รวมสกินแคร์ที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงต่อสู้กับมลภาวะและPM2.5

สวัสดีค่ะทุกวันนี้เราจะมารีวิวสกินแคร์ที่เราใช้ประจำในช่วงที่PM2.5 และมลภาวะต่างๆทำให้อากาศเมืองไทยแย่มากๆ คือเรายังโชคดีที่ไม่แพ้ PM2.5 แต่ทุกวันที่กลับบ้านมาเนี่ยตอนล้างหน้าเช็ดเครื่องสำอางเนี่ย สีที่สำลีแทบจะเป็นสีเทาแล้ว ไม่ช่ายสีเครื่องสำอางที่เราลง ลองคิดดูว่าถ้าเราไม่ลงสกินแคร์ดีหรือไม่หาตัวช่วยให้ผิวเราแข็งแรงก่อน ผิวเราจะเป็นยังไง

วันนี้เราจะมารีวิว 11ตัวที่เราหยิบใช้บ่อย ใช้จริงและใช้สลับกันไปสลับกันมาอย่างต่อเนื่อง


Bioderma Hydrabio Tonique



โทนเนอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้กับผิว มีสารสกัดของ Apple Seed ช่วยกระตุ้นการสร้างท่อส่งน้ำในผิว ให้ผิวดูสุขภาพดี คนอาจจะงงว่ารีวิวเรื่องมลภาวะอยู่มันจะเกี่ยวกับเรื่องการเติมน้ำให้ผิวได้ยังไง มลภาวะเนี่ยเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวเราสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นได้ง่าย การที่จะทำให้ผิวแข็งแรงได้ เราควรจะเติมน้ำคืนความสมดุลให้ผิวก่อน ซึ่งโทนเนอร์นี้อุดมไปด้วยกลีเซอรีนและ Allatoin ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ถ้าผิวเรายังขาดน้ำ ผิวจะไม่มีทางแข็งแรงแน่นอน

เนื้อผลิตภัณฑ์ : ใสเหมือนน้ำเลย ไม่มีสีและที่สำคัญไม่มีแอลกอฮอลล์ ใช้แล้วไม่แสบหน้า

วิธีใช้ : เราหยดที่สำลี เช็ดทั่วใบหน้าและลำคอ เราใช้ทั้งเช้าและก่อนนอนเลย

ราคา 890 บาท (250 ml.)


=========================================================


Jurlique Rosewater Balancing Mist



ตัวนี้หลักๆก็คือเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ความพิเศษของแบรนด์นี้ที่เรารู้สึกอินมากๆคือ เค้ามีฟาร์มแบบ Bio-Dynamicทางตอนใต้ของออสเตรเลียที่เมือง Adelaide เป็นฟาร์มที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยจากภายนอกฟาร์มเลย และการเก็บดอกกุหลาบก็เก็บด้วยมือ และต้องมีเวลาที่เป็นช่วงเก็บด้วย สารสกัดหลักมาจากดอกกุหลาบในฟาร์ม Mist ตัวนี้สามารถช่วยสร้างเกราะป้องกันไม่ให้ผิวเสียความชุ่มชื้น และสามารถป้องกันสิ่งเร้าต่างๆจากภายนอกอย่างเช่นมลภาวะได้

เนื้อผลิตภัณฑ์ : มิสท์เป็นสีใสที่มีความหอมของกุหลาบมาก ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นกุหลาบไม่น่าจะใช้ได้

วิธีใช้ : เราใช้หลังจากโทนเนอร์ เราจะใช้ตัวนี้สเปรย์เพื่อเป็นการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าหรือก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่น แต่ตามที่แบรนด์บอกคือสามารถฉีดทับเมคอัพได้เพื่อเติมความชุ่มชื้นหรือทำให้สดชื่นระหว่างวันได้ หรือจะฉีดลงมาส์กอัดเม็ดใช้มาส์กหน้าก็ได้

ราคา 1,450 บาท (100 ml.) แต่ที่เรามีมากับเซตเลยแค่ 50 ml.


=========================================================


Institut Esthederm Cellular Water Mist



ผลิตภัณฑ์นี้มีความคล้ายกับน้ำตามธรรมชาติของผิวเรามาก สามารถเติมความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี มีสารแอนตี้ออกซแดนท์ และช่วยเติมพลังให้ผิวที่แหนื่อยล้าหรือโรยรากลับมาแข็งแรง เพื่อต่อสู้กับริ้วรอยและมลภาวะได้

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เท่าที่เราสเปรย์ออกมาก็คือน้ำเลย ไม่มีสี

วิธีใช้ของเรา : เราชอบสเปรย์ผิวก่อนแต่งหน้าหรือก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่น และเราใช้ฉีดทับเมคอัพระหว่างวันเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับผิว และตัวนี้ยังสามารถใช้ฉีดหลังแต่งหน้าเสร็จเพื่อเป็นการล็อคเมคอัพได้อีก

ราคา 1,150 บาท (100 ml.) แต่ขวดที่เราถ่ายรูปมาจะเป็น 30 ml.


