปรย์มาใส่ 
(ก่อนเทลงไป แนะนำล้างขวดด้วยน้ำเกลือ สเตอไลน์ก่อน 1 รอบเพื่อความสบายจุย) 
แช่ตู้เย็นไว้ แล้วเวลาจะใช้ก็เอามาฉีดๆบนหน้า ละนวดให้ซึม 
รู้สึกประหยัด และ สดชื่นนน

ตัวนี้คือ เราให้ห้าดาวเลย คือดีมากกก เนื้อบางเบาแต่ชุ่มชื้นมากๆ 
สำหรับเรา เราว่าชุ่มชื้นกว่า Laneige skin refiner ที่เคยชอบอีก
และที่ดีกว่าคือ ตัวนี้พอทาแล้วซึมลงบนผิวเลย 
ไม่ทำให้หน้ามัน ไม่ผสมน้ำหอม ไม่ผสมแอล อ่อนโยนมากก 
แล้วไม่แพ้ด้วย ใครแพ้ง่าย ไม่ชอบอะไรเหนียวๆ แนะนำเลยค่ะ

สรุป >> ชุ่มชื้นหนักมากก อ่อนโยน ไม่แพ้ และ ไม่เหนียวเหนอะหนะ
ตัวต่อมา เข้าสู่หมวด Emulsion กันบ้าง ตัวนี้คือ  
Provamed Astaxanthin emulsion
ใช้หมดเป็นสิบขวดได้แล้ว เราชอบมากกกก 
เนื้อสัมผัสคือจะเหมือนเจลหยุ่นๆ ทาแล้วเหมือนเคลือบผิวไว้ ใช้แล้วหน้านุ่ม 

เขาบอกว่าเป็น Advance anti-aging ที่เหมาะกับคนวัย 25+ 
เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต ตัวนี้ผสมน้ำหอมมาอ่อนๆ 

แต่เราใช้แทบทุกตัวของเขาแล้ว คือไม่แพ้ เลยไว้ใจ นี่หมดไปหลายขวดแล้ว
สำหรับเรา คือ เราชอบในเอฟเฟคที่ทำให้หน้านุ่ม ชุ่มชื้น 
แต่ยังไม่เห็นผลเรื่อง Anti-Aging เท่าไหร่

สรุป ใครหาผลิตภัณฑ์ที่เนื้อสัมผัสเข้มข้นกว่าน้ำตบ 
เห็นผลในเรื่องของความชุ่มชื้น ผิวนุ่มนิ่ม ราคาเบาๆ แนะนำตัวนี้เลยค่ะ
ตัวต่อมา เป็น Hyaluron สาย ฝ. จ้า ตัวนี้เราได้มาจากเยอรมัน ที่ร้าน DM
เอาจริงๆคือ ตอนหยิบมายังไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลย 
คือยากมาก เพราะเป็นภาษาเยอรมันหมด
พอมาแกะ และส่องแอพแปลภาษาถึงได้รู้ว่าเขาเป็น Hyaluron 

ตัวนี้ความเก๋คือตัว Applicator เป็นหัวพลาสติคเหมือนอายเซรั่ม 
เราเลยเอามาทาใต้ตา กับ หางตา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

ตัวนี้สรรพคุณเราว่าเป็น Dupe กับ Hya ของญี่ปุ่นอะแหละ 
ถือว่าดี ไม่มีกลิ่น ไม่แพ้ ชุ่มชื้นพอประมาณ ใครไปเยอรมันจัดเลยค่า
Balea Dunckle Flecken Aufheller
ตัวนี้อยู่ในซีรีย์พบเธอที่เยอรมันเหมือนกัน เป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของร้าน DM
ตอนเลือกคือแบบ ยากมากก เป็นการซื้อของที่ยากมาก 
เพราะต้องกดแอพแปลทุกตัว แต่คนผีบ้าอย่างอิฉันก็ทำค่ะ 55555 

ตัวนี้สรรพคุณเขาจะเป็นลดเลือนจุดด่างดำ ผสมน้ำหอมมาแน่นอยู่ 
เราลองที่หน้าแล้วไม่ค่อยสบายหน้าเท่าไหร่ เลยพลอยไม่สบายใจไปด้วย

สรุปเราเอามาทารอยสิวที่อกกับหลังแทน ไม่ระคายเคือง 
ควบคู่ไปกับการขัดผิวด้วยใยบวบ
คุณขาว่าบาป อกกะหลังอิฉันขาวกว่าหน้าแล้วตอนนี้
ใครเป็นผู้มีผิวหน้าแข็งแกร่งจัดมาลองเลยค่ะ
เราว่าเวิร์ค รู้สึกว่าเขาจะช่วยกระตุ้นผลัดเซลล์ผิวได้ดีมาก
ส่วนทางเรา ขอยาดเอาไปทาตัวแทนละกันค่า อิอิ

สรุปว่า >> ผลัดเซลล์ผิวดี แต่คนผิวแพ้ง่ายอาจจะไม่เหมาะ
Balea Q10 Anti Falten serum
อ่ะ หลายคนอาจจะสงสัย เอ๊ะ อิฉันเป็นเซลล์ของ Balea รึเปล่า เปล่านะคะเปล่า 
แต่ใช้แล้วชอบ แถมราคาที่โน่นคือถูกมากจนอยากเอามาแชร์

ตัวนี้ขออนุญาติไปหารูปจากเน็ตมาแปะ เพราะใช้ไปหมดแล้ว แต่ชอบมากก
และตัวขวดก็เยินสุดไรสุด น้องคงอายถ้าต้องออกมาพบปะประชาชีชะนีทั่วไทย

ตัวนี้คือ เต็ม 10 ไม่หักไปเลย กับตัว Serum Q10 
ตัวนี้คุณสมบัติของเขาคือ ช่วยลดเลือนริ้วรอย

เนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นครีมที่ไม่ข้นมาก แต่ก็ไม่เหลวถึงขนาด Essence
ตัวนี้ผสมน้ำหอมมา แต่เราไม่แพ้ 

ทีแรกเราใช้ก็เฉยๆ แต่พอหมดขวดไประยะนึงก็เพิ่งมาสังเกตว่า 
เอ๊ะ ทำไมหน้าเริ่มมีริ้วเล็กๆ ?
เหตุผลก็คือ ตอนใช้ผิวหน้าดูฟูขึ้นจนริ้วรอยหายไปนั่นเอง 

สรุปว่า เห็นผลในเรื่องของผิวอิ่มฟู ริ้วเล็กๆดูตื้นขึ้นค่ะ 
ใครมีโอกาสไปเที่ยวเยอรมันแนะนำว่าควรลอง ถูกและดี มีจริงงง เชื่อเรา
Balea Anti Falten crème 24H Pflege
ตัวสุดท้ายในไลน์ของ Balea ตัวนี้ก็เด็ดอีกตัวนึง
ที่เราชอบมากพอๆกับตัว Serum ด้านบน

ตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมเข้มข้น แต่ทาละซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ 
เราใช้แล้วรู้สึกว่าผิวอิ่มฟู ลดริ้วรอยเล็กๆ
และทำให้หน้ากระจ่างใสด้วย เพราะผสมวิตามินซี 

ใช้ตัวนี้คู่กะฮาดะน้ำเงิน คือตอนนี้ต้องเปลี่ยนสีรองพื้นละเด้ออ

ที่สำคัญคือ ไม่ทำให้แสบหน้า หน้าทำให้รู้สึกว่าผิวบางลง 
ผสมน้ำหอมมาประมาณหนึ่ง แต่เราไม่แพ้

สรุป >> ลดริ้วรอย ผิวฟู กระจ่างใส ไม่แพ้ ไม่แสบหน้า 
แต่ใครที่แพ้ง่ายแนะนำว่าให้เทสต์ก่อนนะคะ

