สวัสดีค่ะทุกคน นี้เป็นครั้งแรกที่เรามาแชร์ มาเล่าอะไรแบบนี้นะ

ถ้าพูดอะไรผิดไปก็ขออภัยไว้ก่อนเลยจริง ๆ ฮ่า ๆ ??

คือเนื่องจากว่าเราไปทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกมา จนตอนนี้ก็น่าจะครบประมาณ 4-5 เดือนได้แหละ ต้องบอกก่อนเลยว่าใจความหลักของกระทู้นี้ ไม่ได้จะมารีวิวนมว่าสวยแค่ไหน ทำที่ไหน ราคาเท่าไหร่แต่อย่างใดนะคะ... แต่จะขอมาแชร์เป็น ‘ วิธีการดูแลและรักษารอยแผลยังไง ให้แผลสวย มองแทบไม่เห็น และไม่เป็นคีรอยด์  ’ ซึ่งเราเป็นคนนึงที่พอไปศัลยกรรมมาแล้ว และกลัวเรื่องแผลเป็นหนักมากกกก แต่ไม่ค่อยมีคนมาแชร์เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

ดังนั้น วิธีการดูแลตัวเอง บวกกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมด คือเราศึกษาและลองใช้มาเองแล้วเห็นผล จึงนำมาแชร์ต่อเพื่อจะเป็นประโยคกับเพื่อน ๆ ที่อยากรักษาแผลเหมือนกันนะคะ

(ข้อระวัง & ปัจจัย) ที่เสี่ยงทำให้รอยแผลชัด

เป็นแผลนูน หรือเป็นคีรอยด์

ก่อนจะไปเล่าว่าใช้อะไร ทำอะไรบ้าง ก็ขอพูดเรื่องของปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยแผลกันก่อนดีกว่าเนอะ เพราะจริง ๆ ถ้ารู้ส่วนนี้ตั้งแต่แรก ๆ พวกปัญหารอยแผลก็จะเกิดขึ้นน้อยลงถึง 50 % เลย

1. การเลือกขนาดที่เหมาะกับตัวเรา : อันนี้หลายคนจะชอบมีแนวคิดที่ว่าทำทั้งทีทำให้ใหญ่ ๆ ไปเลย ซึ่งเราอยากจะบอกว่าให้เอาแต่พอดีเถอะ เพราะอะไรที่มันเกินเบอร์ไป สุดท้ายก็ต้องกลับมาแก้ และพอมันใหญ่มาก ๆ โอกาสที่แผลจะปริก็มีสูง ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีเนื้อหน้าอกน้อย แล้วทำใหญ่เลยครั้งแรกแผลปริแน่นอนจ้า

2. เลือกหมอให้ดี ช่วยได้เยอะมาก : ก่อนจะทำ ต้องตัดสินใจให้ดี เลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์ เพราะจริง ๆ 70% ของความสาหัสของแผล มาจากการเย็บ และเทคนิคของคุณหมอเลย ยิ่งคุณหมอเย็บสวย รอยแผลก็จะเห็นน้อย ดูเนียน

3. อย่ายกของหนัก ใช้แรงเยอะในช่วง 2-3 อาทิตย์แรก : ข้อนี้ต้องระวัง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่แผลกำลังฟื้นตัว ยิ่งเราออกแรงมาก เสี่ยงต่อแผลปริ การสมานของแผลก็จะยิ่งยากขึ้น และเป็นสาเหตุของการเป็นแผลนูน หรือแผลคีรอยด์ได้ง่าย

4. อาหารที่ทานได้ / อาหารที่ทานไม่ได้ : แน่นอนว่าอาหารที่เราจะต้องงดในช่วงนี้คืออาหารที่ผิดสำแดงกับแผล อย่างเช่น ของหมักของดอง อาหารทะเล เหล้า เบียร์ อะไรแบบนี้ ส่วนเรื่องความเข้าใจผิวเกี่ยวกับการห้ามกินเนื้อ นม ไข่อะไรแบบนี้ เพราะจะทำให้แผลยิ่งนูน อันนี้บอกเลยว่าผิดมาก ากินได้ปกติเลย ไม่เกี่ยวกันนะจ๊ะ

แล้วดูแลตัวเองยังไง ทำอะไร ใช้อะไร เวลาเท่าไหร่ถึงดีขึ้น

โอเคมาเข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า จริง ๆ ปัจจัยด้านบนก็ส่วนนึงนะ แต่การดูแล รักษาตัวเองให้ดีก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะต่อให้เราได้หมอดีแล้ว อะไรแล้ว แต่ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองต่อ รอยแผลนูนก็เกิดขึ้นได้อยู่ดี ซึ่งเราจะขอแบ่งการดูแลตัวเองออกเป็นช่วง ๆ ตามนี้นะ

