วันวานใน "HONGKONG"

35 8
เนื่องจากเห็นข่าวที่ฮ่องกงมาซักพัก
ก็ได้แต่คิดถึงช่วงเวลาที่ได้ไปเที่ยวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
และคิดว่าทำไหมหนอเมืองที่น่าเที่ยวถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ได้
จึงอยากจะพาย้อนไปดูว่าถ้าเหตุการณ์สงบแล้วทำไมต้องรีบจองตั๋วไปเที่ยว!
ขอบอกเลยว่าไปเองง่ายๆ ไม่ต้องง้อทัวร์ ฉบับรวมพลเฉพาะกิจกับเดอะแก๊ง
กับทริป #foolgirlinhongkong ทริปสั้นๆ 3 วัน 2 คืน 
ฉบับคนหนีงาน 555 อยากรู้ว่าเป็นยังไงตามมาเล้ย

ใครที่คิดจะไปฮ่องกงไม่ต้องเป็นห่วง
เพราะที่นี่เดินทางง่ายๆ แค่มีบัตร OCTOPUS ก็ไปได้ทุกที่
เพราะบัตรนี้สามารถใช้ขึ้นรถไฟใต้ดิน รสบัส และซื้อของใน 7-11 ได้ด้วย
ก่อนเดินทางไปก็แนะนำให้ซื้อบัตร AE หรือ Airport Express
มันเอาไว้ใช้สำหรับเข้าออกสนามบิน เผื่อจะได้นำกระเป๋าโหลดขึ้นเครื่องในวันกลับ
และไปเที่ยวต่อได้เลย สบายใจแฮไม่ต้องแบกของให้หนักจ้า


และนี่คือเส้นทางสายต่างๆ ของรถไฟใต้ดินในฮ่องกงค่า
มองแรกๆ จะงงๆ หน่อยเพราะสถานีเยอะมาก แต่ดูนานๆ ไปก็จะเข้าใจเอง
ไปค่ะ หลังจากศึกษาเส้นทาง สถานที่ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
ก็มาถึงวันออกเดินทางแล้ว ไปลุย!


ทริปนี้ขอตั้งชื่อว่า #foolgirlsinhongkong
แปลหญิงโง่ในฮ่องกง เพราะสับสนอลเวงกันไปหมด
วันแรกก็แจ็กพ็อตเครื่องดีเลย์เจ้าค่าาาา
จากที่ตอนแรกล้อต้องเหยียบแผ่นดินฮ่องกง 8 โมงเช้า
กลายเป็นถึงเที่ยง แม่เจ้าาา ตารีตาเหลือกวิ่งเลยค่ะ
ยังไม่พอยังมาติดตอมออี๊กกกก อันนี้ขอแนะนำ
ว่าให้โหลดภาพการจองการยืนยันต่างๆไว้ในเครื่อง
เพราะตอมอที่นี่น่ากลัวกวนบาทามากกกกก
อ่อแล้วก็ให้แต่งตัวแบบธรรมดา ไม่ต้องจัดเว่อร์วัง
เพราะตอมอที่นี่จะเพ่งเล็งมากกับคนแต่งตัวเยอะๆ
แบบชอบคิดว่าเราจะไปแอบหางานเสริมทำ (งานอะไรด็เดากันออกเนาะ)
ไอเราก็จัดเต็มนึกว่าแต่งมาให้เสร็จถึงจะได้เที่ยวต่อเลยไม่เสียเวลา
แต่ก็มาเสียเวลา เสียอารมณ์กับตอมอที่นี่ละจ้า เซ็งมากแม่!
เมื่อหลุดจากตอมอก็ออกจากสนามบินด้วยบัตร AE เลยจ้า
ของเราได้เป็น QR Code ไว้ในโทรศัพท์ก็เปิดมาแตะได้เลย
จากนั้นไปที่พักโลดของเราจองที่พักไว้ที่ Tsim sha tsui ก็ออกจากสนามบิน
นั่งสายสีเขียวสุดสายและย้ายมาต่อสีแดงอีก 3 สถานีเท่านั้นเองค่า


