เฉลยข้อข้องใจ :เหตุใดแม่มารายห์จึงไม่ปลื้ม J Lo

63 10

"ชั้นไม่รู้จักหล่อนเลยจ้ะ" 


นี่คือประโยคเชือดเฉือนที่ Mariah Carrey เมื่อได้รับคำถามเกี่ยวกับ Jennier Lopez ถูกถามซ้ำเมื่อไร แม่หมีก็จะยืนยันคำเดิมว่า " ยังไงชั้นก็ยังไม่รู้จักหล่อนอยู่ดี" กลายเป็นการเย้ยหยันแบบดิว่าในตำนานที่ยากจะลืมเลือน




แต่เพราะอะไร   Mariah จึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ปลื้ม J Lo   เราจะลองมาวิเคราะห์สาเหตุกันค่ะ  


J Lo กับข้อกล่าวหา  ghost singer


 หลายคนอาจจะข้องใจว่า  ไม่เคยเห็นซุปตาร์ที่ภาพลักษณ์ดีอย่าง J Lo ก่อดราม่าหรือจิกกัดกับดิว่าคนอื่นๆ    แล้วเหตุใดแม่มาลัยจึงแสดงท่าทางไม่ปลื้มออกหน้าออกตา     จะว่าเป็นตู่แข่งกันก็ไม่ใช่  เพระาแม่มาลัยแสดงความชื่นชมศิลปินหญิงร่วมวงการ  ไม่ว่าจะเป็น Beyonce   Rihanna   หรือจะเป็น Adele

หลายฝ่ายวิเคราะห์ตรงกันว่า นี่อาจจะเป็นตัวอย่างของดราม่า "การฉกฉวยทางวัฒนธรรม" ถ้าจะให้ยกตัวอย่างกันให้ชัดเจนแล้วล่ะก็ Kim Kardashian ถูกโจมตีเรื่องการใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรมของ black community อย่างไร J Lo ก็เคยถูกกล่าวหาในเรื่องเดียวกันมาแล้ว


J Loอาจจะเป็นตัวแทนของชาวอเมริกันเชื้อสายละติน แต่ในยุค 2000s เธอได้ส่งเพลง R&B ถล่ม chart จนกลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ประสบความสำเร็จที่สุด แต่มีการเปิดเผยในภายหลังว่า เธอได้ใช้ ghost singer นั่นคือการใช้นักร้องเสียงดีร้องเป็นแบคกราวด์ และเธอก็เอื้อเสียงตามไปนิดๆหน่อยๆ เรื่องนักร้อง backup ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการค่ะ แต่มีคนแยกเสียงได้อย่างชัดเจนว่า เสียงขับร้องที่ไพเราะนั้นเป็นเสียงของนักร้อง backup บางคนก็เริ่มสร้างชื่อเสียงขึ้นมาคือ Chiristina Milan และAshanti


มีความเชื่อว่า  J Lo ที่ไม่ได้มีจุดแข็งในเรื่องเสียงร้องก้าวมาประสบความสำเร็จในโลก R&B ได้ เพราะความสามารถจอง ghost singer เหล่านี้   พวกเธอทำให้เพลงของ J Lo ฟังดู urban มากขึ้นและช่วยดึงดูดใจกลุ่มแฟนเพลงอเมริกันเชื่อสายแอฟริกัน       นักร้องที่เราเอ่ยถึงทั้งสองคนอาจจะแสดงท่าทีว่ายอมรับได้ที่นักร้องสาวสะโพกสลาตันได้รับเครดิตทั้งหมดไป    แต่เมื่อมีเรื่องทำนองเดียวกันเกิดขึ้นกับง Mariah Carey     แน่นอนว่าดิว่าตัวแม่จะไม่ยอมนิ่งเฉย!