Sebamed crème
ปกติเราเคยใช้ครีมยี่ห้อนี้ในไทย 
แต่เพิ่งรู้ว่าเขามีขายที่เยอรมันด้วย เลยไปกอบโกยมาหลายสูตร

สูตรนี้ เป็นสูตรเบสิคๆธรรมดา ผสมวิตามินอี มีน้ำหอม แต่ใช้แล้วไม่แพ้ 
และเป็น pH5.5 คือรักษาสมดุลความเป็นกรดด่างบนผิว

เราว่าคนหน้าแห้งจะต้องเลิฟนะ เพราะเขาชุ่มชื้นมาก เหมือนเติมน้ำมันให้ผิวด้วย
คนหน้ามันอาจจะใช้แค่ตอนกลางคืนพอ ใช้กลางวันละหน้าเยิ้มมาก

สำหรับเรา เห็นผลแค่เรื่องความชุ่มชื้น 
และ อ่อนโยน ไม่แพ้ ไม่แสบหน้า เป็นมอยเจอไรเซอร์ทั่วไป 

ไม่ได้เด่นอะไร แต่แนะนำสำหรับคนผิวแห้งและแพ้ง่าย ค่ะ
Sebamed Falten filler
ตัวนี้คือ คุณความรักที่แท้ทรู เต็ม 10 ไม่หัก เต็ม 100 ก็ไม่หักจ้า

ตัวนี้กลิ่นอ่อนๆเหมือนขนม 
เคลมว่าสามารถลดเลือนริ้วรอย และปกป้องการเกิดริ้วรอยได้ด้วย
ตัวนี้มี pH balance รักษาสมดุลกรดด่างของผิวเช่นกัน

สิ่งที่เราชอบคือ ใช้แล้วหน้าฟูมากกก ชุ่มชื้น 
ผิวแน่นฟูอย่างเห็นได้ชัดเลย แถมไม่แพ้ ไม่ระคายเคืองใดๆ

เนื่องจากเนื้อแน่น เข้มข้นพอสมควร เราเลยใช้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น 
เพราะตอนกลางวันจะมันไปสำหรับคนหน้ามันแบบเราค่ะ

ใครที่หาครีมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมความชุ่มชื้น ไม่แพ้ ตัวนี้แนะนำเลยค่ะ
ครีมจากคลินิก
ช่วงที่รักษาสิวกับคลินิก Jairuk Clinic ที่เราเคยมารีวิวเรื่องฉีดโบไปเมื่อกระทู้ก่อน 
คือตอนนั้นหน้าเราพังมากกก ไปแพ้อะไรมาไม่รู้จนสิวเห่อเต็มไปหมด
พนักงานก็แนะนำตัวครีมปรับสภาพผิว (สีขาว) กับ ครีมลดรอยดำ (สีทอง) นี้มา

เพิ่งมารู้ว่านอกจากป็นครีมจากคลินิกหมอแล้ว
ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านเวชสำอางช่วยคิดค้นสูตรด้วย

บอกว่าช่วยลดการแพ้และการระคายเคือง ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น 
และช่วยลดรอยดำจากสิวด้วย
ณ จุดที่หน้าแหกมากตอนนั้น ก็รับมา 
เพราะหน้าแย่จริงๆ ใช้อะไรก็ไม่ซึมเข้าผิวไปหมด 

เนื้อครีมทั้งสองตัวจะข้นๆ แน่นๆ คล้ายๆตัว Smooth E cream แต่ข้นกว่า
เราใช้วิธีการ บีบออกมาและวอร์มถูๆกันบนมือก่อนค่อยปาดๆนวดๆที่หน้าให้ซึม 
คือซึมแบบซึมเข้าไปในผิวจริงๆ แต่จะไม่ได้รู้สึกว่ามันหายไป หรือ มันกองอยู่บนผิว
 ผสมน้ำหอมมานิดๆ ไม่ฉุน ไม่เหม็น และสำหรับเรา ไม่แพ้เด้อออ

