หลังจากที่หลายคนน่าจะเห็นรีวิวจาก Jebanista ท่านอื่นๆ รีวิวงาน JebanxNaos และเริ่มรีวิวผลการใช้งานกันไปบ้างแล้ว และเหมียวรีวิวกันไปแล้วกับการไปงาน Welcome to JEBANxNAOS Workshop 

กระทู้นี้เหมียวขอมาสรุปรีวิวหลังจากการใช้งานภายในสองสัปดาห์กันค่ะ

อ๊ะๆๆๆ ขอบอกปัญหาผิวของตัวเอง และ Lifestyle ก่อน

- สภาพผิว คือ หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ

- Lifestyle คือ นอนดึก และไม่ค่อยดื่มน้ำค่ะ

เอาหละทีนี้มีดูกันว่ารีวิวเป็นอย่างไร สาวๆ ในงานได้รับผลิตภัณฑ์มาหลักๆ จะมีสามตัวนี้ค่ะ

• INSTITUT ESTHEDERM

  • Intensive Hyaluronic  Serum

• BIODERMA

  • Hydrabio H2O

  • Hydrabio Serum

มาเริ่มรู้จักกับ BIODERMA กันก่อนเลยนะคะ 

BIODERMA

สกินแคร์ในตระกูล Hydrabio (ไฮดราบิโอ) ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มีความสะอาดอ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว ด้วย AQUAGENIUM สิทธิบิตรเฉพาะของ Bioderma ช่วยเสริมสร้างปราการผิวและท่อส่งน้ำให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ และสารสกัดจาก Apple Seed ช่วยกระตุ้นการสร้างท่อส่งน้ำในผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีจากภายใน

สิ่งที่สาวๆในงานได้รับคือ

• Bioderma Hydrabio H2O คลีนซิ่งวอเตอร์สูตรไมเซล่า

• Bioderma Hydrabio Serum เซรั่มที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มีไฮยาลูรอนเข้าข้น

นอกเหนือจากนี้ในตระกูล Hydrabio เค้ายังมีอีกหนุ่งผลิตภัณฑ์คือ

• Bioderma Hydrabio Tonique โทนเนอร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุง และยังสามารถใช้เป็นมาสก์ได้ด้วย 

ทำความรู้จักกันไปแล้ว ขอแนะนำ Texture เนื้อสัมผัสของสองตัวนี้ และการใช้งานกันค่ะ

Bioderma Hydrabio H2O 

น้ำนี่แหล่ะค่ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ เช็ดแล้วสะอาด มีความชุ่มชื้นหลงเหลืออยู่ หน้าไม่แห้งตึง

Bioderma Hydrabio Serum 

เซรั่มเนื้อเนื้อเจล สีขาวขุ่น กลิ่นหอมอ่อนๆ (จากข้างกล่องแจ้งว่ามีน้ำหอม) เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่ทิ้งคราบ มีความชุ่มชื้้นพอดี สามารถลงสกินแคร์ตัวต่อไปได้เลย

สำหรับ BIODERMA เหมียวจะใช้ Bioderma Hydrabio Serum ในช่วงเช้า ? เพราะให้สัมผัสที่บางเบาค่ะ

มาดูกันที่ผลิตภัณฑ์ตัวต่อไปค่ะ

INSTITUT ESTHEDERM (แองสติตู เอสเธอเดิร์ม)

เป็นแบรนด์ในเครือของ NAOS ประเทศไทย

ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำในงานนี้คือกลุ่ม Intensive Treatment ช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างล้ำลึกเร่งด่วน ช่วยลดเลือนริ้วรอยจากผิวขาดน้ำใน 28 วัน จากสิทธิบัตร Hyaluronic Acid ที่ผสาน Hyaluronic 3 รูปแบบนั่นคือ

• โมเลกุลขนาดใหญ่ เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูฉ่ำวาว

• โมเลกุลขนาดกลาง กระตุ้นการสร้าง Hyaluron ตามธรรมชาติ ให้ผิวดูอิ่มจากภายใน

• โมเลกุลขนาดใหญ่และเล็กใน Micro Capsule ช่วยดันผิวให้ฟูจากภายใน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน

ตัวที่เราได้รับมาคือ

• INSTITUT ESTHEDERM

  • Intensive Hyaluronic  Serum

  • Intensive Hyaluronic  Cream (ขนาดทดลอง) จากการร่วมกิจกรรมภายในงาน

แพคเกจดูหรูหราน่าใช้มาก หลอดจิ๋ว Intensive Hyaluronic Cream คือดีมาก

มาดูเนื้อสัมผัสกันค่ะ

จะเห็นว่า

Intensive Hyaluronic  Serum

ให้เนื้อสัมผัสที่บางเบากว่า มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ซึมไว และไม่ทิ้งคราบ

