รีวิว Cushion (ผิวมัน) กับ Concept งานผิวที่แท้ทรู : JUNG SAEM MOOL Essential Skin Nuder Long Wear Cushion.

48 10
ห่างหายจากการเขียนรีวิวไปหลายเดือน กลับมาครั้งนี้ หวังว่าจะถูกใจเพื่อนๆกันนะครับ ... ochiki

เกี่ยวกับ JUNG SAEM MOOL
     สาวก Cosmetic สายเกา คงไม่มีใครไม่รู้จักแบรนด์ JUNG SAEM MOOL อย่างแน่นอน จุดเริ่มต้นจาก Makeup Artist ชื่อดัง ที่ได้เนรมิตรสีสรรบนในหน้าให้กับสาวๆ จนผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในเกาหลีและต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยความเข้าใจ เหมาะสม และตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี จุดเด่นของแบรนด์นี้คือ ความเป็นธรรมชาติ ให้ความสำคัญกับเรื่องความชุ่มอิ่มของผิวหน้า ไม่ว่าผิวจะต้องการการปกปิดสูง หรือแมตต์แค่ไหน ก็ยังคงความเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับของสาวๆ เกาหลี 
นักแสดงวันนี้ ขอเปิดตัวน้อง JUNG SAEM MOOL Essential Skin Nuder Long Wear Cushion #23 Medium-Deep เราได้น้องมาในราคาที่ถูกมาก (เข้าใจว่าถ้าซื้อที่ Shop น้องจะประกอบด้วยตลับจริง+รีฟิลนะ) รุ่นนี้น้องเครมตัวเองว่าเป็นคุชชั่นที่เกิดมาสำหรับคนผิวมัน น้องมาพร้อมสารบำรุงที่ช่วยเรื่องขาว กระจ่างใส และริ้วรอย พร้อมกันแดด ครบถ้วนตามแบบฉบับคุชชั่น (เราไม่เห็นสารประกอบ บอกตรงๆ ยังไม่คาดหวังจ้ะ) น้องมีด้วยกัน 4 เฉดสี คือ Fair-Light / Light / Medium และ Medium-Deep เอาจริงๆนะยอมรับว่าเป็นคนเสพติดแพคเกจจิ้ง สำหรับรูปร่างหน้าตาของน้อง เราตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเลย เราคิดว่าโทนสี ซึ่งเราระบุไม่ได้อ่ะ อารมณ์ประมาณสีครีมไข่ไก่มีความมุก วิบวับ ใน Texture เนื้อแมตต์ บวกกับการจัดวางตัวหนังอักษรที่มีความ “Less is More” น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น มากกกกกกกกกกกกก (ป้ายยาแรงๆไปเลย) 
Tips เกี่ยวกับคุชชั่น :หลายๆคนรู้จักแต่หน้าตาคุชชั่นกันเป็นอย่างดี แต่ที่มาที่ไปของเจ้านวัตกรรมที่เรียกว่าคุชชั่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยนะ คำว่า “Cushion” ถ้าเอาไปเสริชใน Google translate ก็จะเจอความหมายว่า รอง , เนื้อส่วนก้น ก็พอจะอุปมาอุปไมยได้ว่าผู้ที่ให้กำเนิดชื่อคุชชั่นเป็นเจ้าแรก (คุณ คยองโฮ ชเว (Kyungho Choi) วิศวกรผู้คิดค้นพัฒนา และเป็นประธานคุชชั่นแลปในศูนย์วิจัยของอมอร์แปซิฟิค ประเทศเกาหลีใต้ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2008) น่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าเนื้อผลิตภัณฑ์ที่รองอยู่ส่วนก้นตลับใต้ฟองน้ำก็เป็นไปได้นะ แนวคิดการผลิตเจ้าคุชชั่น ถ้าสรุปแบบสูตรคณิตศาสตร์ ก็คือ คุชชั่น = รองพื้น (ชนิดน้ำ) + สารกันแดด + Skincare มันคือการนำทุกอย่างที่เราต้องประโคมลงไปในตอนเช้าเนี่ยมารวมอยู่ด้วยกันนั่นเอง เพื่อลดทอนขั้นตอนในการแต่งหน้าให้รวดเร็ว สะดวกแก่การใช้งานมากยิ่งขึ้น
พอเปิดตลับมา ก็พบกับพัฟฟองน้ำ ก็ปกตินะ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เนื้อพัฟมีความแน่น หนา ไม่บางเฉียบ ทำหน้าที่กด เกลี่ย เนื้อคุชชั่นได้ดี ไม่ได้บกพร่องอะไรจ้ะ
ด้านในตลับก็คือตลับคุชชั่นแหละแก จะให้เล่นท่ายากอะไรหล่ะ .... แต่ แต่ สายตาเราไปสะดุดกับด้านหลังของฝาปิดด้านใน ซึ่งเค้าทำ Texture ที่ฝาเอาไว้สำหรับให้เราได้ Mix&Touch ตามสไตล์ของ JUNG SAEM MOOL ที่จะต้องมีการผสมเนื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหนตัวนี้เข้าด้วยกัน มีการปาดเอาเนื้อผลิตภัณฑ์ส่วนเกินต่างๆ ออก ใช้ผลิตภัณฑ์ลงบนผิวอย่างพอเพียง 555 (เอาจริงๆ เรายังเชื่อว่าคนไทยอ่ะ โบกสู้ตาย ไม่มีพักค่ะขุ่นแม่) แต่ก็ยอมในการออกแบบนะ เป็น Gimmick เล็กๆให้เราได้เล่นสนุกกัน น่ารักดีนะ
เนื้อคุชชั่นเมื่อทดลองปาดลงบนมือ เห้ยยยยย... น้องมาอันเดอร์โทนเหลืองจริงๆด้วย น้องไม่เทา ไม่เหาะเลย  (แต่เราเลือกสีมาผิด เข้มกว่าผิวเราไปจริงๆด้วย) น้อง set ตัวเร็ว ให้ผิวที่แมตต์ ไม่เหนอะหนะผิวหน้า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กำลังดีเลย สิ่งที่คุณ JUNG SAEM MOOL เค้าตระหนักนักหนาเรื่องความธรรมชาติ เรื่องงานผิว เห้ยยยยย...เค้าทำได้จริง แกรรร มันเป็นแมตต์ที่ยังเล่นแสงอยู่ แล้วไม่ใช่แสงที่มาจากงานชิมเมอร์ งานกริตเตอร์ หรืองานมันวาวจาก oil ด้วย ไม่รู้นางร่ายมนต์อะไรลงไป (ถ้าเราเห็นส่วนประกอบเราจะพอเดาได้ แต่นางมาในภาษาเกา เราก็ตายค่ะ อ่านไม่ออกหรอกนะแม่) ยังประทับใจกับความสามารถในการกระเจิงแสงของนางภายใต้งานผิวที่แมตต์เช่นนี้ เรากราบบบบบในความสามารถของนาง ยอมจริงๆ
เมื่อลงบนผิวหน้า น้องปกปิดอยู่เด้อออ นางไม่ได้มาลุคใสๆ แบ๋วๆ อยู่นะ 555 แม่จัดมาให้แบบปัง ปัง แน่น แน่น เลย ถ้าถามเราว่าน้องให้งานผิวแบบธรรมชาติมั๊ย (ส่ายหน้า หึหึ) แต่งยังไงให้รู้ว่าแต่ง ก็น้องเค้าแหละ 555 แต่ในความแน่นนั้น ยังคงยืนยันเรื่องความกระเจิงแสง เล่นแสงของน้องจริงๆนะ มันอาจทำให้คนมองข้ามเรื่องความแน่น แล้วไปชมผิวที่สวยแทนก็ได้ คะแนนความคิด คะแนนท่ายาก ก็ต้องให้เค้า 10 10 10 นะ
