ผิวโกลว์สุขภาพดี แค่มี Clinique iD Tone-up Gel

50 10
JEBAN GIVEAWAY / ได้รางวัลจากจีบันนี่แหละ!
สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เหมียวจะมารีวิว Clinique iD Tone-up Gel หลังจากที่ทดลองใช้มาแล้วเกือบสามสัปดาห์ หลายคนคงอ่านกระทู้จากสาวจีบันท่านอื่นไปกันบ้างแล้วนะคะ ว่าในงานเป็นอย่างไร และการใช้น้อง Tone-up Gel เป็นอย่างไรกันบ้าง

และเหมียวจะมาเล่าการใช้งานในมุมของเหมียวบ้างนะคะ
ก่อนอื่นดีใจมากๆ ที่มีโอกาสเป็น 1 ใน 30 คนจากงาน Jeban x Clinique ที่ผ่านมา
ขออธิบายเพิ่มเติม อย่างที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่า

Clinique iD

 เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นพร้อมกับการบำรุงผิว สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด เนื้อสัมผัสของมอยเจอร์ไรเซอร์ ที่มีให้เลือกถึง 4 ประเภท
  • Dramatically Different Moisturizing Lotion+ เหมาะกับผิวแห้งมาก/ผิวแห้ง
  • Dramatically Different Moisturizing Gel เหมาะกับผิวผสมค่อนข้างมัน/ผิวมัน
  • Dramatically Different™ Hydrating Jelly เหมาะกับผิวทุกประเภท
  • Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel เหมาะกับผิวทุกประเภท

และตัว Booster ที่เป็นแท่งขบวนการ 5 สี
  • บูสเตอร์สีม่วง ?เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยย่นให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
  • บูสเตอร์สีขาว ⚪เพื่อปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ไร้จุดด่างดำ ดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น
  • บูสเตอร์สีส้ม ?เพื่อฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้า ให้กลับมาสดใส
  • บูสเตอร์สีฟ้า ?เพื่อปรับผิวให้ดูเรียบเนียน กระชับรูขุมขน
  • บูสเตอร์สีเขียว ?เพื่อปลอบประโลมผิวขอบบางและผิวแพ้ง่าย

ล่าสุดทางแบรนด์ Clinique ประเทศไทย มีบูสเตอร์เพิ่มอีก 2 สีนั่นก็คือ
  • บูสเตอร์สีขาวทอง มีส่วนผสมของสารสกัดเข้มข้นจากโสมจีน ช่วยกระตุ้นให้ผิวดูเปล่งประกายอมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ
  • บูสเตอร์สีชมพู ในสูตรซากุระ ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงสมดุล ฟื้นฟูผิวที่เหนื่อยล้าให้สดชื่น (มีขายเฉพาะที่ Sephora เท่านั้น)
กลับมาที่ไฮไลท์ของ Jeban x Clinique นางเอกของงานในครั้งนี้คือ 

Clinique iD Dramatically Different™ Moisturizing Tone-up 


มอยส์เจอไรเซอร์ตัวใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตระกูล Clinique iD
Clinique iD Dramatically Different™ Moisturizing Tone-up  มีเบสสีชมพูที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวในทันที และยาวนานถึง 8 ชั่วโมง มีส่วนประกอบสำคัญอย่างกรดไฮยาลูรอนิกและกลีเซอริน ทำให้ผิวหน้าของเราดูเปล่งประกายแต่ไม่ทําให้ผิวหน้าดูมัน และที่สำคัญคือไม่มี น้ำหอม และพาราเบน
ความพิเศษของ Clinique iD Tone-up Gel อีกอย่างหนึ่งคือ Tone-up Gel วางขายแค่ในเอเชียเท่านั้น

