สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เราจะมารีวิว Clinique Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel หลังจากการใช้มาประมาณ 2 สัปดาห์ เราเป็น 1 ใน 30 ผู้โชคดีที่ได้ไปงาน Jeban X Clinique เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา  มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

ถึงหลายๆคนจะรู้อยู่แล้ว แต่เราก็ยังอยากรีวิวแบบละเอียดอยู่ค่ะ Clinique ID เท่าที่เรารู้คือ เค้าเพิ่งเริ่มมีเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เค้าออก Moisturizer สูตร Hydrating Jelly ที่เป็นเนื้อสีใส เมื่อก่อนเค้ามีอยู่ 2 แบบที่แยกสำหรับคนผิวมันและผิวแห้ง เนื้อมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นสีเหลืองทั้งคู่ ซึ่งตอนนี้มีMoisturizer ที่สามารถนำมา Combined เป็น Clinique ID ได้ ทั้งหมด 4 แบบค่ะ

1. Clinique Dramatically Different Moisturizing Lotion เป็นเนื้อสีเหลืองเหมาะสำหรับผิวแห้งมาก ผิวแห้งและผิวผสมค่อนทางแห้ง
2. Clinique Dramatically Different Moisturizing Gel เหมาะสำหรับผิวผสมค่อนทางมันและผิวมัน
3. Clinique Dramatically Different Moisturizing Hydrating Jelly เป็นเนื้อสีใส เหมาะกับทุกสภาพผิว
4. Clinique Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel เป็นเนื้อสีชมพูอ่อนๆ เท่าที่เราอ่านดูคือเหมาะกับทุกสภาพผิว

และที่ขาดไม่ได้อีกอย่างสำหรับ Clinique ID ก็คือตัว Catridge หรือ Booster ซึ่งก็เหมือนเดิม มี 5 สี

• สีฟ้า (For Uneven Skin Texture) สำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้างไม่เนียนเรียบ มีสารบำรุงเข้มข้นจากกรดอัลฟ่า ไฮโดรซิล มีประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ให้รูขุมขนกระชับและผิวเนียนเรียบ
• สีขาว (For Uneven Skin Tone) สำหรับผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ มีสารบำรุงเข้มข้นจากรากสมุนไพรเจแปนนิส แองเจลลิก้า (โสมตังกุย) ที่ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอกระจ่างใส ไร้จุดด่างดำ
• สีม่วง (For Lines and Wrinkles) สำหรับผู้ที่มีริ้วรอย มีสารบำรุงเข้มข้นจากเวย์โปรตีน ที่ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ เติมเต็มริ้วรอยแห่งวัย ฟื้นฟูและปรับสภาพผิวที่ดูแห้งกร้านให้ดูเปล่งปลั่ง
• สีสัม (For Fatigue) สำหรับผิวเหนื่อยล้า มีสารบำรุงเข้มข้นจากกรดอะมิโนเทอรีนและคาเฟอีน ช่วยกระตุ้นและคืนความเปล่งประกายให้ผิว
• สีเขียว (For Sensitive Skin) สำหรับผู่ที่มีผิวระคายเคืองง่าย มีแลคโตบาซิลลัส โปรไบโอติก สามารถช่วยลดเลือรอยแดงบนผิวเมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง

และช่วงนี้ก็มี Booster ออกมาอีก 2 สีด้วย สีชมพู (Exclusive for Sephora) เป็นตัวที่เหมาะกับสภาพอากาศที่มี PM2.5​ ตอนนี้มาก เป็น Anti- Pollution และสีขาว-ทอง (Ginseng Booster) เป็นตัวที่มีขายในเอเชียเท่านั้น มีแค่ช่วงนี้ หมดแล้วหมดเลย เหมาะกับผิวหน้าที่ขาดความเปล่งประกาย ดูหมองคล้ำ มีสารบำรุงของโสมจากประเทศจีนที่จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส่ขึ้น

