[รีวิวเจาะส่วนประกอบ] DIOR CAPTURE TOTALE C.E.L.L. ENERGY ไลน์ใหม่ล่าสุดจาก DIOR

93 26
GIVEN BY BRAND / แบรนด์ฝากประชาสัมพันธ์จ้า ^^

สวัสดีค่ะสาวๆ วันนี้โดนัทมารีวิวสกินแคร์จาก DIOR ไลน์ใหม่ล่าสุด 

ที่มีส่วนประกอบและผลลัพธ์ที่น่าสนใจ 

ไลน์นี้เหมาะสำหรับคนที่กังวลเรื่องริ้วรอย ผิวชรา ไม่สดใส 


ซึ่งโดนัทได้ลองใช้มาตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 

บอกเลยว่าก่อนจะมาเขียนรีวิว ไปหาข้อมูล อ่านสิทธิบัตรต่างๆ ของทาง DIOR 

และทดลองใช้จริงเช้า-เย็น เป็นประจำทุกวันเลย 


ดังนั้น พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยค่ะ

DIOR CAPTURE TOTALE C.E.L.L. ENERGY

สกินแคร์ไลน์ใหม่ล่าสุดจาก Dior ที่เลอค่าตั้งแต่สารสกัด, เทคโนโลยี, 

ส่วนประกอบในสูตร และแพคเกจจิ้ง


สำหรับความพิเศษของไลน์นี้ คือทาง Dior ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี

ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ Dior แต่เพียงผู้เดียว นั่นคือ Bio-Cellular Technology

ที่มีสารสกัดจากไม้ดอก 4 ชนิด คือ Longoza จาก Dior Garden และมี Jasmine, 

Peony, White Lilly โดยกักเก็บใน Liposome สำหรับการนำส่งสารสำคัญ

ไปออกฤทธิ์ที่เป้าหมาย


เพื่อส่งเสริมให้ผิวสามารถฟื้นฟูความงามที่เริ่มร่วงโรยลงไป ให้กลับมาอ่อนเยาว์

โดยทาง Dior ได้ทุ่มเวลา 20 ปีในการ Research สารสกัดต่างๆในหลอดทดลอง

จนมั่นใจว่าสารสกัด ออกฤทธิ์ได้ดีจริง และน่าพอใจ

จึงพัฒนามาเป็นสกินแคร์ไลน์นี้ค่ะ

สำหรับ 3 Products ที่โดนัทมีคือ

DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - High-Performance Treatment Serum-Lotion

DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Super Potent Serum

DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Firming & Wrinkle-Correcting Eye Cream



สำหรับในทุกๆสูตรของ  DIOR CAPTURE TOTALE C.E.L.L. ENERGY ไลน์นี้ 

จะพบส่วนประกอบที่เป็นสิทธิบัตรของ Dior ที่มีชื่อว่า Bio-Cellular Technology 


ซึ่งสารสกัดที่เป็น Patent หรือสิทธิบัตรของทาง Dior คือ สารสกัดจาก Longoza


ทาง DIOR ได้ทำสิทธิบัตรในหัวข้อ 

Cosmetic composition in particular with anti-ageing activity comprising an extract of Aframomum angustifolium or longoza plant

โดยในสิทธิบัตรได้มีการเทสต์ เปรียบเทียบในขณะที่ทรีทด้วยสารสกัดจาก Longoza  และไม่ได้ทรีทด้วยสารสกัด

โดยเค้ามีผลการเทสต์โดยวัดที่ oxytalan   elastic  fiber 

ซึ่งเป็น Elastic Tissue ที่เรียงตัวตั้งฉากกับ epidermis มีเซลล์ fibroblasts จำนวนมาก และมีความสามารถในการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว และมี metabolic  activity มาก เพื่อประโยชน์ในการซ่อมแซมผิวหนัง (wound healing)  

และ elaunin fibres ที่อยู่ใน Elastic System ของผิว

โดยพบว่าในตัวอย่างที่มีการทรีทผิวมีการพัฒนาในด้านบวกมากกว่าตัวอย่างที่ไม่ได้มีการทรีทด้วยสารสกัดจาก Longoza 


ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่า การใช้   Aframomum angustifolium หรือ longoza ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และมีฤทธิ์ Anti-aging ที่ดี

ซึ่งนอกจาก Longoza ทาง DIOR ได้ชูโรงด้านสารสกัดจาก Jasmine, Peony และ White Lilly โดยกักเก็บใน Liposome สำหรับการนำส่งสารสำคัญไปออกฤทธิ์ที่เป้าหมาย


สำหรับพืชไม้ดอกอีกชนิดต่างๆ  ก็จะสามารถหาข้อมูลในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ได้บ้าง

