Why We Age ? และผิวที่แก่ลงควรทำอย่างไร ? 🧬🧪👩🏻‍🔬

49 8
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!

สวัสดีคะเพื่อนๆที่น่ารักแห่งบ้านจีบันทุกคน 

วันนี้เจมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก 

ที่อยากบอกต่อเรื่องราวดีดีนี้ให้กับทุกคน


เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา เจได้มีโอกาสไปร่วมงาน


- Jeban X Institut Esthederm - 



และงานนี้เองคะ ที่ทำให้เจหันกลับมาคิดและบอกกับตัวเองว่า 


ตัวเลขอายุไม่ใช่ตัวบ่งบอกความแก่อีกต่อไป 



เพื่อนๆหลายคนที่มีอายุเข้าใกล้เลข 3 อย่างเจ 

มักจะมีคำพูดที่ติดปากเสมอว่า เราแก่แล้ว 

มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ดีดี ก็แก่ซะงั้น ใช่เราแก่แล้ว หรือนี่เราแก่แล้วหรอ ?


แน่นอนคะว่า เมื่ออายุขึ้นต้นด้วยเลข 3 เมื่อไหร่ 

หลายคนขาดความมั่นใจที่จะบอกอายุของตัวเอง และการถูกถามถึงอายุนั้น 

ก็มักจะเป็นสิ่งที่เคอะเขินทั้งคนที่ถามและคนถูกถาม


ต่ตัวเลขอายุตัวของเรานัั้น ก็ไม่ได้บ่งบอกความแก่เพียงอย่างเดียว 

ผิวพรรณของเราก็เป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกความแก่ของเราได้เช่นกันคะ


และปัจจัยที่ทำให้ผิวของเราแก่ลง ก็คือ 


GENETIC CONTROL 

อายุขัยของเรามีความสัมพันธ์เกี่ยวกับระดับพันธุกรรมหรือ DNA ซึ่งทำให้คนเรามีอายุขัยไม่เท่ากัน และการการเสื่อมสภาพของ DNA Protein หรือเซลล์ที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆนั้น ก็ทำให้สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำงานและเติมเต็มตัวเองได้


ปัจจัยภายใน ได้แก่

- ความเครียด : เวลาเราเครียดจะมีฮอร์โมนความเครียดอย่าง   cortisol  ปล่อยออกมามากกว่าปกติ โดยฮอร์โมนนี้จะย่อยสลายคอลลาเจนและโปรตีนที่ช่วยให้ผิวเรียบตึงหายไป และยังทำให้หลอดเลือดเปราะบางลง เซลล์ผิวใหม่สร้างขึ้นได้ช้าลง และเซลล์ผิวเก่าถูกผลัดออกได้ช้ากว่าเดิมด้วย เลยทำให้ผิวเราแก่เร็ว 

- นอนน้อยหรืออดนอน : เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผิวเหี่ยวและตาบวม โดยผู้ที่พักผ่อนน้อยติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีรอยย่นและรอยคล้ำรอบดวงตาร่วมด้วย เนื่องจากร่างกายหลั่งฮอร์โมน cortisol ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดออกมาย่อยสลายคอลลาเจนและโปรตีน

- การรับประทานหวาน : น้ำตาลเป็นตัวทำลาย " คอลลาเจน " ในชั้นผิวของเรา เมื่อคอลลาเจนถูกทำลาย ผิวเราก็จะยืดหยุ่นน้อยลง และเกิดริ้วรอยมากขึ้น 

** * ทำไมถึงมีฤทธิ์ทำลายคอลลาเจนได้ ?

ก็เพราะว่าพอน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายเราจะทำให้เกิดกระบวนการที่ทำให้

น้ำตาลในเลือดไปจับตัวกับโปรตีน ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า AGEs 

( advanced glycation end products ) ที่เข้าไปทำลายเส้นใยคอลลาเจน

***  นอกจากนี้ เจ้า AGEs ยังทำให้สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเราลดน้อยลง ทำให้ผิวเราโดนทำร้ายจากแสงแดดได้ง่ายขึ้น ถือว่าร้ายยกกำลังสองเลยทีเดียว

นอกจากนี้การรับประทานหวานไม่ได้แค่ทำให้หน้าเหี่ยวเกิดริ้วรอยอย่างเดียว ยังทำให้หน้ามัน ทำให้เกิดการอักเสบ( เป็นสิว ) และผิวแห้งขาดน้ำอีกด้วย 


ปัจจัยภายนอก ได้แก่

- มลภาวะ : ฝุ่น PM 2.5 และควัน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระรบกวนการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย และกระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ 

- รังสี UV : เป็นตัวช่วยการกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระที่ผิวหนัง โดยที่อนุมูลอิสระนี้จะไปทำลายเซลล์ผิวหนังจากภายในเซลล์ และลงไปทำลายชั้นของคอลลาเจน (Collagen) และ อีลาสติน (Elastin) ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำได้ง่าย เหยี่ยวย่น เกิดการหย่อนยาน เกิดรอยตีนกา ผิวแก่ก่อนวัย 


เพื่อนๆเห็นแล้วใช่ไหมคะว่า มีหลายปัจจัยมากที่ทำให้ผิวของเรานั้นแก่ลง ลองตรวจสอบตัวเองกันดูนะคะว่า 

เรากำลังทำให้ผิวเราแก่ลงด้วยปัจจัยไหนบ้าง  ?