ช็อคสุดท้ายของวันแรกที่มาเหยียบฮ่องกงคือที่พัก
นี่คือสภาพที่พักเล็กมวั๊ก เล็กแบบวางกระเป๋า 4 ใบเต็ม
กระดุกกระดิกไม่ได้เลย ห้องน้ำนี่แบบต้องยืนอยู่กับที่เท่านั้น
แต่เอาจริงๆ ถ้าไปแบบแบ็คแพ็กกับแก๊งเพื่อนก็โอเคนะ
เอาเป็นที่ซุกหัวนอนอย่างเดียวเพราะนี่ก็กว่าจะกลับมานอนก็ตี 2-3 ทุกคืน
แต่มันก็แบบไม่ประทับใจไปแล้วอะนะ ยิ่งมาอยู่ในตึกที่มีคนแขกตัวเบอเริ่ม
กลัวล้าวววว สี่สาวสวยอย่างพวกเราจะไม่กลัวได้ยังไง จิงม้าาา
แต่ใครอยากได้ที่พักดีกว่านี้ก็มีนะ แค่จ่ายเงินเพิ่ม แต่เราเน้นราคาถูกเดินทางสะดวก
เพราะงั้นเลยปล่อยเลยตามเลย นอนได้ไม่เรื่องเยอะ

วันแรกนี้เนื่องจากผิดแผนไปหมดทุกอย่าง
จึงขอเที่ยวรอบๆ ใกล้ๆ ที่พักก่อนละกัน
และที่แรกที่จะพาไปก็คือร้านบะหมี่เกี๋ยวนั่นเอง
เพราะหิวมากกกก ตั้งแต่เช้าไปไม่ได้กินไรเลยจนถึงบ่าย 3 


ร้านนี้ก็อยู่ใกล้ๆ ที่พักเลยจ้า ชื่อร้าน LUNG KEE
ร้านนี้ดังมากใครมาฮ่องกงก็ต้องไปกิน
แล้วสี่สาวก็ไม่ทำให้ผิดหวังสั่งกันอย่างว่องไวแม้จะไม่รู้ภาษาจีน
ขอบอกว่าอร่อยสมคำเล่าลือเส้นกรุบกริบมาก มันไม่เละ กำลังดี
เกี๋ยวลูกใหญ่มากกกกกก ใหญ่จริงจังกุ้งเน้นๆ
ที่ฮ่องกงไม่ว่าร้านเกี๊ยวไหนก็ลูกใหญ่ทุกร้านจากที่สังเกตุดู
ร้านนี้ทำให้ความเซ็งของวันนี้หายไปเกือบหมดเลยทีเดียว
เมื่อได้เติมพลังก็ออกไปเดินช็อปปิ้งกันต่อได้เล้ย

ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ รูปคน รูปรถ รูปตึกถ่ายหมด
เนื่องจากฮ่องกงเป็นเกาะเล็กๆ บ้านเมืองเขาเลยแออัดนิดหน่อย
ตึกเต็มไปหมดแต่พื้นกลับสะอาดไม่มีขยะเลย ไม่เหมือนไทย อุ๊บ!

ใครที่ชอบถ่ายภาพแนวสตรีทอาร์ทน่าจะชอบ
เพราะทุกมุมสามารถถ่ายรูปได้หมดเลย อย่างมุมนี้เป็นมุมยอดนิยม


หลังจากที่เดินชมเมืองจนเมื่อยก็มาเจอห้าง The one
และได้มาลองกินติ่มซำที่มีแต่คนโพสต์แนะนำว่าร้านน่าร๊ากกก
คือร้าน Dim Sum Icon ตอนที่ไปตอนนั้นคือจะเป็นเทศกาลของ Garfield
มันก็จะแมวๆ ส้มๆ หน่อย น่ารักไปอี้กกกกก

แต่นแต้นนน แล้วของที่สั่งก็มาจ้าาา 
เห็นแล้วไม่กล้ากินเลย แต่เนื่องจากราคาก็ไม่ใช่เบา
งั้นก็ต้องกินให้เรียบเด้อค่า

เมนูแรกที่มาฮ่องกงละต้องตามหามากินก็คือทาร์กไข่
อันนี้อร่อยไม่หวานมาก แต่ตัวการ์ตูนด้านบนเป็นน้ำตาลอันนี้หวาน 555
เมนูที่สองเป็นปอเปี๊ยะทอด อันนี้เฉยๆ ธรรมดานะกินก็ได้ไม่กินก็ได้
เมนูที่สามฮะเก๋าใส้กุ้งอันนี้ก็เฉยๆ แต่กุ้งเต็มคำ และลายน่ารักเว่อร์
เมนูสุดท้ายคือพุดดิ้งอันนี้อร่อยหวานนิดๆ อมเปรี้ยวหน่อยๆ ชื่นใจ

