ผิวออร่า หน้าไม่ลอย Clinique iD Tone-up Gel สกินแคร์ที่ให้มากกว่าการบำรุง เพื่อผิวสวย

สวัสดีจ้าสาวๆ จีบัน กระทู้นี้อ้อจะมาพูดถึง Skin care ตัวหนึ่ง

ที่อ้อได้รับมา จากการไปร่วมกิจกรรม  JEBAN x CLINIQUE

 Clinique iD Dramatically Different Moisturizing TONE-UP GEL

กระทู้ก่อนหน้านี้ เราเก็บภาพกิจกรรมมาฝาก ส่วนกระทู้นี้เราจะมารีวิวอย่างจริงจังกับครีมตัวนี้ หลังจากอ้อลองใช้มาประมาณ 3 สัปดาห์!!   

ซึ่งอ้อเลือก บูสเตอร์สีส้ม ใช้คู่กับตัว TONE-UP GEL 

Clinique iD Dramatically Different Moisturizing TONE-UP GEL

เนื้อครีมเป็นเจล ให้ความชุ่มชื้น โดยที่หน้าไม่มัน นานถึง 8 ชั่วโมง  แต่ความพิเศษอยู่ตรงที่ ตัวนี้ยกระดับเทคโนโลยีการบำรุงไปอีกขั้น คือ Transforming Tint Release  ช่วยทำให้ผิวหน้าเปล่งประกายด้วยเทคโนโลยี  สังเกตได้ว่าที่เนื้อครีมจะมีพิกเม้นต์เล็กๆอยู่มาก นั่นแหละค่ะ เค้าคือตัวช่วยกระจายแสงให้ใบหน้า ดูเปล่งประกายทันทีที่ใช้ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าลอย สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว  

สำหรับบูสเตอร์สีส้ม เหมาะสำหรับผิวที่อ่อนล้าไม่สดใส มาพร้อมส่วนผสมจาก taurine ที่มีสรรพคุณช่วยเพิ่มพลังให้เซลล์ผิว รวมถึงยังมีคาเฟอีน และสารสกัดจาก mimosa bark ที่ช่วยทำให้ผิวค่อย ๆ ดูโกลว์เปล่งปลั่ง และลดความอ่อนล้าเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง 

ก่อนอื่นขอเล่าถึงสภาพผิวของอ้อนิดหน่อยนะคะ 

อ้ออายุ 32 ปี เป็นคนผิวผสม จะมีความมันช่วงทีโซน ผิวแพ้ง่าย 

มีปัญหาเรื่องผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส จุดด่างดำ และสิวอุดตัน

(เพราะแต่งหน้าจัดในการทำงานทุกวัน ) เริ่มมีริ้วรอยแรกเริ่ม 

แต่ยังไม่มาก(เพราะสรรหาสกินแคร์มาชะลอเอาไว้ 555555)

ผลจากการทดลองใช้ 3 สัปดาห์ อ้อสรุปเป็นข้อไว้เลยนะคะ

• เริ่มที่ตัวแพคเกจ อ้อชอบนะคะ เค้าทำมา 2 หัวใน 1 ตัว ให้บูสเตอร์ออกมาพร้อมกับตัวครีม โดยกำหนดมาให้เลยว่า 1 ปั้มควรมีส่วนผสมของแต่ละตัวขนาดไหน ซึ่งเค้าจะแบ่งเป็น ครีม 90% บูสเตอร์ 10% ใครหน้าเล็กก็กดไป 1 ปั้มพอค่ะ ตัวขวดก็รวมกันมาเลยทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่วางบนโต๊ะเครื่องแป้ง  ใช้ง่าย ไม่เสียเวลา บำรุงหน้าครบแม้จะมีเวลาน้อย

• ตัวเนื้อครีม อันนี้เนื้อดีเลยนะคะ ไม่เหนียวเลย ทั้งตัวTone-up gel และบูสเตอร์ เนื้อบางเบา ทาง่าย เนื้อครีมจะมีเม็ดเล็กๆ สีขาว **แนะนำว่าควรวอร์มเนื้อครีมที่หลังมือก่อนสัก 5 วินาทีนะคะ ให้เนื้อบูสเตอร์กับครีมเข้ากัน รวมถึงให้เจ้าเม็ดสีขาวๆเค้าแตกตัว  ซึ่งหลังจากใช้เค้าจะช่วยปรับสีผิวเราให้กระจ่างใสทันที แต่ที่ชอบคือหน้าไม่ลอย ต่างจากTone - up ทั่วๆ ไปที่เคยใช้ มันจะขาวลอย "หน้าสไปรท์ คอโค้ก" กันเลยทีเดียว

