ปลอกเปลือก Vitamin C Serum 6 แบรนด์ดัง!

57 16
ด้วยความที่เราเป็นหนึ่งในคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา แต่จะมีสกินแคร์อยู่กลุ่มหนึ่งที่เราไม่เคยละเลยใน Skincare Routine ของเรานั่นคือกลุ่ม "Vitamin C" แน่นอนว่าเพื่อนๆ หลายคนคงรู้ดีอยู่แล้วว่าวิตามินซีนั้น มีคุณสมบัติที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น : 
  • ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และมีส่วนช่วยลดสีผิวที่ไม่สม่ำเมอ
  • เป็น Antioxidant ที่ทรงประสิทธิภาพ 
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • ช่วยปกป้องผิวจากอันตรายจากแสงแดด UVA และ UVB ด้วยการจับอนุมูลอิสระที่เกิดเมื่อผิวถูกกระตุ้นด้วยแสงแดด
  • ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ผิวขาวขึ้น
  • อีกทั้งยังลดการอักเสบ ช่วยในการสมานแผล และลดรอยด่างดำซึ่งเกิดขึ้นตามหลังการอักเสบของผิวหนังได้
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของการทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Vitamin C นั่นมากมายหลายประการ แต่เราเชื่อว่าหลายคนคงเข้าใจว่า Vitamin C ตัวไหนก็น่าจะเหมือนกันถูกมั้ยหละ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นเลยหละฮะ เอาเป็นว่าเราขอมาแชร์ในมุมที่เรารู้ และแบรนด์ที่เรามีโอกาสได้ลองมาแล้วกันฮะ ไปชมกันเลยจ้า....


Kiehl's :  Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate (50ml./3,200.-)

เรียกว่าเป็นต้นแบบของ Vitamin C Serum ในหลายๆ แบรนด์เลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดเด่นของเค้าคือความเข้มข้นของ Vitamin C ถึง 12.5% ซึ่งแบ่งเป็น :
  • Ascorbic acid : Vitamin C ชนิด L-ascorbic acid ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดเมื่อเทียบกับวิตามินซีประเภทอื่น ทำให้ผิวดูสว่างสดใสขึ้น ช่วยให้ริ้วรอยตื้น ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสถียรที่น้อยกว่าเช่นกัน
  • Ascorbyl Glucoside : คือวิตามินซีในฟอร์มที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่งทางแบรนด์ใส่เข้ามาเพิ่มอีก 2% โดยวิตามินซีฟอร์มนี้มีงานวิจัยรองรับว่า มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการออกซิเดชั่นของไขมันบนชั้นผิว ลดผลกระทบจากรังสี  UVB และเป็นไวท์เทนนิ่งได้ดี (แม้จะยังมีข้อมูลไม่มากเท่า Ascorbic Acid แต่ก็มีการศึกษาแล้วว่าสามารถดูดซึมและผิวสามารถนำไปใช้ได้จริง)
นอกจากการผสานวิตามินซี 2 ฟอร์มแล้ว ยังมีสารที่น่าสนใจอย่าง Adenosine ที่ช่วยให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ แถมการปรับสูตรใหม่ในครั้งนี้ทางแบรนด์ยังปรับเนื้อสัมผัสให้เบา และซึมไวขึ้นอีกด้วยหละ


ผลลัพธ์ : จากที่เราได้ลองใช้อย่างต่อเนื่องมาประมาณ 2-3 เดือน พบว่าผิวกระจ่างใสขึ้นได้จริง รอยแดง/ดำ จากสิวจางลงไวกว่าปกติ ส่วนในเรื่องริ้วรอยเนื่องจากเรายังไม่ค่อยมีปัญหาในจุดนี้ จึงอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่นัก แต่หากอ้างอิงจากผลวิจัย ร่วมกับการใช้อย่างต่อเนื่อง และดูแลตัวเองในองค์รวม น่าจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ฮะ

Paula’s Choice C15 Super Booster (20ml./1,800.-)