เมื่อกินจนพุงป่องก็ใกล้ถึงเวลาที่จะมีการแสดงไฟ
จุดสำคัญอีกหนึ่งจุดที่มาฮ่องกงละต้องไปดู
สถานที่จัดแสดงอยู่ใกล้ๆ กันชื่อการแสดงคือ
Symphony of Lights ที่จะจัดแสดงริมแม่น้ำเวลา 2 ทุ่ม


ซึ่งเป็นการแสดงแสง สี เสียง ริมน้ำให้ตื่นตาตื่นใจ
การแสดงใช้เวลาไม่นานมาก ดูเพลินๆ ก็จบ
แต่ถ้าอยากได้ที่ติดขอบด้านหน้าต้องมาไวหน่อย
เพราะคนเยอะมากกกกกกกก แทบขี่คอกันเลยจ่ะแม่
และสไตล์คนจีนคือไม่สนใจว่าใครจะถ่ายรูปอยู่ นางเดินตัดหน้ากล้องไปเลยจ้า
ซึ่งต้องทำใจเพราะเป็นแบบนี้เกือบทุกคน เราต้องฝึกวิชาถ่ายรูปไวให้คล่อง 555
อันนี้ถ่ายเอามาให้ดูเป็นน้ำจิ้มเล็กๆ ใครอยากดูเต็มๆ 
รอบ้านเมืองสงบแล้วตามไปดูให้เห็นกับตาโลด

เมื่อการแสดงจบก็ไปต่อสิค่ะรอไรเวลาเป็นเงินเป็นทอง
มาแค่ 3 วันต้องใช้เวลาให้คุ้มที่สุด และแหล่งที่จะพามาละลายทรัพย์ก็คือ
Lady Market อยู่ที่สถานี Momgkok งานนี้มีแต่กินๆๆๆ



ร้านแรกที่แวะก็หนีไม่พ้นร้านของกิน 555
อันนี้ก่อนมามีแต่คนแนะนำว่าให้กินพวกร้านสตรีทฟู้ด
ร้านไหนก็ได้รสชาติเหมือนกันหมด มาถึงก็ต้องจัดสิคะ
อันนี้พอกินไปก็คล้ายๆ เต้าหู้ปลาบ้านเรา แต่ใครชอบแปลกๆก็มีนะ
แต่เราขอแบบปกติละกันเนาะ อิอิ


จากนั้นก็แวะหาน้ำดื่ม อันนี้ส่วนตัวคือจะหาน้ำรสชาติแปลกๆ
ที่เมืองไทยไม่มีก็ได้มา 2 รสชาตินี้ ชาพีช และชาแอปเปิ้ล
จริงจังแค่ไหนกับการถ่าย ให้ภาพเล่าเรื่องละกันเนาะ
ขอบอกเลยว่าคนจีน คนฮ่องกงเขาทำอะไรจืดมากกกก
จืดสนิทยังกะน้ำเปล่าที่แต่งกลิ่นเท่านั้น เพราะคนที่นี่เขาชอบกลิ่นแรงๆ
แค่มีกลิ่นก็พอน้ำไม่ต้องมีรสชาติอะไรมาก เอาเป็นว่า 2 ขวดนี้ จืดแต่หอม!



หลังจากอิ่มกันพอประมาณก็มาตามหาร้านช็อปปิ้งต่อค่ะ 
เพื่อชาวคณะอยากได้รองเท้าบูทไปใส่ในวันที่ 2 เอิ่ม
ระหว่างทางก็ต้องเป็นภาพเป็นที่ระทึกกันเล็กน้อย มุมนี้ก็มุมยอดฮิตอีกที่ค่ะ


บอกแล้วว่าที่นี่เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท 
ทุกที่คือรันเวย์ ยกกล้องมาต้องโพสต์อย่างไว
ก่อนจบวันที่ 1 ก็ขอจิบอะไรเย็นๆ ซักนี้ดดดด
อันนี้บอกเลยว่าเยี่ยม! เป็นการปิดจ๊อบวันแรกที่ดี