ในวันงานมีคุณจ๋า Product and Retail Marketing Manager และคุณโบ๊ท Consumer Engagement Manager มาบอกเล่าและให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Clinique Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel ซึ่งเราก็เพิ่งได้รู้ว่า ตัวนี้มีขายแค่ในเอเชียเท่านั้น

Clinique Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel

เป็นเนื้อครีมเจลที่ให้ความชุ่มชื้นยาวนาน 8 ชม. ด้วยส่วนประกอบสำคัญของกรดไฮยาลูโรนิคและกลีเซอรีน เป็น Oil-Free Hydration ไม่ทำให้หน้ามัน มี Transform Tint Release Technology เทคโนโลยีเม็ดสีกระจายแสงช่วยทำให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสและเปล่งประกาย ผิวดูอมชมพู ดูสุขภาพดีแบบrosy glow สามารถใช้ได้กับทุกเฉดผิวและใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นได้

ที่เราเลือกมาจะเป็นบูสเตอร์สีม่วง สำหรับคนที่มีปัญหาริ้วรอยซึ่งเหมาะกับเรามาก อายุที่เพิ่มขึ้น เราก็จะกังวลเรื่องริ้วรอยมากที่สุด

นี้เราแค่ป้ายบนหน้าให้ดูเนื้อนะคะ แต่เวลาที่ทาจริงต้องวอร์มให้เม็ดสีแตกตัวก่อนถึงจะทาลงบนหน้า และเวลาที่ทาเสร็จแล้วต้องรอให้เค้าซึมก่อนนะคะถึงจะลงตัวอื่นหรือเริ่มแต่งหน้าได้ แต่ตัวนี้ซึมเข้าผิวได้ดีจริงๆค่ะ

เราถ่ายเทียบที่มือทั้งในแสงธรรมชาติและแสงนีออนเลย ต้องลองทาที่มือเพราะเราลองทาครึ่งหน้าแล้วลองถ่าย เห็นไม่ชัดเท่าลงที่หลังมือ

และอีกตัวที่เราอยากมาพูดถึงด้วยก็คือ Clinique Dramatically Different Moisturizing Hydrating Jelly ซึ่งครั้งแรกที่ได้ลองใช้เราได้มาจากงานจีบันครั้งก่อน แต่ขวดนี้เป็นขวดที่ 2 แล้ว แม่เราใช้อย่างต่อเนื่องมาก เค้าชอบตรงที่เนื้อซึมเข้าสู่ผิวได้ดีและเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้เลย แม่เราเป็นคนหน้ามันก็เลยไม่ชอบอะไรที่หนักหน้าหรือเหนอะหนะอยู่แล้ว นี่คือกระทู้ที่เรารีวิวไว้แบบละเอียด https://www.jeban.com/topic/282936 

ที่เราต้องหยิบตัวนี้มารีวิวเนื้อด้วยเพราะว่าเราใช้ทั้ง 2 อันค่ะ อันนึงใช้เช้า อีกอันใช้ทาตอนนอน

ความรู้สึกหลังใช้ :

Clinique Dramatically Different Moisturizing Tone-up Gel + Booster สีม่วง เราจะรีวิวจากความเห็นส่วนตัวที่เราใช้แล้วรู้สึกว่าเป็นยังไง คือเราเป็นคนที่มีสภาพผิวแห้ง ถ้าช่วงไหนบำรุงไม่ดีผิวจะขาดน้ำ และมีริ้วรอยจากอายุที่เพิ่มขึ้น (ตอนนี้ 35 ปีแล้วววว)