ทั้งสารสกัดจาก Peony และ White Lilly เด่นเรื่องการปรับให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดจุดด่างดำต่างๆบนผิว และยังมีฤทธิ์ลดการทำลายผิวจากรังสี UVA ที่จะทำให้เกิดริ้วรอยและผิวชราอีกด้วย 

ส่วนสารสกัดจาก Jasmine ยังพบผลการศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial) เชื้อรา และจุลชีพ   นอกจากนั้นพบงานวิจัยด้านการสมานแผลว่าทำให้แผลหายเร็ว และลดริ้วรอยได้


นอกจากนั้นสารสกัดจากพืชทั้ง 4 ชนิดยังมี Phytonutrients หรือสารอาหารที่ดีต่อผิว และให้ฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์อีกด้วย  

————————————

นอกจากนั้นส่วนประกอบหลักๆในทุกสูตรจะมี

Ascorbyl Glucoside (AA2G)ที่เป็นอนุพันธ์วิตามินซี ที่มีทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ และการศึกษาว่าช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น


และ  Niacinamide หรือวิตามิน B3 ที่มีฤทธิ์ที่ดีต่อผิวรอบด้านตั้งแต่ปรับผิวให้กระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดง ริ้วรอย และลดอาการอักเสบของผิวค่ะ


 Adenosine ที่มีหน้าที่สำคัญในการสื่อสารของเซลล์ และเป็นสารตั้งต้นของการสร้างพลังงานของเซลล์ (Intracellular ATP) 


ในสูตรใช้ Glycerin , Xylitol และ Trehalose ที่ช่วยดึงน้ำจากอากาศเข้าสู่ผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น 


เรามาดูกันทีละ Product เลยนะคะ


ก่อนอื่นหลังล้างหน้า เรามาเตรียมผิวกันด้วย 

DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - High-Performance Treatment Serum-Lotion

กันค่ะ 

.

สำหรับชิ้นนี้เป็นทรีทเม้นท์ เซรั่ม-โลชั่น เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการบำรุงผิว โดยจะเริ่มตั้งแต่ให้ความชุ่มชื้น, ปลอบประโลม และช่วยให้ผิวมีสมดุลที่ดี 

ในส่วนประกอบจะมีวิตามิน, Phospholipid จากพืช และมีอะมิโนมากมาย 

ซึ่งสูตรนี้มุ่งเน้นการ

1.         เสริมสร้างเกราะป้องกันผิว หรือ Skin Barrier  

2.         ช่วยลดสัญญานแห่งความร่วงโรย, ความไม่แน่นกระชับ และความไม่กระจ่างใสของผิว 

สูตรนี้ทางแบรนด์มีข้อมูลว่าเป็นสูตรที่ทำให้สารสำคัญสามารถซึมลงลึกและออกฤทธิ์จนเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวได้หลังจากวันที่ 7 และเห็นความชัดเจนด้านความสม่ำเสมอของผิว และผิวโกลว์ค่ะ 

สูตรนี้มีการทำ Blind test หรือการทดสอบแบบที่ผู้ทดสอบไม่ทราบว่าใช้สกินแคร์ตัวไหนอยู่ (เพื่อป้องกันการ Bias หรือลำเอียง)

โดยทา serum-lotion เป็นขั้นตอนแรก พบว่า 

*92% ผิวกลับมาสมดุล

**88% ผิวดูเปล่งปลั่ง

**85% สีผิวดูสม่ำเสมอ

* Blind use test, 60 women, after 7 days.
 ** Blind use test, 60 women, after 1 month.

Texture

สูตรนี้เป็นเนื้อโลชั่นที่หนืดเล็กน้อย กลิ่นหอมผ่อนคลายมาก 

และหลังทาลงบนผิวรู้สึกว่าให้ความชุ่มชื้นได้ดีมาก และความชุ่มชื้นคงอยู่ยาวนานพอสมควร 

โดนัทเทสต์การใช้เดี่ยวๆ ตอนเช้าและอยู่ในห้องแอร์ พบว่าผิวดูชุ่มชื้นและ Glow ดีมากทั้งวัน (โดนัทผิวผสม)

ขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นตอนการเตรียมผิวขั้นตอนแรกที่ทำให้การใช้สกินแคร์ในขั้นตอนอื่นๆ สามารถออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น 

วิธีใช้

ทาลงบนผิวเบาๆ แล้วกดๆ ให้ซึมลงสู่ผิว ทั้งเช้าและก่อนนอน 

————————————

สำหรับชิ้นต่อมาคือ 

DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Super Potent Serum


โดยมีข้อมูลว่าชิ้นนี้เป็น “เซรั่มเข้มข้นที่ดีที่สุดของ Dior เพื่อฟื้นฟูริ้วรอย”