เนื่องจากเป็นหลอดเล็ก คนชอบเดินทางอย่างเราก็พกไว้ในกระเป๋าเดินทางไปเลย 
เพราะเอาไปแค่ 2 ตัวนี้ กะ มอยเจอร์เข้มข้นอีกซักตัวก็อยู่หมัด 
จะนอนน้อย เที่ยวดึกยังไงก็หน้าไม่แห้ง ไม่โทรม 
นอนตีสามตื่นหกโมงอิฉันก็แต่งหน้าติดไม่หลุดไม่คราบค่า 
นี่ไม่ได้ม้าแต่อย่างใด ถามว่าดีจริงไหม 
ก็ดูหลอดบี้แบนที่หมดแล้วเป็นคำตอบแทนละกันว่าชอบมากแค่ไหน อิอิ

สรุปตัว ครีมปรับสภาพผิว Balancing cream + ครีมลดรอยดำ Be complex 
>> รูขุมขนเล็กลง ผิวละเอียด หน้าแน่นขึ้น 
ชุ่มชื้น ลดรอยดำจากสิว และไม่แพ้ค่ะ

อีกตัวคือหลอดสีชมพูด้านซ้ายสุด 
เพิ่งได้มาไม่นานนี้ อยู่บ้านว่างก็เอฟของเก่งไปอี๊กก
เรื่องของเรื่องคือตัว Sleeping mask 
ที่เราชอบเอาไว้ทาปิดท้ายเวลาบำรุงผิวครบทุกขั้นตอนแล้วมันหมดพอดี

 และก็ไปเจอตัวนี้เลยสนใจลองสำหรับ Sleeping mask ตัวนี้ 
ทางแบรนด์เคมว่าแก้ปัญหาผิวได้ครบในหลอดเดียว และ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายด้วย
เราชอบแพคเกจของเค้ามาก ปกติพวก Sleeping mask ชอบทำเป็นกระปุก 
แล้วเวลาใช้ก็ต้องเอานิ้วจุ่มเข้าไป

บางทีเราก็รู้สึกว่ามันทำให้ครีมไม่สะอาด แต่ตัวนี้เขามาเป็นหลอดหัวปั๊ม 
ดีตรงที่เนื้อมาส์กไม่ต้องปนเปื้อน

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นกึ่งเจลกึ่งครีมเข้มข้น ทาแล้วซึมไปในผิวทั้งหมด 
คล้ายกับ Sleeping mask ของ Clinique 

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนโยเกิร์ตผลไม้ ไม่ฉุน
ที่เราแฮปปี้มากคือ มีอยู่วันนึงรู้สึกว่าหน้าโทรม ไม่โอเค 
เราเลยบำรุงแบบจัดเต็มแล้ว โบกตัวนี้ปิดท้าย

ตื่นมาคือ หน้าใสมากกก คือมันกระจ่างใส ผิวแน่น ฟู รูขุมขนหายไปหมดเลย 
แถมพวกผดเล็กๆที่ไม่มีที่มาก็หายไปด้วย

สรุป >> ผิวแน่นฟูอิ่มน้ำ รูขุมขนกระชับ ลดสิวผด และ แพ้ง่ายก็ใช้ได้เด้ออ คือแนะนำมากกก เต็ม 10 ไม่หัก ใครชอบ Sleeping mask ควรไปตำเด้อออ
Smooth E cream
ตัวนี้คือครีมสามัญประจำบ้าน เราเชื่อว่าหลายๆคนเคยใช้แหละ 
ด้วยสรรพคุณรักษาแผลเป็นและเป็น Anti aging ในระยะยาว 
ราคาไม่แพง แถมแพ้ง่ายก็ใช้ได้ 
หมดไปกี่หลอดแล้วก็ไม่รู้ขี้เกียจนับ แต่ขาดนางไม่ได้จริงๆค่ะ