ตัวอย่างเพลงที่มีคน "กล่าวหา" ว่า เป็นวิธีสร้างความสำเร็จด้วยการขโมยเสียง แต่ก็มีคนมองว่า การขายเพลงที่เน้นเสียงร้องของนักร้อง backup ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด

Irv Gotti producer ที่ Ashanti พาดพิงได้พูดอย่างไม่แยแสว่า ก็เธอไม่ดังเอง ได้เครดิตแต่นักร้อง backup ก็ไม่แปลกนี่

" Ashanti เป็นขับร้องเสียง background เรื่องมีแค่นั้น ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ ใช่ มันเป็นเสียงเธอ แต่มีกี่ค่ายเพลงที่ใช้เสียงร้องของนักร้อง backup Ashanti ไม่ใช่ดาวดัง แค่ตอนนั้นเธออยู่ในสตูดิโอกับผม และผมก็มีอำนาจทำได้ดั่งใจไง"


ไอเดีย ghost singer ก็ไม่แตกต่างจาก ghost writer เป็นการดึงความสามารถของศิลปินไฟแรงที่ยังไม่มีชื่อเสียงมาส่งเสริมบารมีของศิลปินที่โด่งดังอยู่แล้วให้ยิ่งประสบความสำเร็จมากขึ้นไปอีกนั่นเอง




เมื่อถูกพิธีกรดังสัมภาษณ์ว่า กระแสควาสนใจในตัว J Lo ทำให้แม่มาลัยรู้สึกขวางหูขวางตารึเปล่า หรือว่ามีการประชันขันแข่งกันบ้างมั้ย เธอก็ทำท่าเหมือนกับกำลังถูกสบประมาทแล้วตอบว่า

" ก็มีคู่แข่งอยู่นะคะ แต่ชั้นไม่คิดหรอกว่าหล่อนจะมีอะไรใกล้เคียงกับชั้น ชั้นหมายความว่าชั้นถนัดเรื่องการขับร้องและการแต่งเพลงไงคะ"

เมื่อพิธีกรเออออต่อว่าก็  J Lo เป็นนางเอกนี่นา    แม่มาลัยก็ขยี้ต่อทันที

" ใช่ หล่อนเป็นนางเอก และอย่างที่คุณรู้ ชั้นทำงานนี้มาทั้งชีวิต การร้องเพลงคือพรสวรรค์อันดับหนึ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ชั้น ซึ่งสิ่งที่เธอถนัดมันแตกต่างไปคนละเรื่องเลยค่ะ"










มีการแย่งชิงดนตรี simple จริงหรือ?



เราต้องย้อนไปยังช่วงเวลาที่แม่มาลัยเข้าพิธีวิวาห์กลายเป็นภรรยาของ Tommy Mottola, ผู้บริหารก Sony แต่ใช้ชีวิตคู่เพียงไม่นานก็หย่าร้างแบบจบไม่สวย

เรื่องราวดิว่าจิกกัดกันมันเริ่มตรงนี้ค่ะ



แน่นอนว่า ศิลปินชั้นนำอย่าง Mariah จะไม่อยู่เบื้องหลังเป็นนักร้อง backup ให้กับ J Lo เหมือนกรณีที่ได้กล่าวถึงเบื้องต้น แต่ปัญหาอยู่ที่การแย่งชิงไอเดีย sampleเพลงที่ Mariah หมายมั่นปั้นมือจะสร้างเป็นเพลงฮิตในอัลบั้ม Glitter แต่ก่อนที่ Mariah จะทำเพลงเสร็จ J Lo ก็ปล่อยเพลงฮิทอย่าง I'm real มาอาละวาดบน chart ก่อน แต่มันดันไปคล้ายกับเพลง If We ของ Mariah ทั้งยัง feat กับ แร็พเพอร์คนเดียวกันอีกต่างหาก โดยหลักฐานที่ชัดเจนก็คือคำยืนยันจาก "Firecracker" ที่เป็นเจ้าของทำนองเสียงที่ทั้งสองได้หยิบยืมนำมาใช้ในเพลงว่า ดิว่าพลังเสียงสูงปรี๊ดได้ส่ง request เพื่อใช้ทำนองเพลงก่อน J Lo เป็นเดือน


ที่สำคัญ พยานปากเอกที่ยืนยันว่า เรื่องแย่งไอเดียนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญก็ปรากฏตัวขึ้นมา Irv Gotti ผู้บริหารค่ายเพลงและ producer เพลง I'm real เวอร์ชั่น remix ได้บอกอย่างชิลๆว่า สามีเก่าของแม่มาลัยนั่นแหละที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้! (ก็producer คนเดียวกันที่ใช้เสียงของ Ashanti ในเพลงนี้แหละ)




เชื่อกันว่า  ด้วยเหตุนี้เอง  แม่มาลัยจึงไม่ได้ให้ความนับถือ J Lo ในฐานะศิลปินผู้ขับร้อง     เธอทำเหมือนไม่แยแส และไม่ต้องการพูดถึงนักร้องสาวละติน่า   แต่ถึงเวลาจะผ่านไปจะยี่สิบปีอยู่แล้ว แม่มาลัยก็  still don't know her! 