คุณประโยชน์

เซรั่มที่มีสารสกัดช่วยดูแลผิวที่แลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส อ่อนเยาว์ และสุขภาพดียิ่งขึ้นในทุกช่วงวัย ผิวของคุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง หลังใช้ได้ 7 วัน

และเช่นกันค่ะ ทาง DIOR มีการทำ Blind test ในผู้หญิง 60 คน 

โดยให้ทา Super potent age-defying intense serum

แล้วตามด้วย Wrinkle-Correcting Crème  พบว่า 

95% รู้สึกว่าผิวนุ่มนวลขึ้น

93% รู้สึกว่าผิวเรียบเนียนขึ้น

87% รู้สึกว่ารูขุมขนดูกระชับขึ้น ผิว Refined ขึ้น


Texture

เนื้อสัมผัสจะเป็นเซรั่มเกลี่ยง่าย ซึมไว ค่อนข้าง Rich แต่ไม่ทิ้งความเหนอะหนะผิว

รู้สึกว่าใช้แล้วให้ความชุ่มชื้นดี ยาวนาน ไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม ดูผิวเรียบเนียน

เนื้อจะค่อนข้างฉ่ำ ทาแล้วผิวดูโกลว์และนุ่มมากลังทา กลิ่นนี่คือหอมอ่อนๆตามสไตล์ DIOR ค่ะ 

สำหรับส่วนประกอบสูตรนี้

นอกจากจะใช้ Bio-Cellular Technology ซึ่งเป็นสารสกัดจากไม้ดอก 4 ชนิดแล้ว

สูตรนี้ยังเน้นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นล้ำลึกขึ้น เพื่อเติมเต็ม Skin Barrier ให้แข็งแรง 

และเติมความชุ่มชื้นเพิ่มจากสูตรโลชั่น  


โดยมี Active Ingredients  ที่น่าสนใจมาก คือ 

Sodium Acetylated Hyaluronate

( น่าจะมาจากสารในชื่อการค้า Hymagic™-AcHA )

ที่เป็น Hyaluronic Acid ในรูปแบบพิเศษที่มีความสามารถทั้งชอบน้ำและชอบน้ำมัน !

จึงทำให้สามารถซึมลงสู่ผิวได้ดีกว่า

นอกจากนั้นเนื้อสัมผัสก็เหนือกว่า Hyaluronic Acid แบบธรรมดา คือให้ความสบายผิว ไม่หนึบ เหนอะหนะ

ซึ่งความสามารถของ Sodium Acetylated Hyaluronate คือเพิ่มความชุ่มชื้น, ซ่อมแซม Skin barrier และเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวค่ะ

.

นอกจากนั้นสูตรเซรั่มนี้มีสารสกัดที่ส่งเสริมในด้านการฟื้นฟูผิวและ Anti-Aging

โดยใช้ Squalane ซึ่งเป็นสาร super antioxidant ชนิดหนึ่ง 

โดยปกติผิวที่แข็งแรงแล้วก็อ่อนเยาว์จะมีการผลิต squalane อยู่ตลอดค่ะ

ซึ่งสควาเลนมีผลกับความหนาแน่น ของคอลลาเจนในผิว

แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น Squalane ก็จะลดลงดังนั้นเราสามารถเสริม Squalane ให้ผิว

เพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น แข็งแรงขึ้น และช่วยต่อต้านริ้วรอย

วิธีใช้

ใช้ 1-2 ปั๊มให้ทั่วใบหน้า เช้า- เย็น หลังจากลงโลชั่นเตรียมผิวค่ะ 

————————————

และเรามาต่อกันที่ชิ้นที่ 3 นั่นคือ 


DIOR Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Firming & Wrinkle-Correcting Eye Cream

ซึ่งมีข้อมูลว่าเป็นครีมบำรุงรอบดวงตาที่ช่วยปลอบประโลมผิว เข้าตรงจัดการปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา

เพื่อผิวที่แลดูเปล่งปลั่งกระจ่างใส อ่อนเยาว์ และสุขภาพดียิ่งขึ้นในทุกช่วงวัย


DIOR ได้มีการทำผลเทสต์กับผู้หญิง 31 คน หลังจากใช้ 1 เดือน โดยวิธีประเมินด้วยตนเอง พบว่า