=========================================================


Hatomugi Skin Conditioner



หรือที่รู้จักกัน “น้ำตบลูกเดือย” ส่วนประกอบหลักคือลูกเดือยและสารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ ตัวนี้อ่อนโยนกับผิวมากๆ เวลาที่หน้าเราแพ้มากๆ เราใช้ตัวไหนไม่รอดก็ต้องกลับมาใช้ตัวนี้ ปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวแข็งแรงได้ดีมาก สำหรับเรามีน้ำตบตัวนี้ไม่ต้องกลัว PM2.5 เลย แต่เรื่องการเติมความชื้น ยังต้องใช้สกินแคร์ตัวอื่นช่วย

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นน้ำสีขาวขุ่น เท่าที่เราพยายามดม เราไม่ได้กลิ่นนะ เราเลยคิดว่าเป็นน้ำตบที่ปราศจากกลิ่น

วิธีใช้ของเรา : เราใช้แค่เป็นน้ำตบค่ะ ใช้ได้กับทั้งหน้าและตัว คือเค้าใช้ได้หลายวิธีมาก ใช้เป็น Mist หรือเป็น Mask ก็ได้ด้วย

ราคา 350 (500 ml.)


=========================================================


Three Treatment Lotion & Emulsion



Treatment Lotion มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 97% ส่วนตัว Emulsion มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 99%ไลนนี้ของ Three ทำออกมาเพื่อคนที่มีผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ มีเป็นธรรมชาติสูงมาก หลักๆก็คือเน้นฟื้นฟูผิวที่ถูกร้ายทำให้ผิวแข็งแรงสามารถต่อสู้กับมลภาวะและสิ่งเร้าต่างๆได้

เนื้อผลิตภัณฑ์ : ตัว Treatment Lotion จะเหลวเหมือนน้ำ เท่าที่เราดูเราว่าไม่มีสี ส่วนตัว Emulsion ก็คือเนื้อแบบ Emulsion ที่เหมือนจะเป็นครีมแต่ก็มีความบางเบากว่า กลิ่นของไลน์นี้คือหอมมาก กลิ่นแบบสปาสุด หอมฟินทุกครั้งที่เปิดทา

วิธีใช้ของเรา : 2 ตัวนี้เวลาเราหยิบใช้เราจะใช้คู่กันเสมอ Treatment Lotion สำหรับเราคือน้ำตบ เราลงหลังโทนเนอร์หรือMist แล้วลงตามด้วย Emulsion

Treatment Lotion ราคา 2,600 บาท (125 ml)
Emulsion ราคา 2,900 บาท (90ml)



=========================================================


Playful Hello Skin Fresh Gel


เอสเซนส์เนื้อเจล เนื้อบางเบา มีส่วนผสมหลักของน้ำเถวัลย์องุ่น , Niacinamide และ Pentavitin ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงและเติมความชุ่มชื้นได้เต็มที่ มีสารอาหารจำเป็นต่อผิว ทำให้ผิวแขงแรง

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อเอสเซนต์ที่มีความข้นกว่าน้ำ มีสีครีมขุ่น

วิธีใช้ของเรา : ตัวนี้เราจะใชในวันที่ผิวแห้งมากๆ ลงก่อน Mositurizer

ราคา 980 บาท (110 g.)


=========================================================


Sulwhasoo Bloomstay Vitalizing Serum


มีส่วนผสมหลักคือดอกพลัมกับส่วนผสมของต้นอ่อนและเมล็ดของผลไม้ 5 ชนิด มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น เนียนนุ่มเปล่งประกายและทำให้ผิวแข็งแรงต่อสู้กับมลภาวะและ PM2.5 ได้

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เนื้อเซรั่มมีความเหนียวคล้ายน้ำผึ้ง แต่พอทาลงบนผิวแล้วแตกตัวกลายเป็นน้ำ 

วิธีใช้ของเรา : เราใช้ครั้งละ 2 ปั๊ม ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน

ราคา 4,700 บาท (50 ml.) แต่อันที่เรามี คือ 30 ml.



=========================================================


Bioderma Hydrabio Serum





เซรั่มบำรุงมีกรดไฮยารูโลนิคเข้มข้น ที่ช่วยเก็บกักน้ำให้ผิว และมีสารสกัดจากเมล็ดแอปเปิ้ลที่ช่วยกระตุ้นการสร้างท่อส่งน้ำในผิวทำให้ผิวดูสุขภาพดี ใช้แล้วหน้านุ่มชุ่มชื้นมากจริงๆ   อ่อนโยนมาก ใช้แล้วผิวหน้าแข็งแรงขึ้นจริงๆ

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อเซรั่มสีขาวขุ่นที่มีความเข้มข้น พอทาลงผิวแล้วเคลือบผิวได้ดีมาก

วิธีใช้ของเรา : เราใช้ 2 ปั๊มทาทั่วหน้าและลำคอ

ราคา 1,390 บาท (40 ml.)