สำหรับเราคือมีตัวนี้ติดบ้านไว้ตลอดตั้งแต่เริ่มดูแลผิวใหม่ๆสมัยเรียนมหาลัย 
เพราะเราเป็นคนที่เป็นสิวตลอดเวลา แล้วมันจะชอบทิ้งรอย ทิ้งสะเก็ดไว้ 

และตัว Smooth E นี่ช่วยเรื่องแผลเป็นมาก สะเก็ดหลุดไว แผลหายเร็วขึ้น 
แถมช่วยลดรอยดำได้ด้วย คือถูกและดี ควรมีเลยค่ะ
Emboilysse Lait crème Concentre
ตัวนี้เราเห็นบลอกเกอร์ฝรั่งรีวิวสรรพคุณนางแล้วก็ตาลุกวาว 
เขาบอกว่าเป็นได้ทั้งมอยเจอร์แบบเข้มข้น เป็นไพรเมอร์ก่อนแต่งหน้าก็ได้ 
เป็น Sleeping mask ได้ แถมเป็น Makeup remover ได้วยในราคาหลักร้อย 

เห้ยยย คือต้องลองละปะ
ไปจ้า กดจากเวปฝรั่งทันทีทันใด แถมโชคดีได้มาตอนกำลังเซลล์ด้วย
เนื้อครีมเขาจะเข้มข้นมากกก หน้ามันทากลางวันไม่รอดเด้อ 
แต่คนผิวแห้งมากเราว่าจะต้องเลิฟตัวนี้มากแน่นๆ เพราะเข้มข้นจริง

ตัวนี้เราเอาไว้ทากลางคืน มันทำให้ผิวชุ่มชื้นมากๆ และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ด้วย 
ตื่นมาคือหน้านิ่มแบบได้รับการบำรุงหนักมากเลยอะแหละ 
ตัวนี้กลิ่นจะแปลกๆหน่อย คล้ายๆยาหม่อง (งงมาก) 
ทาแล้วไม่แสบ ไม่ระคายเคือง เราไม่แพ้ 

หมดไป 1 หลอดแล้ว หลอดที่ 2 กำลังจะหมดตามไปเร็วๆนี้

สรุป ถูกและดี ชุ่มชื้นหนักมาก ไม่แพ้ แนะนำมากๆสำหรับคนผิวแห้งขั้นสุด 
แต่หาซื้อยากต้องพรีเอา ไม่ก็ซื้อที่ญี่ปุ่นมีขายค่ะ
Simple Rich moisturizer
ตัวนี้คือ คุณความรักก เนื้อคู่ที่แท้ทรู มีนางติดตู้เย็นไว้สบายใจ 

ตัวนี้คือให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก ซึมลงผิวไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่แพ้ และไม่แพง 
ยิ่งซื้อที่อังกฤษคือถูกแบบไม่ถึงร้อย 
ตอนเราไปเที่ยวคือ ซื้อจนพนักงาน Boots ตกใจว่ายูเป็นอะไรรึเปล่า 
หอบกลับมา 8 ขวดจุกๆแต่เพียงผู้เดียว 

ตัวนี้ไม่ผสมน้ำหอม ไม่ผสมแอลเลย คนแพ้ง่ายใช้ได้ค่ะ
สรุป ถูก ดี ชุ่มชื้น ไม่เหนียว อ่อนโยน แพ้ง่ายใช้ได้
ครีมสมุนไพรกวาวเครือ ชุมชนปฐมอโศก 
เราได้มาจากตอนที่ไปเดินเล่นร้านขายของสมุนไพรออแกนิคกะแม่ 
แล้วเห็นแพคเกจมันน่าใช้ดี