เมื่อปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่มีมากมายขนาดนี้ เราต้องทำอย่างไรกันบ้าง

3 สาวสุดสวยต่อไปนี้มีเคล็ดไม่ลับมาฝากทุกคนคะ

*** เริ่มจากเคล็ดไม่ลับของคุณ ไอซ์ Iceamore 2 ข้อสำคัญ

ในการป้องกันการเกิดริ้วรอยแก่ผิว ที่ให้ผิวเราดูแก่ลงคือ

- สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการทา ครีมกันแดด คะ เพราะครีมกันแดดจะเป็นตัวช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVB ( ซึ่งเป็นรังสีที่สามารถแทรกถึงผิวชั้นลึกๆ หรือผิวหนังชั้นล่างได้ ทำลายเนื้อเยื่อและดีเอ็นเอของเซลล์ผิว สามารถทะลุผ่านเมฆและกระจกได้ด้วย ) โดยเป็นตัวทำลายคอลลาเจนและความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งจนเกิดริ้วรอยลึกหรือผิวเหี่ยวย่น มีผลต่อการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัยอันควร 

- การทาครีมบำรุง ถึงแม้ว่าคุณไอซ์เองจะมีสภาพผิวมัน แต่ครีมบำรุงที่ใช้นั้นจะเน้นไปในเรื่องการให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวคะ เพราะผิวที่มีความชุ่มชื้นนั้นหน้าก็ไม่แห้งง่าย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ยากบนผิวได้ยาก จะสังเกตุได้ว่า ผิวหน้าของคุณไอซ์นั้นชุ่มชื้นมากคุณไอซ์บอกว่าตนเองชอบให้หน้า ฉ่ำเปียก ที่ไม่ใช่เพราะน้ำมันบนหน้า แต่ฉ่ำเปียกเพราะผิวมีความชุ่มชื้นนั้นเองคะ

และนอกจากนี้คุณไอซ์ ยังบอกอีกว่าตนเองยังมีตัวช่วยเสริมคือ 

การรับประทานอาหารเสริม ที่เน้นในเรื่อง Booster ผิว พร้อมทั้งการพักผ่อนให้เพียงพอ เข้านอนให้เร็วขึ้น เพราะถ้าเรานอนดึก ร่างกายจะผลิต " โกรทฮอร์โมน " ( Human Growth Hormone ) น้อยลง คนที่อยากหน้าใส อ่อนเยาว์ ดูเต่งตึง ไม่แก่เร็ว ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น หย่อนยาน กล้ามเนื้อเหลว ควรจะเข้านอนเร็วๆ ก่อน 4 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนตัวนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ 


*** มาต่อเคล็ดไม่ลับของคุณเจน คุณเจน Janejinda ที่ริ้วรอยเกิดขึ้นมาบนผิวแล้ว ควรทำอย่างไร ? ซึ่ีงคุณเจนได้แนะนำ 5 ข้อที่ไม่ควรขาด

- คุณเจนเริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด เพราะการล้างหน้าให้สะอาดจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก ที่อาจจะทำให้ผิวเราอักเสบ และการอักเสบนี้เองคะทำให้ผิวริ้วรอย

- การทา ครีมกันแดด ทุกวันเพราะคืิิอสิ่งสำคัญเช่นเดียวกันกับที่คุณไอซ์บอกเลยคะ ว่าครีมกันแดดเป็นตัวช่วยที่ดีเพราะเป็นเกาะป้องกันแรกของผิวที่จะถูกทำร้าย

- ตัวคุณเจนเองไม่รับประทานหวาน คะ  เพราะ คุณเจน Janejinda 

 การนอน ซึ่งคุณไอซ์ย้ำกับพวกเราว่า การนอนเยอะไม่ช่วยเท่าการนอนไว

- สุดท้ายคือ การดื่มน้ำ การดื่มน้ำที่มากพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการ ช่วยให้สุขภาพผิวดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่งสดใส ไม่ให้ผิวของเราแห้งกร้าน ที่เป็นการเกิดริ้วรอยได้ 



*** นอกจากนี้ คุณจิน จินดารัตน์ ยังแอบบอกเคล็ดไม่ลับที่เสริมในขั้นตอนการบำรุงผิวเพื่อป้องกันริ้วรอยด้วยการมาส์กหน้า

ถึงแม้ว่าการทามอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีแล้ว แต่ก็ยังไม่มากพอเท่าที่ควร ปัญหาผิวที่แห้งและผิวขาดน้ำ ควรเติมความชุ่มชื้นเสริมเข้าไปด้วยการมาส์กหน้า ที่สามารถบำรุงผิวได้ล้ำลึกกว่าเดิม เพราะถ้าหากเรามีผิวที่นุ่มชุ่มชื้น ยืดหยุ่นได้ดีแล้ว เราก็จะสามารถเป็นมีใบหน้าอ่อนเยาว์ได้ ​