หากพูดถึงแบรนด์ Paula's Choice เราเชื่อว่ามนุษย์สาย Skincare หลายคนคงรู้จักเป็นอย่างดี และแน่นอนว่า Vitamin C Booster ขวดนี้ก็เป็น Top List ของแบรนด์ที่มักจะขายดีจน Sold Out อยู่ตลอดเวลา จากที่เราดูส่วนผสมแล้วพบว่านอกจากวิตามินซีแล้วยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่าง
  • Acetyl Octapeptide-3 : มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและความสามารถในการฟื้นฟูผิว ในทางทฤษฎีกล่าวถึงบทบาทในการช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย
อีกจุดเด่นหนึ่งของเซรั่มขวดนี้คือเนื้อสัมผัสที่บางเบา เราคิดว่าเป็นวิตามินซีเซรั่มที่เนื้อเบาที่สุดตั้งแต่เคยใช้มาเลยหละ ใครที่เป็นมนุษย์ผิวมันน่าจะถูกใจอยู่ไม่น้อย แต่มีอีกจุดที่เป็นข้อที่เราแอบเป็นห่วงคือถึงแม้บรรจุภัณฑ์จะเป็นขวดแก้วทึบแสง แต่ด้วยความที่เป็นดรอปเปอร์ทำให้ทุกครั้งที่เปิดใช้ก็เสี่ยงต่อการสัมผัสกับอากาศเหมือนกันฮะ


ผลลัพธ์ : จากที่เราใช้มา 2-3 ขวดเราเห็นผลได้ชัดเจนในเรื่องความกระจ่างใสของผิว สีผิวสม่ำเสมอมากขึ้น ที่สำคัญคือไม่ค่อยพบปัญหาการอุดตันจากการใช้บูสเตอร์ขวดนี้ เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่บางเบา ส่วนในแง่ของริ้วรอยเราอาจะยังตอบไม่ได้มากเนื่องจากยังไม่ค่อนมีปัญหาในส่วนนี้ขอรับ

Clinique Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10%(8.5ml x 4 = 3,600 Baht)

หากคุณกำลังมองหา Vitamin C Serum ที่มีส่วนผสมอื่นที่น่าสนใจนอกเหนือจาก L-Ascorbic Acid แล้วหละก็ เราแนะนำให้ไปลองตัวนี้เลย เพราะนอกจาก Vitamin C 10% บูสเตอร์ขวดนี้ยังอัดแน่นไปด้วยเปปไทด์ถึง 4 ตัวรวมถึงสารบำรุงที่หลากหลาย อาทิ :
  • Acetyl Hexapeptide-8 : ทางผู้ผลิตเคลมว่าช่วยลดการส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อจึงถูกเคลมว่าทำงานคล้าย BOTOX และก็มีการทดสอบในมนุษย์พบว่าเปปไทด์ตัวนี้ช่วยลดริ้วรอยและลดความหยาบกร้านของผิวได้
  • Palmitoyl Hexapeptide-12 : เคลมว่าเป็นเปปไทด์ทีกระตุ้นการสร้างอีลาสติน เพื่อความยืดหยุ่นกระชับของผิว
  • Matrixyl 3000 : การศึกษาพบว่า Matrixyl 3000 ช่วยกระตุ้นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของชั้นผิวได้
และสารที่น่าสนใจอีกหลายตัวที่ช่วยในเรื่อง Skin Barrier, Anti-Aging และ Exfoliation ที่สำคัญคือการแยกกันของ Vitamin C กับตัวทำละลายที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เราได้วิตามินที่สดใหม่ และมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอ

ผลลัพธ์ : จากที่เรามีโอกาสได้ลองราว 1 เดือนนิดๆ ต้องยอมรับว่าเป็น Vitamin C Booster ที่น่าสนใจมากทีเดียวทั้งในด้านเนื้อสัมผัสที่ซึมค่อนข้างไว เห็นชัดในเรื่องการลดรอยดำ/แดง จากการกดและการเกิดสิว รวมถึงโทนผิวโดยรวมสม่ำเสมอมากขึ้น ผิวที่คล้ำจากแสงแดดก็กลับมากระจ่างใสขึ้นหลังใช้ไปประมาณ 2 สัปดาห์ คาดว่าจะเป็นอีกตัวที่เราซื้อซ้ำอย่างแน่นอน(แต่ขอเก็บเงินเข้ากระปุกหมูก่อนนะ)

JUV | Serum Brightening Vit C+ (30ml./1,090.-)