ตัวนี้เคลมว่าช่วยทำให้ผิวอ่อนกว่าวัย ชะนีกลัวแก่อย่างอิฉันก็จัดมา 1 กระปุก 

เนื้อเขาจะเป็นครีมเจลๆ คล้าย Sleeping mask 
เราชอบเอาแช่ตู้เย็นไว้ ทาแล้วฟินมาก 

ตัวนี้มีกลิ่นหอมแบบสมุนไพรอ่อนๆ ใช้แล้วไม่แพ้ ไม่แสบ ไม่ระคายเคือง
ยังไม่ค่อยเห็นผลเรื่องผิวอ่อนกว่าวัยเท่าไหร่ แ
ต่เราชอบเนื้อสัมผัสของเขา นี่ก็ใช้มากระปุกที่สามแล้ว 

สรุป >> ทาแล้วเย็นๆ เบาสบายหน้าเหมือนทา Sleeping mask 
เหมาะกับการทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว
Skinter guard Aloevera gel 
ตัวนี้เป็น The best เจลว่านหางที่เราเคยเจอเลย ใช้มาตั้งแต่สมัยมหาลัย

คือดีมากกก เป็นเจลว่านหางเพียวๆ ไม่ผสมแอล ไม่ผสมน้ำหอม 
ทาแล้วซึมลงผิว ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ชุ่มชื้น 
ไม่เหมือนบางยี่ห้อที่ทาแล้วจะแห้งๆตึงๆผิว 
ทาแล้วไม่แสบหน้า ชุ่มชื้น อ่อนโยน แช่ตู้เย็นไว้เอาออกมาทาคือฟิน

ส่วนตัวเราชอบเอามาทาปิดท้ายการบำรุงผิว 
รู้สึกว่าช่วยล๊อคความชุ่มชื้นไว้ได้ดีมากๆ 

ถูก ดี ควรมี หาซื้อได้ตามร้านขายยา ค่ะ 

Clinique moisture surge overnight mask 
ตัวนี้เป็น Sleeping mask ของคลีนีค เราชอบพกใส่กระเป๋าเวลาไป ตจว 

ตัวนี้ทาจับคู่กับครีมของคลินิกใจรักษ์คือดีมาก หน้านุ่ม ชุ่มชื้น 
เพลียแค่ไหน นอนน้อยแค่ไหนก็ไม่โทรม 

เนื้อเขาจะเป็นเจลครีมเข้มข้น ไม่มีน้ำหอม ให้ความชุ่มชื้นได้ดีมากๆ 

สรุป ชุ่มชื้นมากก อ่อนโยน ไม่แพ้ 
ใครแพ้ง่ายมองหา Sleeping mask ดีๆ ควรไปตำเลยค่ะ
Rojukiss Premium mask
ถูกและดีมีมาอีกแล้วจ้า ตัวนี้เป็น Sheet mask ที่เราใช้แล้วชอบมากก 
เขามีน้ำหอม และ รู้สึกว่าไม่ได้อ่อนโยนมาก แต่เราไม่แพ้ 
แผ่นมาส์กเขาแนบผิวได้ดีมาก รู้สึกว่าน้ำมาส์กที่ให้มาเยอะๆซึมลงผิวได้ดี 
ชุ่มสุดๆ มาส์กได้นาน

ในทั้ง 3 สูตรนี้ เราประทับใจสูตร Poreless ที่สุด เพราะเห็นผลมากสุดสำหรับเรา
พอมาส์กเสร็จ ดึงแผ่นออกแล้วจะเห็นเลยว่าหน้าเรียบขึ้น รูขุมขนหายไปทันตา

ช่วงที่จัดโปรคือ 2 ชิ้น ราคา 49 เอง 
ถูกและดี ต้องตำค่า (ปล.คนแพ้ง่ายเทสต์ก่อนน้า) 
มาถึงหมวดบำรุงปากกันบ้าง 
ปกติเราเป็นคนไม่ทาลิปมันระหว่างวัน จะทาแค่ 2 รอบ คือ เช้าและก่อนนอน 
ตัวที่เลิศเอาอยู่สุดๆคือ Laneige sleeping mask 
ขนาดไปเที่ยวเมืองหนาวด้วยกัน ทุกคนปากแตกกันหมดทริป มีอิฉันรอดอยู่คนเดียว
ทารอบเดียวชุ่มชื้นทั้งวัน สำหรับเราไม่ทำให้เหนียว ทารอบเดียวอยู่ ไม่หลุดง่าย