 โดยคุณจิน ได้แนะนำให้ลองมาส์กหน้าทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้สังเกตุการเปลี่ยนแปลงไปของผิว โดยเราจะเห็นได้ว่าในช่วงแรกที่เราใช้แผ่นมาส์กหน้านั้น ผิวของเราจะดูดซึมความชุ่มชื้นจากแผ่นมากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้แผ่นมาส์กแห้งไว แต่พอหลังจากนั้นเมื่อผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น แผ่นมาส์กที่เรามาส์กของเราจะแห้งช้าลง 



​เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ สำหรับเคล็ดไม่ลับที่ 3 ผู้เชี่ยวชาญได้มาแชร์ให้เรานั้น ล้วนแล้วแต่ป้องกันเหล่าปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่ลงเลยใช่ไหมคะ 

​อย่าลืมนำไปทำตามกันดูน๊า เจเองไม่รอช้า รีบทำตามเลยคะ ^^

แองสติตู เอสเธอเดิร์ม (Institut Esthederm) 


เป็นแบรนด์ที่รวมศาสตร์แห่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและศิลปะแห่งการปรนนิบัติผิวเข้าด้วยกัน แองสติตู เอสเธอเดิร์มมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการคิดค้นวิจัยโดยมีรากฐานมาจากความเข้าใจในระบบชีวนิเวศวิทยาแห่งผิวอย่างแท้จริงประสานกับท่วงท่าการปรนนิบัติผิวที่ผ่านการคิดค้นโดยนักกายภาพบำบัดและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อทำให้แองสติตู เอสเธอเดิร์มได้ช่วยเติมเต็มความพึงพอใจของหญิงสาวมากมาย

Cellular Water

พื้นฐานของการดูแลผิวให้ความอ่อนเยาว์อยู่กับเราต่อไปนั้น คือ การรักษาความชุ่มชื้นและดูแลเซลล์ผิวให้ทำงานได้ตามปกติ ผลิตภัณฑ์เอสเธอเดิร์มมีสิทธิบัตรเซลลูลาร์ วอเตอร์ เป็นสิทธิบัตรพื้นฐาน ทำให้น้ำในผลิตภัณฑ์เอสเธอเดิร์มมีความคล้ายคลึงกับน้ำตามธรรมชาติในผิวจึงช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ผิวที่อ่อนล้า รวมถึงมีสารแอนตี้ออกซิเเดนซ์ ช่วยต่อต้านความโรยราของผิวอีกด้วย


ดยน้ำเป็นส่วนประกอบหลักของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
  น้ำเป็นส่วนประกอบประมาณ 70% ของครีมหรืออาจมากกว่านั้นในผลิตภัณฑ์โลชั่น ดังนั้นผลิตภัณฑ์แองสติตู เอสเธอเดิร์มที่ใช้เซลลูลาร์ วอเตอร์แทนน้ำกลั่นที่ใช้กันโดยทั่วไปจึงมีประสิทธิภาพในด้านการให้พลังงานแก่เซลล์ผิวที่โรยราให้กลับมาเปล่งปลั่งดั่งเซลล์ที่อ่อนเยาว์


วิธีการใช้

สเปรย์ผลิตภัณฑ์ทั่วใบหน้าหลังขั้นตอนการทำความสะอาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุง หรือใช้หลังแต่งหน้าเพื่อเซ็ทเมคอัพ หรือใช้เพื่อเพิ่มความสดชื่นและชุ่มชื้นได้ตลอดวัน

มาถึงตรงนี้ อ่านจะเยอะและยาววว วกันหน่อย เจพยายามกระชับแล้วจริงน๊า แต่เพื่อไม่ให้ความสำคัญตกหล่น ก็ขออนุญาตร่ายยาวหน่ออยน๊า 

เจหวังว่าเพื่อนๆจะเข้าใจถึงปัจจัยที่ทำให้ผิวเราแก่ลง 

ที่มาพร้อมเคล็ดไม่ลับเพื่อให้นำไปปรับใช้ 

สุดท้ายหากเรามีตัวช่วยที่ดีอย่างผลิตภัรฑ์

Institut EsthedermCellular Water Mist 


รับรองเลยคะว่า เราจะมีผิวที่อ่อนเยาว์โกงอายุ มั่นใจจนลืมความแก่ที่บอกด้วยตัวเลขอายุกันได้อย่างแน่นอนคะ




Triam Chit

Triam Chit

สวัสดีคะ เราชื่อ เจ มีลูกชายเป็นแมวเปอร์เซีย ชื่อ Sugar


สภาพผิว : ผิวแห้งขาดน้ำ ผิวบอบบางแพ้ง่าย
สภาพผม : ผมตรง เส้นเล็ก ผมทำสีน้ำตาล

Contract Line : triamchit573
Instagram : Triam Chit
Facebook : Triam Chit

และขอฝากติดตามตามเพจ แม่ไอ้ก้า ด้วยน๊า 🌈🤍💕

FULL PROFILE