• เมื่อใช้เป็นประจำ ต่อเนื่อง (อ้อใช้มาเกือบ1เดือน) รู้สึกได้ว่า หน้าดูสดใสขึ้น ผิวโกลว์ ฉ่ำ เวลาแต่งหน้าแล้วดูผิวสวย ผิวดี ผิวราคา 5 ล้าน มากแม่ !! หน้าชุ่มชื่นตลอดวัน แต่ไม่มันเยิ้ม ช่วงที่ทดลองใช้ หน้ากำลังสิวเห่อ ก่อนนอนทุกคืนจะแต้มสิวไว้ ซึ่งปกติ บริเวณที่แต้มสิวหน้าจะแห้ง ลอก เพราะยาแต้มค่อนข้างแวร๊งงงงง  พอตอนเช้าก็จะใช้ Clinique ลองสังเกตว่า บริเวณที่แต้มสิว  ไม่แห้งเหมือนปกติ (แต่สิวไม่ได้ยุบนะ เพราะเค้าไม่ได้ช่วยเรื่องสิว 5555) แต่เหมือนว่า เค้าดูแลผิวให้แข็งแรงขึ้น บูสเตอร์ช่วยผลัดเซลผิวแบบอ่อนโยน  ชอบมากกกก  

***ปัญหาระหว่างที่ลองใช้เจ้าตัว Clinique iD Dramatically Different Moisturizing TONE-UP GEL 

- เริ่มจากตอนแรก ใส่หัวบูสเตอร์ไปในตัวครีม แล้ว กดบูสเตอร์ไม่ออก เลยลองเอาบูสเตอร์ออกมาแล้วกดปั้มหลายๆครั้งให้เนื้อออกมาแล้วลองใส่กลับเข้าไปใหม่ คราวนี้ออกมาปกติ แนะนำว่าก่อนใส่บูสเตอร์ กดเค้าก่อนนะคะ แล้วค่อยใส่ลงไป

- หลังทาครีมตัวนี้ หน้าเป็นขุย ยอมรับตรงนี้เลยว่าตอนแรกเกือบถอดใจ!! แต่ไม่ค่ะ ทางเรานั้น ลองหาวิธีแก้ไข คิดว่าแค่การวอร์มเนื้อครีมอย่างเดียวคงไม่พอ  เริ่มจากใช้ Clinique iD ตัวเดียว โดยไม่ใช้ตัวอื่นๆ ที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ ปรากฏว่า เฮ้ยยยย!! ดีงาม หน้าสว่่างใส ไม่เป็นขุยเลยจ้าาาา   //  ด้วยความอยากรู้เลยเริ่มทดลอง ใช้เพิ่มกับสกินแคร์ตัวอื่น ทีละตัวๆ จนกระทั่งค้นพบว่า Clinique iD ตัวนี้ เค้าไม่ควรลงคู่กับสกินแคร์ที่ มีเนื้อสัมผัสแบบเคลือบผิว หรือเนื้อหน้าเกินไป เพราะเค้าจะไปผลักครีมพวกนั้นให้หลุดเป็นขุยออกมา  ( ประหนึ่งว่า ฉันมาแล้ว พวกหล่อนหลบไป 555555 ) 

**แนะนำว่าควรใช้แค่พวก เซรั่มเนื้อเอสเซนท์บางๆ หรือน้ำตบ แค่นั้น แล้วตามด้วย Clinique id กับกันแดดเลย 

วันนี้ขอตัวไปก่อนน้าาาา หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจให้กับสาวๆ ที่กำลังอยากลองใช้ Clinique iD นอกจากสูตรที่เรารีวิวเค้ายังเนื้อครีมมีอีกหลายตัว รวมถึงบูสเตอร์ที่เราเลือกเองได้ให้ตอบโจทย์กับผิวเรา ลองไปเทสเนื้อที่เคาน์เตอร์ก่อนก็ได้น้าาาา  บายจ้าา