จาก 3 แบรนด์ด้านบนที่ใช้ L-Ascorbic Acid เป็น Main Ingredient มาถึงแบรนด์นี้ที่เลือกใช้ฟอร์มที่ต่างออกไปอย่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate ซึ่งเป็นอนุพันธ์วิตามินซีประสิทธิภาพสูง มีความเสถียรที่สูงมาก ดูดซึมสู่ผิวได้ดี แต่ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพและงานวิจัยรองรับก็ยังถือว่าน้อยกว่า L-Ascorbic Acid อยู่พอสมควร นอกจากนี้ยังใส่สารสกัดจากธรรมชาติอย่าง 
  • Red Berries Complex : สารสกัดจากผลไม้ 5 ชนิด ได้แก่ Strawberry, Raspberry, Cranberry, Cowberry และ Redcurrant berries มีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลิสระ และช่วยดูแลปัญหาผิวหมองคล้ำ เผยผิวให้แลดูสว่างกระจ่างใส  ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน
  • Well Cap Garcine : สารสกัดจากธรรมชาติที่ได้รับรางวัลสารสกัดชนะเลิศแห่งประเทศไทยในปี 2013 สามารถต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ลดการระคายเคืองของสิว และทำให้ผิวขาว กระจ่างใส
ซึ่งนับว่าเป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้เซรั่มขวดนี้มีความน่าสนใจ และโดดเด่นมากยิ่งขึ้นนั่นเองฮะ ซึ่งในแง่เนื้อสัมผัสก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว บางเบา ซึมง่าย โอกาสอุดตันค่อนข้างต่ำ

ผลลัพธ์ : หากคาดหวังผลในเรื่องความกระจ่างใส ต้านอนุมูลอิสระ และลดการเกิดสิวในคราวเดียวกันแล้วหละก็เซรั่มขวดนี้เป็นตัวที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว แถมยังมาในราคาที่ค่อนข้างน่าสนใจอีกด้วยหละฮะ

fresh Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum(15ml./1,200.-)

เราผ่านเซรั่มวิตามินซีมาก็หลายตัวแล้ว แต่เชื่อไหมว่านี่เป็นเซรั่มขวดแรกที่ทำให้เรารู้สึกอยากทาตลอดเวลา ด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และผลลัพธ์ที่ทำให้ผิวเราดูเปล่งปลั่งจนหลายคนทักมาถามว่าช่วงนี้ใช้อะไรบ้าง ซึ่งนอกจากจะใช้ Ascorbyl Tetraisopalmitate เป็นส่วนผสมหลักแล้ว ทางแบรนด์ยังใส่สารสกัดที่น่าสนใจอย่าง
  • Cichorium Intybus (Chicory) Root Extract : อุดมด้วย Oligofructosans ทำหน้าที่คล้ายวิตามินดี โดยช่วยให้ Vitamin D Receptor ทำหน้าที่ได้ตามปกติในการกระตุ้นยีนที่ทำหน้าที่ควบคุม การแบ่งเซลล์ การเพิ่มจำนวนเซลล์ การผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงช่วยชะลอวัย
ซึ่งต้องบอกว่าเป็นส่วนผสมที่เราไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่นักในสกินแคร์ทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังมี Cocos Nucifera (Coconut) Oil ที่มี Vitamin E ในปริมาณสูง จึงช่วยลดการเสื่อมสภาพของผิว ทำให้ผิวเต่งตึง ป้องกันไม่ให้ผิวแห้งใส่มาเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินซีอีกด้วยหละ

ผลลัพธ์ : สำหรับเซรั่มขวดนี้นอกจากผลลัพธ์ในเรื่องความกระจ่างใสแล้ว เรารู้สึกว่าเค้าเด่นในเรื่องการทำให้ผิวเปล่งประกาย ดูสุขภาพดี เหมือนเราดื่มน้ำและพักผ่อนมาเพียงพอยังไงอย่างนั้นเลยหละฮะ 

Trilogy Vitamin C Booster Treatment (12.5ml/1,850.-)

และแล้วก็มาถึงวิตามินซีเซรั่มขวดสุดท้ายแล้ว ต้องบอกว่าตัวนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในแง่ส่วนผสม และการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ ซึ่งเซรั่มขวดนี้ทางแบรนด์เลือกใช้ L-Ascorbic Acid 6% เป็นส่วนผสมหลัก  เอาจริงๆ ก็ถือว่าค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับหลายแบรนด์ แต่มองในมุมกลับ คือ ความเข้มข้นที่สูงขึ้นของวิตามินซีนั้นมีโอกาสทำให้ผิวระคายเคืองได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่น่าสนใจอย่าง