ปี 2001 ให้สัมภาษณ์กับสื่อเยอรมัน

" ชั้นรัก Beyonce ชั้นเป็นแฟนเพลงของเธอค่ะ"

แต่เมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรกับ Jennifer Lopez

" ชั้นไม่รู้จักหล่อนค่ะ " ( ปฎิเสธตาใสๆ ส่ายหัวอย่างรวดเร็วจริงใจสุดๆ)



ปี 2009

" ชั้นไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นหรอกค่ะ เรื่องราวในอดีตก็ต้องปล่อยให้เป็นอดีตไป ชั้นว่าค่ายเพลงเป็นตัวการของความสับสนยุ่งเหยิงนี้มากกว่า"



ปี 2016 (ถูก paparazzi ถามที่สนามบิน )

" ชั้นก็ยังไม่รู้จักหล่อนอยู่ดีแหละ"




ปี 2018 ให้สัมภาษณ์ talk show


" ชั้นไม่รู้จักหล่อน รู้มั้ย ชั้นเป็นคนขี้ลืมจริงๆนะ เพราะชั้นไม่ได้ใส่ใจจำการทักทายประมาณ ฮาย ชั้นนู้นนี่นั่นและก็เดินจากไป ถ้าเกิดว่า คุณเป็นคนที่ชั้นไม่เคยพูดถึงเลย และใครบางคนมาถามเรื่องคุณกับชั้น ชั้นก็คงเลือกตอบระหว่าง ชั้นไม่รู้จักหรอก แต่เธอก็ดูเจ๋งดีนะ หรือไม่ก็ตอบว่า ชั้นไม่รู้จักเธอ ไปเลย"

เมื่อพิธีกรจี้ถามต่อว่า เธอคิดว่า J Lo ดูเจ๋งรึเปล่าล่ะ

" ก็ชั้นไม่รู้จักหล่อนนี่ จะให้ชั้นพูดยังไง"




แม่มาลัยได้อธิบายการจิกระดับตำนานไว้ว่า



" ชั้นแค่ถือคติ 'ถ้าไม่มีอะไรดีๆให้พูดถึง ก็อย่าพูดไปเลยซะดีกว่า' แค่นั้นจริงๆนะคะ"



 

ทางฝั่ง J Lo  คือคนที่ play nice    มันจึงไม่ถึงบานปลายไปเป็นศึกดิว่า    ถึงแม้ว่า ตลอดเวลาร่วมๆยี่สิบปีมานี้ จะถูกอีกฝ่ายแสดงออกว่าเธอไม่ควรค่าแม้แต่จะเอ่ยชื่อหรือรับรู้ถึงความมีตัวตน   แต่กระนั้น เธอก็ไม่ได้แสดงอาการปรี๊ดโต้ตอบ    นานๆทีก็จะตอบคำถามเรื่องนี้   ซึ่งตอนแรกเธอก็บอกว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว    แต่พอแม่มาลัยย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่รู้จักจ้ะ    J Lo ก็ออกมาเตือนความจำกันนิดนึงว่า ที่จริงก็เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว    แต่ไม่รู้ทำไม Mariah ถึงยืนกรานว่าไม่รู้จักกัน    " สงสัยเธอจะขี้ลืมน่ะค่ะ"   เธอยิ้มเพลียๆ



เอาเข้าจริง  ถึงจะไม่ได้ฉะกันไปมาผ่าน social media เหมือนที่ดราม่าเซเลบคนอื่นๆ  แต่ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ      คนหนึ่งโด่งดังเรื่องสไตล์การจิกให้อีกฝ่ายรู้จัก "ประมาณตน"     แต่อีกคนวางตัวแบบสวยๆ ไม่จิกกลับออกสื่อให้เป็นเรื่องใหญ่       แต่ก็เป็นการเขม่นข้ามทศวรรษที่ทำให้เราเชื่อว่า   คงจะไม่ได้เห็นพวกเธอโพสภาพ selfie จี๋จ๋าคู่กันในเร็วๆนี้!


candy

candy

ติดตาม Mouth On The Web แล้วอย่าลืม Mouth On The Face นะคะ ^ ^

FULL PROFILE