ลุคออกไปจ่ายตลาด ก็ขอเบาๆแล้วกันเนอะ แต่เราต้อง Set แป้งฝุ่นนะ เพราะเราผิวมันมาก คนผิวมัน คิดจะใช้คุชชั่น เลิกมโนเรื่องคุมมันนะจ๊ะ ไม่มีจริง อย่างเก่งขอแค่ 3 ชั่วโมงกับผิวสวยๆ ฉ่ำๆ แบบนี้ ถือว่าผ่านแล้ว น้องทำหน้าที่ได้ดีแล้วจ้ะ หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น มาดูกัน ... เราประโคมหน้าเสร็จเวลา 12.00 น. สภาพอย่างที่เห็น (น่ารักเนอะ)
ซับหน้าครั้งแรกเวลา 14.30 น. ถามว่าจำเป็นต้องซับหน้ามั๊ย คำตอบคือยังไม่ต้องก็ได้นะ แต่ตอนนั้นบังเอิญต้องลงจากรถไปทำธุระ ถ้าหน้าฉ่ำเราจะไม่มั่นใจ 555 แต่จังหวะที่หน้าเริ่มแสดงความฉ่ำออกมานั้น ผิวก็ยังโอเคอยู่นะ ไม่ได้ดูสังขยา ความมันที่เราซับได้เกือบจะเต็มแผ่นนั้นถือว่าปกติจ้ะ 555 แอบมีแป้งหลุดติดออกมานิดหน่อย พอซับหน้าแล้ว ความผ่องก็กลับมาอีกครั้ง ไปต่อค่ะ
ซับหน้าครั้งที่สองเวลา 17.30 น. ก่อนหน้านี้ต้องมีไปคุยงาน เดินตากแดด ไม่ได้อยู่แอร์ ไม่ซื้อกับข้าวที่ตลาด สมบุกสมบันพอสมควร ไม่ต้องห่วงจ้ะ ผลตามในรูปเลย คือความมันเต็มแผ่น แต่จริงๆ ปกติเราสามารถซับได้ 2 แผ่นแบบมันๆเช่นนี้ได้เลยนะ แต่วันนี้ใช้แผ่นเดียวก็เพียงพอแล้ว พอซับเสร็จ อ้าว...หน้ายังโอเคนะ กลับมาผ่องเป็นยองใยเหมือนเดิม น้อง Long Wear สมชื่ออยู่นะ
เช็คสภาพหน้าครั้งสุดท้ายก่อนไปอาบน้ำ เวลา 22.30 น. ก็ยังมีคุชชั่นติดอยู่บนผิวหน้าอยู่นะ เรื่องหน้ามันไม่ต้องห่วงจ้ะ สภาพตอนนี้เอาไข่มาเจียวบนหน้าได้เลย พร้อมมากกกก 555
สรุปผลการใช้งานและความคุ้มค่า ...  
สภาพผิวมัน (มาก) ใช้คุชชั่น JUNG SAEM MOOL รุ่น Essential Skin Nuder Long Wear Cushion เบอร์ 23 สี Medium-Deep ทดลองตั้งแต่เวลา 12.00 - 22.30 น. รวม 10 ชั่วโมง 30 นาที ผลที่ได้รับ น้องปกปิดรอยอารยธรรมบนใบหน้าได้ดี ผิวแมตต์ได้ประมาณไม่เกิน 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นมีความฉ่ำ วาว แต่ไม่เยิ้ม สังขยา พอซับหน้าด้วยกระดาษซับหน้ามัน ผิวหน้าก็กลับมาผ่องอีกครั้ง น้องสามารถทำหน้าที่ Long Wear ได้จริงตามคำเครมของแบรนด์ สรุป ซื้อซ้ำมั๊ย คำตอบคือ ซื้อซ้ำ และควรมีจ้ะ 10 10 10 ไปเลย ต้องมีด่วนๆ

+ พึ่งหัดเขียน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ +
++ จะพยายามรื้อคลังแสงมาเขียนบ่อยๆนะครับ ++
+++ ฝากติดตาม แล้วพบกันใหม่นะครับ ... Ochiki +++

 


Ochiki Apinyawut Wirotewatechapan

Ochiki Apinyawut Wirotewatechapan

สวัสดีครับ ชื่อโอ๊ตนะครับ พึ่งเริ่มเขียนจริงจังหลังจากเป็นผู้อ่านมานาน พบกันได้ที่เพจ โอชิกิแอนด์เฟรนด์ (@OchikiAndFriends) .... ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ

FULL PROFILE