ผิวดูเรียบเพิ่มขึ้น 11%

ริ้วรอยดูลดลง 12%

ผิวดูกระชับขึ้น 12% 

Texture

เป็นเนื้อครีม Rich แต่รุ้สึกไม่หนัก เหนอะหนะผิวนะคะ ซึมไว ให้ความชุ่มชื้นดีมาก 

ทาแล้วรู้สึกริ้วรอยใต้ตาดูเบลอ และใต้ตาดูสว่างขึ้นจากการกระจายแสงของส่วนประกอบในสูตร

เคลือบเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตาดูไม่แห้ง ไม่โทรม ไม่ล้า ดีงามมากเลยค่ะ 

โดยในสูตรนี้จะเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นมากกว่าสูตรอื่นๆ เป็นพิเศษ

เพราะผิวบริเวณรอบดวงตามักจะแห้งและบางกว่าผิวส่วนอื่นๆมาก 

โดยส่วนที่เพิ่มมาในสูตรมีทั้ง Shea butter ที่มีฤทธิ์ Anti-Inflammatory (ลดอาการอักเสบ)   ,Antioxidant Effect และในบางการศึกษายังพบว่าช่วยเสริมสร้าง Skin Barrier ได้  


และยังเพิ่มความชุ่มชื้นลงไปอีกด้วย Mango seed butter

 

นอกจากนั้นที่พิเศษยังมี Biosaccharide Gum-2 ที่มีข้อมูลจากผู้ผลิตสารว่าช่วยยับยั้งอาการอักเสบ (Keep Cool) และมีฤทธิ์ Anti-aging 


โดยนอกจากจะมีส่วนประกอบที่เป็น Active Ingredients มากมาย 

ยังมีตัวส่วนประกอบที่ช่วยกระจายแสงให้ใต้ตาดูผ่องๆ ดังนั้น หลังทาแล้วจะรู้สึกว่าใต้ตาดูสว่าง สดใสขึ้นค่ะ

————————————

ความรู้สึกหลังการใช้ทั้ง 3 Products

โดนัทชอบมากเลยนะคะ รู้สึกว่าไลน์นี้เน้นฟื้นฟูผิว ซึ่งเป็น Backbone ของความสวยของผิวเลย

รู้สึกดีที่ในส่วนประกอบในสูตรต่างๆ เช่น เซรั่ม เริ่มดูแล Skin barrier ควบคู่ไปกับการใช้สารกลุ่ม Anti-aging และ Texture ที่ทำมาแบบ Luxury สไตล์ Dior ทำให้รู้สึกดีที่ใช้ทุกๆวัน 


ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากๆ ในช่วงเวลาที่เราบำรุงผิว 

ในด้านความชุ่มชื้น โดนัทรู้สึกว่าเพียงพอต่อความต้องการ ขนาดโดนัทอยู่ในห้องแอร์แทบจะ 24 ชม. และเป็นแบบนี้ทุกวัน ผิวยังผ่อง โกลว์ และชุ่มชื้นมากๆ 

สำหรับด้านริ้วรอยจะต้องใช้เวลาเพิ่มเติมอีกสักหน่อยในการใช้เพื่อผลที่ชัดเจน  


สำหรับไลน์นี้โดนัทรู้สึกว่าราคาสมเหตุสมผลนะคะสำหรับปริมาณ และการใช้งาน

ใครกังวลเรื่องพื้นฐานผิวไม่สมดุล และกังวลเรื่อง Aging สามารถสตาร์ทไลน์นี้ได้เลยนะคะ 

ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากขึ้น  ใช้ก่อนได้เปรียบค่ะ 


NOTE

ในสูตรมีน้ำหอม ถ้ากังวลสามารถเทสต์ที่ Counter ได้นะคะ

สรุป 

TEXTURE         ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

INGREDIENTS ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

RESULTS.          ⭐️⭐️⭐️⭐️

HOW I LIKE IT ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

สำหรับราคา

Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - High-Performance Treatment Serum-Lotion

฿2,800 

Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Super Potent Serum

฿4,600

Capture Totale C.E.L.L. ENERGY - Firming & Wrinkle-Correcting Eye Cream

฿3,300

ขอบคุณที่รับชมค่ะ พบกันใหม่กระทู้หน้านะคะ 


donut

donut

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะทุกคน
ชื่อโดนัทนะคะ ชอบอัพเดทเครื่องสำอาง และสกินแคร์
รวมทั้งสารใหม่ๆที่ใช้ผลิตเครื่องสำอาง ?
.
เรื่องเครื่องสำอางและสกินแคร์คือเรื่องถนัดที่สุดในชีวิตแล้ว ? (เรื่องอื่นไม่ได้อะไรแล้ว 55555)
.
ยังไงจะมาอัพเดทบทความสนุกๆบ่อยๆนะค้า ❤️

FULL PROFILE