=========================================================


Fyne Skin Barrier Serum-in-Cream



ตัวเราใช้ตั้งแต่สูตรเก่าแล้ว ชอบมากเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย จะใช้เป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ลงก่อนแต่งหน้าหรือจะโบกก่อนนอนก็ดี ตัวนี้หลักๆจะช่วยเรื่องการสร้างเกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติ เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงต่อสู้กับมลภาวะ ลดอาการอักเสบของผิวและอาการระคายเคืองได้ มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์จากใบบัวบกเข้มข้น ดอกคาโมมายล์ ว่านหางจระเข้ แบะ Allantoin ช่วยปลอบประโลมผิวและลดอาการระคายเคือง มี Hyaluronic 4 ชนิด สามารถเติมความชุ่มชื้นได้เต็มประสิทธิภาพ และที่สำคัญสูตรใหม่ต้องดีกว่าเดิม เพิ่ม Prebiotic ที่จะช่วยให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์เจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่เพื่อควบคุมจุลชีพบนผิวให้สมดุลตามธรรมชาติ

***No Slicone, Alcohol, Colorant, Fragrance, Paraben, Mineral Oil, SLS, SLES***

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เป็นเนื้อครีมสีขาว ซึ่งตัวใหม่จะบางเบาดูมีความเป็นเซรั่มมากกว่าตัวเก่า

วิธีใช้ : ตามที่แบรนด์บอกคือ 1-5 ปั๊มแล้วแต่สภาพผิวของแต่ละคน ตอนเช้าเราใช้ 1-2 ปั๊ม แต่ถ้าก่อนนอนเราใช้ 4-5 ปั๊ม เพราะเราเป็นคนผิวแห้ง

ราคา 1,390 (50 ml.)



=========================================================


Shu Uemura Anti / Oxi+ Pollutant and Dullness Clarifying Cleansing Oil



สูตรผสาน 3 พลัง

Protect สารสกัดจากสมุนไพร  ชนิด ที่ช่วยขจัดได้แม้กระทั่ง PM2.5
Purifying สามารถลบเมคอัพที่กันน้ำและติดทนนานได้
Pamper กลิ่นหอมช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย


ไม่ว่าจะวันที่แต่งหน้าหรือวันที่ลงแค่สกินแคร์ ในช่วงที่มลภาวะและ PM2.5หนาแน่นขนาดนี้ เราควรมี่จะใช้ Cleansing ทำความสะอาดหน้าก่อนที่จะใช้โฟมล้างหน้า ที่เราชอบตัวนี้คือกลิ่น หอมมาก ตอนนวดหน้านี่ฟินสุดๆ แถมล้างหน้าได้สะอาดมาก

เนื้อผลิตภัณฑ์ : เท่าที่เราสังเกต ไม่มีสีนะ เนื้ออ่อนจะมีความข้นหน่อย แต่ล้างออกง่ายไม่เหนอะหนะ เพราะเราต้องเอาน้ำพรมแล้วนวดต่อจนกลายเป็นน้ำนมแล้วค่อยล้างออก

วิธีใช้ : ถ้าไม่ได้แต่งหน้าเราใช้ 1-2 ปั๊ม วันที่แต่งหน้าใช้ 2-3 ปั๊ม

150 ml. ราคา 1,300 บาท
450 ml. ราคา 3,800 บาท

นี่ก็คือskincare ทั้งหมด 11 ตัวที่เราหยิบใช้บ่อยในช่วงนี้ ใช้แล้วรู้สึกผิวหน้าแข็งแรงจริงๆ เรื่องราคาไม่ช่ายเรื่องสำคัญ จะถูกจะแพง จะแบรนด์ดัง แบรนด์ไทย อะไรก็แล้วแต่ของให้ถูกกับผิวเราและเราไม่แพ้ ใช้แล้วเห็นผล เราใช้ได้หมด ช่วงนี้ผิวหน้าเราค่อนข้างแข็งแรงเลยล่ะ PM2.5 ก็ไม่กลัว ส่วนเรื่องความแพ้ต้องลองกันเองด้วยนะคะ

หวังว่าจะชอบรีวิวนี้กันนะคะ


BYE XOXO

Discussion (17)

ดีงามทุกตัวเลยค่ะเตย
ต้องลองจริงๆค่าาา
ดีงามน่าลองทุกตัวเลยค่าาา ?
ต้องลองจริงๆจาาา พี่ชอบทุกตัวเลยย
Wow!!!!! ปังทุกตัววววววววววค่าคุณเตยย
ขอบคุณมากเลยค่าคุณเฟิร์น
ดีงามหลายตัวเลยค่ะคุณเตย
ต้องลองค่าาา
Hatomuki ถูกและดีจริงๆค่า
จริงค่าาา​ชอบมาก