จากงาน Jeban x Clinique คุณจ๋าตัวแทนจาก Clinique บอกกับสาวจีบันว่า "สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ ได้ แต่ Tone-up Gel แนะนำใช้แค่ตอนเช้า ไม่ใช้ตอนกลางคืน เพราะมีส่วนผสมที่ช่วยกระจายแสง ให้ผิวดูสว่าง เปล่งประกาย
 เคล็ดลับในการใช้ที่สำคัญมาก ควรวอร์มเนื้อครีมที่มือก่อน เพื่อให้เม็ดสีชมพูแตกตัว และค่อยลงบนผิวหน้า ด้วยน้ำหนักที่เบามือ จากนั้นเราก็ลงครีมกันแดดต่อได้เลย

นอกจากนี้สาวๆ ที่ได้ไปร่วมงานยังได้ Clinique iD Tone-up Gel พร้อมเลือก Booster ที่ต้องการกลับบ้านไปคนละหนึ่งชุด และสูตรที่เหมียวเลือกมาคือสีฟ้า Pores & Uneven Texture ที่ช่วยในเรื่องปรับผิวให้ดูเรียบเนียน และช่วยกระชับรูขุมขนค่ะ

พร้อมรูปหมู่จากสาวๆ ที่ได้ไปร่วมงานก่อนกลับบ้านไปฟินกับ Clinique iD พร้อมบูสเตอร์ตัวที่เลือกมาค่ะ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน ไม่รอช้าขอแอบแกะกล่องเพื่อถ่ายรูปน้อง Clinique iD และบูสเตอร์สูตร Pores & Uneven Texture สีฟ้า สักเล็กน้อย เพื่อที่จะทำการใช้ในเช้าวันรุ่งขึ้น
และเมื่อประกอบร่างเรียบร้อย ตัวสีชมพูหัวสีฟ้า น้อง Tone-up Gel ในสูตรของเหมียวพร้อมใช้งานแล้วค่ะ
 สิ่งพิเศษในส่วนของ Tone-up Gel นี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีพิเศษ Transforming Tint release เม็ดสีชมพูที่ช่วยให้หน้ากระจ่างใส ผิวเปล่งประกาย มีออร่า เม็ดเล็กๆ ภายในขวดของ Clinique iD เป็นไอเท็มที่จะช่วยให้ผิวเปล่งประกาย ดูโกลว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่จะไม่ทำให้หน้าของเราเทาหรือลอยแต่อย่างใด
ส่วนตัวเหมียวรู้สึกว่าเค้าเปรียบเสมือนไพร์เมอร์เลยค่ะ ซึ่งทำหน้าที่ปรับผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนในระดับหนึ่ง

ในส่วนของหัวปั๊มจะมี 2 รูที่ออกมาในส่วนของ เนื้อเบสและบูสเตอร์ ถ้าเทียบกับตัว Dramatically Different ในรุ่นเดิมที่มีหัวเดียว และขนาดขวดก็ต่างกันดัวยค่ะ
เวลากดตัว Tone-up Gel ออกมา สัดส่วนของเนื้อครีมจะเป็น
  • Moisturizer 90% มีคุณสมบัติหลักที่ให้ความชุ่มชื่น
  • Booster 10% ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยเสริมการบำรุงที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของเรา ตามที่เราเลือกไว้
ผิวที่ได้หลังจากการทาเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์มีความชุ่มชื้น และเปล่งประกายขึ้น จะดูมีความโกลว์เล็กๆ ถ้าเจอแสงนะคะ

ทีนี้ลองมาดูว่าเมื่อลงเนื้อมอยส์เจอไรเซอร์กับผิวหน้าแล้วแตกต่างกันอย่างไรค่ะ
แต่ก่อนอื่นขอบอกรายละเอียดของตัวเองก่อน

เหมียว อายุ 32 ค่ะ 

สภาพผิว : ผิวมัน

ปัญหาผิว : ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง รอยแดง รอยดำจากสิว สีผิวไม่สม่ำเสมอ