สรุป ชุ่มชื้น อยู่ทน กลิ่นหอม


อีกตัวที่เพิ่งได้มาแล้วรักมากกกก ก็คือ 
Bobbi brown Extra lip tint สี Bare Punch
นางเป็นลิปมันมีสี ความดีงามคือ เนื้อดีมากกก ชุ่มชื้นกลางๆ 
แต่เกาะปากได้ดี ไม่เหนียว และไม่หลุดง่าย
ทาแบบปกติก็คือ ครึ่งวันถึงค่อยเติมปาก ซึ่งถือว่าทนมากๆในบรรดาลิปมัน

สรุปคือ สีสวย เนื้อดี ติดทนปานกลาง


ตัวสุดท้าย Balea Intensiv lip care 
ลิปมันแบบเข้มข้นจาก Dm เยอรมันเหมือนเดิม ชุ่มชื้น 
ทาแล้วปาก Glossy มาก ติดทนปานกลาง 
ใครไปเยอรมันก็ซื้อมาขำๆ อันนึงไม่ถึง 100 บาทไทย คุ้มค่ะ
ในช่วง COVID-19 ที่ทุกคนกระหน่ำล้างมือแบบไม่กลัวเส้นเนื้อคู่หาย 
Hand cream ก็จำเป็นนะคะซิส อย่าปล่อยให้มือสากเป็นกระดาษทราย
ตัวแรกซ้ายสุด คือ Kose Precious garden hand cream 
ตัวนี้เลิศมากกก เป็นแฮนด์ครีมแบรนด์ญี่ปุ่นที่เลิศมากกก 
คือชุ่มชื้น ทาแล้วซึม ไม่เหนียว
และเก็บกักความชุ้มชื้นไว้ในมือได้ด้วย บ
อกเลยว่าเราชอบที่สุดตั้งแต่ใช้แฮนด์ครีมมา 

ตัวกลาง แฮนด์ครีมตัวดังจาก L’Occitane Sheer butter hand cream
ตัวนี้ก็ดีค่ะ เนื้อสัมผัสดี ไม่เหนียว ทาแล้วชุ่มชื้น ติดทนปานกลาง
กลิ่นหอมอ่อนๆ ผ่อนคลาย ราคาใช้ได้อยู่ ไม่แน่ใจที่ไทยเท่าไหร่ 
แต่เราได้มาในดิวตี้ฟรีประมาณ 700 บาทไทย

ตัวสุดท้ายขวาสุด Karmill Hand crème  
ใครไปเยอรมันก็ชอบซื้อมา ดังสุด คุ้มราคา 
ถูกมากกก หลอดนี้ 2 ยูโรเอง ชุ่มชื้นกำลังดี 
เป็นเนื้อครีมที่ทาแล้วเหมือนจะกลายเป็นออยล์ 
ใช้เมืองหนาวคงจะดี แต่พอมาใช้ในไทยมันเหนียวไปหน่อยเลยไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่
 
สรุปชอบมากสุดคือ Kose >> L’occitane >> Karmill 
เกิดเป็นชะนีขี้แพ้ก็ต้องสู้หนักหน่อยจ้า
ก็หวังว่ารีวิวที่เรามาแชร์ในวันนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับหลายๆคนนะคะ 

เหมือนเดิมสำหรับคนแพ้ง่าย แนะนำให้เทสต์ก่อนใช้จริงทุกครั้ง
จะเทสต์หลังหู หรือ ตามข้อพับแขนก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเงินฟรี 
แถมต้องเสียเงินรักษาหน้าอีก

สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าค่า