Intensive Hyaluronic  Cream

เนื้อสัมผัสข้นกว่า หนักกว่าแต่ไม่มาก ไม่เหนียวเหนอะหนะ ยังคงให้สัมผัสที่บางเบากับผิว กลิ่นหอมอ่อนๆ และไม่ทิ้งคราบเช่นเดียวกัน

สำหรับสองตัวนี้ เหมียวจะใช้ในช่วง ? กลางคืนค่ะ เพราะสาเหตุหลักเลยคือนอนห้องแอร์ แล้วทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นมากๆ จึงนำมาใช้เป็น Night Skincare ในช่วงที่ผ่านมา

ตัวที่ได้มานี้ เหมียวได้ทดลองใช้ตั้งแต่วันที่ได้มา จนมาถึงวันนี้ แต่อาจมีใช้ร่วมกับตัวอื่นด้วย ตอนแรกที่คาดว่าไม่เห็นผล แต่ด้วยความที่เก็บรูปตัวเองอยู่บ่อยๆ เนื่องจากต้องมีการทำรีวิว 

ทวนซ้ำอีกครั้งเน๊อะ ปัญหาผิวและ Lifestyle

- สภาพผิว คือ หน้ามัน รูขุมขนกว้าง ผิวขาดน้ำ

- Lifestyle คือ นอนดึก และไม่ค่อยดื่มน้ำค่ะ

และรูปที่เราได้มาก็คือ

พอเอารูปมาเทียบกัน มันคือความแตกต่างที่ชัดเจนมาก 

แต่เราจะรู้สึกได้เลยค่ะ ว่าช่วงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ตื่นนอนมาตอนเช้าหน้าดูฟูมาก หลังจากที่ผิวขาดน้ำอยู่บ่อยๆก็ดูชุ่มชื้นขึ้น

จบแล้วสำหรับการรีวิว ขอสรุปเพิ่มเติมหลังจากการร่วมกินกรรม Jeban x Naos ในครั้งนี้ที่ คุณจิน เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตำรับยาและเครื่องสำอางจาก NAOS ที่เค้าเน้นย้ำมากเลยค่ะว่า 

ผิวขาดน้ำ เกิดจากสาเหตุดังนี้

• การดื่มน้ำน้อย
  ผิวคือแหล่งเก็บน้ำที่สำคัญของร่างกาย ในแต่ละวัน ร่างกายจะดึงน้ำจากบริเวณผิวไปใช้ ทำให้ผิวเกิดการขาดน้ำ ควรดื่มน้ำให้ได้ 3-4 ลิตร หรือจิบบ่อยๆในระหว่างวัน

  
  

• นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ 

  การนอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาเพื่อซ่อมแซมร่างการช่วง 4 ทุ่ม และตี 1 จะทำให้ร่างกายได้รับการซ่อมแซมในช่วงเวลานี้ เพราะฉะนั้นกิจกรรมที่ต้องทำในช่วงเวลาที่ร่างกายต้องได้รับการซ่อมแซมให้เลื่อนไปทำในช่วงเวลาอื่น 

  
  

• นอนห้องแอร์ / อยู่บนเครื่องบินเป็นเวลานาน
  เพราะห้องแอร์มีความชื้นในอากาศน้อย ทำให้น้ำในผิวระเหยออกไปได้ง่าย วิธีแก้คือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเคลือบผิวไม่ให้อากาศดึงน้ำจากผิวของเราไป  
  
  

• ใช้คลีนซิ่งผิดประเภท 
  ไม่เหมาะกับผิวหน้าและคิดว่าการล้างหน้าที่ดูตึงเอี๊ยดคือสะอาด สิ่งสำคัญคือให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ยังคงทิ้งความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าอยู่บ้าง
   

• ไม่ทาครีมบำรุง 
  ผิวขาดน้ำควรได้รับการบำรุง เหมือนกับต้นไม้ที่ต้องมีการรดน้ำ แต่ถ้าผิวแห้งมาก แนะนให้มีการมาสก์หน้าต่อเนื่องทุกวัน จนผิวมีความชุ่มชื้นกลับมาเป็นปกติ

ผิวขาดน้ำจะเกิดข้อเสียอะไรบ้าง ?

• เมื่อความชุ่มชื้นในผิวหน้าไม่เพียงพอ 

  • คนหน้าแห้งเมื่อผิวขาดน้ำ จะแห้งลงไปอีก

  • คนหน้ามันเมื่อผิวขาดน้ำ หน้าจะมันขึ้นกว่าเดิม 

• ผิวที่ขาดน้ำจะให้เกิดริ้วรอยไม่เรียบเนียน เพราะผิวเกิดการยุบตัวลง แต่ผิวที่ดีดูอิ่มน้ำจะทำให้ใบหน้าดูออร่ากระจ่างใส 

กระทู้นี้ขอตัวลาไปก่อน ขอขอบคุณ Jeban และทาง Naos อีกครั้งนะคะที่พาเหมียวไปเปิดประสบการณ์และรับความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติม 

เจอกันใหม่รีวิวหน้า ขอบคุณค่ะ ^____^