จะเยอะไปละ เอาเพียงเท่านี้ก่อน
ไปดูผลลัพธ์จากการใช้งานกันเลยค่ะ

ผลจากการใช้งาน

ผิวมีความโกลว์ขึ้นเล็กน้อย สะท้อนแสงได้ดี เมื่อลงกันแดดตามด้วยสเต็ปต่อไป ไม่ทำให้หน้าเยิ้มหรือเหนียวเหนอะหนะค่ะ เราสามารถลงรองพื้นและแต่งหน้าในขั้นตอนถัดไปได้เลย เมคอัพติดทน

ยังไม่หมดการทดลองเพียงเท่านั้น ยังเก็บรูปเต็มๆ จากการใช้งานในช่วงที่ผ่านมามาฝากอีกค่ะ

ปัญหาที่พบ


อย่างไรก็ตามใช่ว่าน้องเค้าจะมีข้อดีอย่างเดียวนะคะ ปัญหาที่เหมียวพบเลยคือ ช่วงระยะการใช้งานแรกๆ ทำการวอร์มครีมไม่นานค่ะ และเหมียวใช้ครีมหลายประเภทมาก ประกอบกับทาครีมลงบนผิวหน้าแรงเกินไป จึงทำให้เกิดคราบขึ้นมา เหมือนในรูป
กว่าจะลองผิดลองถูก และปรึกษาบล๊อกเกอร์ท่านอื่นแล้ว กินเวลาไป 5 วัน กว่าจะเจอวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง นั่นคือ
  • ไม่ลงครีมหรือสกินแคร์ตัวอื่นที่ดูหนาจนเกินไป เพราะเมื่อทา Tone-up Gel มันเหมือนจะไปผลักตัวอื่นออกมา ทำให้เกิดขุยขึ้น
  • ลง Tone-up แบบเบามือ เน้นกดๆ เพราะสารสกินแคร์บางอย่างอาจเกิดการเสียดสี ทำให้เกิดเป็นขุยขึ้นมา

ความรู้สึกหลังใช้

หลังจากใช้ Tone-up Gel มาเกือบสามสัปดาห์กว่าๆ หรือหนึ่งเดือน เราได้ข้อสรุปที่ว่า ผิวหน้าดีขึ้นค่ะ พอมาลองเทียบกันแล้ว รูขุมขนดูกระชับขึ้น เม็ดสิวในบางจุดดูจางลง Tone-up Gel ช่วยปรับสภาพผิวหน้าเราก่อนขั้นตอนเมคอัพ ไม่ได้ทำให้ขาวขึ้น แต่ทำให้ผิวดูสุขภาพดี มีความโกลว์มากยิ่งขึ้น

ใครอ่านมาถึงตรงนี้อยากจะบอกว่า เหมียวคือคนหนึ่งที่เป็นแฟน Clinique ในกลุ่มของ Dramatically Different เลยหล่ะ เพราะเคยใช้มาแล้วและตั้งกระทู้ไอเดียปลูกต้นไม้จากขวด Clinique ด้วย

รักน้องเหลือง  DDMG มาก เค้าคือไอเทมที่เราขาดไม่ได้และใกล้จะหมดแล้ว คงต้องซื้อต่อและใช้สลับกับ Tone-up Gel เพื่อให้ช่วยดูแลผิวหน้าเราให้แข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นไป
จบแล้วค่ะสำหรับการบอกเล่าความประทับใจของ Clinique iD Tone-up Gel ใครอยากลองใช้แนะนำให้ไปปรึกษากับ BA ที่ Counter ได้เลยค่ะ หรือใครที่ใช้อยู่แล้วมาแบ่งปันทริคกันได้นะคะ ติชมเม้าท์มอยกันได้ แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้าน้าาา

บ๊ายบาย ^_^


muzikiii

muzikiii

▪︎ Meaw | 1988
▪︎ Honest Review
▪︎ Sensitive Skin | Oily Skin
▪︎ Skincare | Lifestyle | KDrama

FULL PROFILE