----------------------------------------------------------------------------
วันที่ 2 ตะลุย Disney Land เย้ๆๆๆๆ
ก่อนไปกองทัพต้องเดินด้วยท้อง
เช้านี้ต้องหาอาหารเช้าแบบฮ่องกงกิน
เพราะถ้าไม่กินถือว่ามาไม่ถึง
แล้วร้านที่เข้าไปลองเสี่ยงก็คือร้าน Yu Kee

อันนี้สั่งแบบจัดเต็ม เอาแบบที่ชาวฮ่องกงเขากินกันแท้ๆ เลย
ก็จะมีซุปมักกะโรนี ไข่ออมเล็ด ขนมปัง บะหมี่เนื้อ และชานม
ส่วนโค้กเลม่อนนี่สั่งเพิ่มมาแก้เลี่ยน
รสชาติจืดอีกแล้วครับท่าน คิดถึงส้มตำปูปลาร้าบ้านเราเลยค่ะ

เมื่อกินกันอิ่มก็นั่งรถไฟใต้ดิรไปดิสนีย์แลนด์กันค่าาา

อันนี้เปลี่ยนมาเข้ารถไฟที่มุ่งไปดิสนีย์แล้วจ้าาา
ภายในรถมุ้งมิ้งมากเป็นลายมิกกี้หมดเลย
ขนาดที่จับยังเป็นมิกกี้เลยจ้า 

มาถึงละจ้าาาาาา วันนั้นจำได้อากาศเย็นๆ ลมแรงมาก
บัตรเข้าแนะนำให้ซื้อบัตรจากไทยนะคะ
เพราะจะได้ราคาทีถูกลงของเราซื้อที่งานไทยเที่ยวไทย
และที่สำคัญไม่ต้องไปต่อแถวให้เสียเวลาด้วยมาถึงก็เดินเข้าได้เลย


บรรยากาศก็จะมุ้งมิ้งตามสไตล์ดิสนีย์เขานั่นแหละจ้า มองไปทางไหนก็มีแต่มิกกี้เต็มไปหมดเลย บอกตรงๆ ว่าตัวเราไม่ได้อินกับตัวการ์ตูนดิสนีย์มาก แต่เพื่อนสาวที่มาด้วยนะสิ ลั้นลามากกกกก เหมือนพาลูกๆ มาเที่ยวเลยทีเดียว
เดี๋ยวจะขออัพภาพขบวนพาเหรดช่วงเช้าแบบรัวๆ ให้ได้ชมกันจ้า
จากนั้นเพื่อนสาวก็ตามใจเราหน่อยนึงคือการพาไปเล่นเครื่องเล่น
อันนี้เป็นแบบเครื่องเล่น 3D 
ข้างในก็ออกแนวแบบยานเพื่อให้เราไปสู้ร่วมกับ โทนี่ สตาร์ค รักนะ 3000


อันนี้เด็กๆ ก็เล่นได้ไม่อันตราย ก่อนเข้าไปเล่นเขาก็จะแจกแว่นให้ใส่
 เพิ่มความเท่เบาๆ
เมื่อออกมาเพื่อนก็โดนจับ 555 โดนแกล้ง
ถามว่ามีใครคิดช่วยไหม ตอบเลยว่าไม่ 555

จากนั้นก็แวะเติมพลังด้วยข่าวอะไรก็ไม่รู้คือจิ้มๆ ที่ภาพเอาอย่างเดียว
อันนึงคล้ายข้าวหมูแดง อีกอันคล้ายข้าวผัดเผ็ดที่ไม่เผ็ด 555



จบของคาวต่อของหวาน น่ารักอะ
 หลังจากกินเสร็จก็เดินถ่ายรูปดูนั่นนี่ไปเรื่อย
และก็มากินขนมต่อรอเวลาดูขบวนพาเหรดตอนสุดท้าย

อันนี้มาที่ดิสนีย์ต้องกินเพราะว่า...จะได้ถ่ายรูป 555
แค่นั้นแหละเหตุผลเพราะรสชาติก็ไม่ได้พิเศษอะไร
จากนั้นก็เป็นเวลาหาซื้อของฝากจ้าาาา
อันนี้ตัวใครตัวมันใครจะไปร้านไหนก็ตามสะดวก
เมื่อถึงเวลาก็มาจับจองพื้นที่รอดูขบวนพาเหรดจ้า