คือในงานเนี่ยคุณจ๋าบอกว่า คุณจ๋าใช้เฉพาะช่วงเช้า ซึ่งเราเห็นด้วยมากๆ เพราะที่เราใช้คือ เราใช้ Tone-up Gel ตอนเช้า ส่วนตอนกลางคืนเราใช้ Hydrating Jelly เรารู้สึกว่าตัว Hydrating Jelly เติมความชุ่มชื้นได้ดีกว่า ซึ่งถ้าให้เรามองทั้ง 2 ตัวมีจุดเด่นที่ต่างกันไป สำหรับเรา Tone-up ก็ถือว่าโอเคนะ เราลองแล้วเรารู้สึกว่าเค้ากระจายแสงทำให้หน้าดูไบร์ทได้จริงๆ คือ How to ล่าสุดเนี่ยเราลงตัวนี้ก่อนแต่งหน้า คือรองพื้นที่เราใช้ดำกว่าหน้าเราจริงๆ แต่หน้าดูไม่หมอง ดูหน้าผ่องๆหน่อย ส่วนวันไหนที่อยากออกจากบ้านแบบหน้าสดลงแค่สกินแคร์ ลงตัวนี้กับครีมกันแดดหน้าก็ดูโอเคแล้ว เค้าสามารถช่วยกระจายแสงทำให้ผิวดูสุขภาพดีจริงๆ หน้าดูกระจ่างใสน้าไม่ใช่หน้าวอก

มาถึงตรงนี้คนหาว่าอวยรึป่าว เราก็แอบอ่านรีวิวมาเยอะน้าา บางคนก็ไม่ชอบตัวนี้ แต่ตัวนี้กับผิวเราซึ่งเป็นคนผิวแห้งก็ดีอยู่น้า แต่ก็ยังไม่เหมาะสำหรับทานอนตอนกลางคืน เราว่าเค้ายังเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแห้งอย่างเราไม่เพียงพอ เราเลยเลือกที่จะใช้ Hydrating Jelly สำหรับก่อนนอน แต่ถ้ากลางวันเราก็ยังจะหยิบใช้ตัว Tone-up Gel อยู่ เลือกไม่ได้ก็ต้องมีทั้ง 2 อันล่ะ555 ซึ่งหลังจากที่ใช้ 2 ตัวนี้ต่อเนื่องมา 2 สัปดาห์ ผิวเราก็ดูอิ่มน้ำขึ้นและริ้วรอยจางลงเล็กน้อย

ราคา 1,900 บาท

ต่อไปจะเป็นภาพความประทับใจในงานนะคะ ถ้าเราไม่ได้ลงรูปกับใครต้องขอโทษด้วย รูปกระจัดกระจายมาก

+3

ใครที่สนใจ Clinique ID อย่าลืมไปลองเนื้อกันก่อนนะคะ ถึงวันนี้เราจะมารีวิวตัว Tone-up Gel ที่ได้มาจากงาน แต่เราก็ยังอยากแนะนำให้เพื่อนๆไปลองก่อนนะว่าชอบแบบเนื้อแบบไหนและบูสเตอร์แบบไหนตรงกับปัญหาผิวที่สุด ถ้าคนที่ไม่ได้เน้นเรื่องความกระจ่างใสของผิว เราก็มองว่าตัวนี้อาจไม่ช่ายทางเลือกเหมาะเท่าไหร่ เค้ายังมีอีก 3 Moisturizer ให้เลือก รวมทั้งหมด 4 Moisturizer + 5 ฺBooster สามารถหา Clinique ID ตรงตามความต้องการของแต่ละคนได้จากทั้งหมด 20 สูตรแน่ะ มันต้องมีอันที่ใช่แน่นอน
 
แต่เราเข้าไปเวปไซต์ ของ Clinique มา จะมีให้เลือกทั้งหมด 28 สูตร เพราะเค้ามีบูสเตอร์สีชมพูและสีขาวทองด้วย

ในบางรูปอาจมีสีเพี้ยนหน่อยเพราะเราถ่ายในห้องนอน​ แสงธรรมชาติที่เข้าผ่านหน้าต่างจะมีความแดงๆหน่อย

และสุดท้ายก่อนจากกันไป​ ก็ต้องขอขอบคุณจีบันและCliniqueนะคะที่มีกิจกรรมดีๆ​ และมีผลิตภัณฑ์ดีให้ลองใช้

BYE XOXO