* Note ไว้หน่อยว่าแผลที่เราทำ คือการกรีดใต้ราวนมนะ ส่วนตัวคิดว่าดูแลรักษาหายง่ายกว่าวิธีอื่น แล้วก็หายไว ของเราประมาณ 15 วันแผลก็ดีขึ้น เริ่มแห้งแล้วนะ

อ่ะโอเค ประมาณนี้ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วระยะเวลาในการฟื้นตัว และการสมานแผล ของแต่ละคนก็แตกต่างกันเหนาะ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และอายุด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการขยันทาผลิตภัณฑ์รักษาแผลก็ช่วยกระตุ้นให้แผลหายไว้ได้มากขึ้น ซึ่งทุกวันนี้เราก็ยังทาเจลลดรอยอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ขยันเท่าตอนแรก ๆ แล้ว ต้องบอกว่าแผลผ่าตัดมันเป็นแผลค่อนข้างใหญ่ มันก็ไม่ได้ปุ้บปับจะหายเลย ต้องใช้เวลากันประมาณนึง

ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้าง อันไหนดี ตัวไหนแนะนำ

มาถึงช่วงท้ายของรายการแล้วค่ะคุณณณ นั้นก็คือช่วงแนะนำของใช้นั้นเอง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล เราใช้ของประมาณนี้นะ

1. Klean & Kare Normal Saline

น้ำเกลือตัวนี้ Klean & Kare เอาจริง ๆ ตัวนี้เรามีติดบ้านเราอยู่แล้ว เอาไว้ใช้ล่างแผลนู้นนี้ ใครจะใช้ยี่ห้ออื่นก็ได้ เราว่าเหมือนกันแหละ ซึ่งเราเอามาเช็ดทำความสะอาดแผลทุกครั้ง แผลแห้งแล้วเราก็เช็ด แล้วค่อยแปะซิลิโคน หรือทาเจลลดรอยแผลอะไรก็ว่าไป

2. CICA-Care Silicone Gel Sheet

ซิลิโคนเจล ตัวนี้ยี่ห้อ CICA-Care บอกตามตรงว่าลองมาแค่ยี่ห้อเดียว เพราะว่าน้องแพง ไม่รู้ว่าถ้าเป็นของยี่ห้ออื่นจะเป็นยังไงจะเหนียวกว่านี้ หรือใช้ได้หลายครั้งกว่าหรือเปล่า แต่ส่วนตัวเราว่าตัวนี้ก็โอเค ติดผิวดี ไม่เหลือหลุดง่าย แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องให้รอยดูจางนะ

3. Dermatix Ultra Gel

ตัวต่อมาอันนี้ เขยิบจากแผ่นซิลิโคนมาเป็น ซิลิโคนเจล ตัวนี้ Dermatix Ultra Gel เห็นคนแนะนำเลยลองใช้ ซึ่งน้องก็โอเคนะ ทาแล้วก็เคลือบแผลไว้อย่างนั้นเลย ช่วยเรื่องแผลนูนได้ แอบลดขนาดแผลลงนิดนึง แต่ไม่ช่วยเรื่องรอยจางลงเลยยย ก็เลยตอบโจทย์แค่ครึ่งเดียว

4. Mederma Intense Gel

ตัวสุดท้าย เราว่าแผลเราดีขึ้นได้เพราะน้องคนนี้แหละ Mederma Intense Gel บอกก่อนว่าน้องเป็นเจลรักษาแผลที่เรามีอยู่แล้ว ซึ่งปกติเราใช้รักษารอยสิว แต่พอเอามารักษาแผลผ่าตัดน้องก็ไม่ทำให้ผิดหวังนะ (สมแล้วลูกรักของแม่) ช่วยลดเลือนรอยแผลให้ดูจางลงได้ ตอนเราใช้แผลยังไม่ค่อยจาง แห้ง และเล็กลงแล้ว พอใช้ไปประมาณ 2 อาทิตย์ได้ แผลค่อย ๆ จางขึ้นแบบเห็นได้ชัด และพอเราใช้มาเรื่อย ๆ ประมาณ 1 เดือน แผลจางลงเกือบหมด คือดีมาก

จบแล้วกับการรีวิวของที่ใช้ + วิธีการในการรักษาแผลเป็นหลังผ่าตัดเสริมหน้าอกของเรา บอกเลยว่าตั้งใจเขียนมาก ๆ  หากมีการพูดอะไรผิดหรือไม่ถูกอย่างไร ต้องขออภัยด้วยจริง ๆ แต่ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการทำจริงของเราทั้งนั้นนะคะ

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ ที่อยากจะรักษาแผลเป็นเหมือนกัน หรือคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจิบ ตอนนี้ขอตัวไปก่อนแล้ว บ้ายบายค่าา  ❤️