  • Rosa Canina (Rosehip) Seed Oil(น้ํามันโรสฮิป) : น้ำมัน Rosehip มีจุดเด่นที่มีสารกลุ่ม Provitamin A คือ Beta-Carotene ในปริมาณสูง (ซึ่งทำให้น้ำมันตัวนี้มีสีเหลืองอมส้ม) และยังมีสารกลุ่ม Retinoid ซึ่งมีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น การช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ อีกทั้งยังทำให้รอยต่างๆดูตื้นขึ้น, สีผิวดูสม่ำเสมอ, รูขุมขนดูเล็กลง, หน้ากระชับ และใสขึ้น
  • Bellis Perennis (Daisy) Flower Extract(สารสกัดจากดอกเบลิเดส) : เป็นไวท์เทนนิ่งที่อุดมไปด้วยสาร Saponins, Polyphenols และ Polysaccharides ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ไม่ให้เปลี่ยนไปเป็นเมลานินจึงช่วยให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใส ลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้เป็นอย่างดี
ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างกับแบรนด์อื่นค่อนข้างชัด รวมถึงเนื้อสัมผัสที่บางเบา แต่ยังให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอกับผิวได้ดี แต่ปริมาณ/ราคาก็แอบแรงอยู่ไม่น้อยเลยหละฮะ

ผลลัพธ์ : เป็นวิตามินซีเซรั่มในฟอร์ม L-Ascorbic Acid ตัวนึงที่ค่อนข้างปลอดภัยในช่วงที่ผิวกำลังระคายเคือง แต่ก็ยังต้องการคงความกระจ่างใส และลดจุดด่างดำ ให้ผิวสม่ำเสมอ 

สรุป

กลุ่ม L-Ascorbic Acid

  • หากคุณเคยใช้ Vitamin C ในฟอร์ม L-Ascorbic Acid อยู่แล้ว และต้องการอะไรที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่กังวลเรื่องการระคายเคือง การอุดตัน Kiehl's :  Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำฮะ
  • แต่หากกังวลในเรื่องการอุดดัน และไม่ชอบเนื้อสัมผัสของ Kiehl's แต่ก็ยังอยากได้ L-Ascorbic Acid ในความเข้มข้นที่สูงแล้วหละก็จัด Paula’s Choice C15 Super Booster ได้เลยจ้า รับรองไม่ผิดหวัง
  • แต่ถ้าอยากได้อะไรที่ Advance กว่านั้นขึ้นมาอีกซีกหน่อย มีสารกลุ่ม Peptide หลายตัวที่ช่วยในเรื่องริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงต้องการความสดใหม่ของวิตามินซี Clinique Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10% เป็นทางเลือกที่ดีที่เราแนะนำฮะ
  • สุดท้าย ถ้าคุณไม่เคยลอง L-Ascorbic Acid มาก่อน แต่อยากลองใช้ และกังวลเรื่องผิวระคายเคือง หรือทนกับ Effect หลังทา Vitamin C ไม่ค่อยได้ Trilogy Vitamin C Booster Treatment ก็เป็นตัวเลือกที่โอเคฮะ

กลุ่ม Ascorbyl Tetraisopalmitate

  • ถ้าคุณคาดหวังในเรื่องผิวกระจ่างใส และลดการเกิดแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวในเวลาเดียวกันอยากให้ลองเจ้า JUV | Serum Brightening Vit C+ ดูฮะ
  • แต่ถ้าคุณอยากได้อะไรที่ Relax ผ่อนคลายทุกครั้งที่ทาลงบนผิว แถมยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง ดูสขุภาพดีแล้วหละก็ fresh Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum เป็นอีกตัวที่คุณควรต้องลองฮะ


Wanviset

Wanviset

✨ สวัสดีฮะ ชื่อบูม นะครับ ✨
สกินแคร์คือหนึ่งในความสุขเล็กๆ ของเราและด้วยความอยากรู้อยากลอง ชอบแชร์ทำให้เราลองเขียนบล็อกเล็กๆ ขึ้นมาฝากเพื่อนๆ ติดตามผลงานของเราด้วยน้า

FULL PROFILE