ภารกิจ 1 วันในดิสนีย์ แลนด์ จบแล้วจ้าาาา
ปะกลับไปย่านที่พักหาไรลงท้องให้ชื่นอุรา

วันนี้ขอเสนออาหารเกาหลีในฮ่องกงจ้า
ร้านนี้เด็ดดวงแม่ครัวเป็นคนเกาหลีแท้ๆ อร่อยมากกกกก
ร้านชื่อ Hanspoon อันนี้อยู่แถวย่าน Korea Town



และแล้วก็ขอจบวันที่ 2 แบบชิวๆจ้าาาา
กระซิบเบาๆ กระป๋องดำรสชาติแย่แบบต่ำตมสุด!
เหมือนกินซุปไก่สกัดที่มีแอลกอฮอร์ แค่คิดก็แหวะแล้ว

---------------------------------------------------------------------------

วันสุดท้ายยยยยย ม่ายยยย
เติมกำลังด้วยอาหารอ่อนๆ คือโจ๊ก
อันนี้จะร้านไหนก็ได้เพราะเหมือนๆ กัน
ก่อนมามีคนแนะนำว่าต้องมากินโจ๊กฮ่องกงให้ได้
เพราะเนื้อโจ๊กเนียนละเอียดมากกกกกก


และอาหารเช้าที่สั่งก็มาจ้าาา 
การกินโจ๊กที่อร่อยต้องกินคู่กับปาท่องโก๋
โจ๊กที่นี่เนื้อเนียนมากจริงๆ แบบไม่ต้องเคี้ยวเลย แถมใส่ถั่วด้วย
แปลกตาดี แต่รสชาตจะอ่อนๆ ไม่จัดมากกำลังดีสำหรับเช้าๆ แบบนี้
จากนั้นเราก็ไปที่แอร์พอร์ตเพื่อนำกระเป๋าไปโหลดให้เรียบร้อย
ก่อนออกมาเที่ยวอีกรอบ

วันสุดท้ายในฮ่องกงก็ต้องหาอะไรทำที่เป็นศิริมงคลซักหน่อย
วันนี้จะพาไปไหว้พระขอพรก่อนกลับไทยกันค่าาา
จริงๆ ตามโปรแกรมต้องไหว้พระวันแรกที่มาถึง
แต่เกิดเหตุตามที่เกริ่นมาข้างบนจึงได้ย้ายมาไหว้วันกลับแทนนะคะ

วัดแรกคือ Wong Tai Sin Temple หรือวัดหวังต้าเซียน
ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนหวังต้าเซียน
ขึ้นจากรถไฟใต้ดินสถานนี Nong Tai Ta Sin
ทางออก B3 ก็จะเจอวัดเลยจ้า
ส่วนมากสถานที่เที่ยวสำคัญๆ ของฮ่องกงจะหาง่าย
เพราะอยู่ติดกับรถไฟใต้ดินเป็นส่วนใหญ่

ถ่ายรูปหมู เอ้ยหมู่กันซักนิด
เนื่องจากแก๊งเรามีทั้งคนเกิดปีระกา และปีจอ
เราเลยขอมัดรวมถ่ายรวมกันซะเลย เพราะคนเยอะมากกกก
ไม่ไหวจะไปแย่งเขาถ่ายจริงๆ
และถ้าใครโสดเราขอให้ท่านมาที่วัดนี้อย่างเร็วไว
เพราะด้านข้างของที่วัดแห่งนี้
จะมีศาลกลางแจ้งของเทพเจ้าด้ายแดง หรือเทพเจ้าหยกโหลว 
เป็นรูปปั้นสีทองมีเสี้ยวพระจันทร์อยู่ด้านหลังประทับอยู่ 
ซึ่งชาวจีนและคนที่ยังโสดจะต้องมาขอพรความรักกันที่นี่ 
โดยการขอพรกับเทพเจ้าองค์นี้
ต้องใช้ด้ายแดงผูกนิ้วเอาไว้ไม่ให้หลุดระหว่างทำพิธี
จากนั้นให้อธิฐานกับองค์เทพตรงกลาง
จากนั้นเดินไปอธิฐานกับรูปปั้นผู้หญิงโดยกันไปทางรูปปั้นผู้ชาย
และให้เดินมานำด้ายมาผูกทางฝั่งรูปปะ้นผู้ชายเป็นอันเสร็จพิธี
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้จริงไหม แต่เห็นกระแสในเน็ตว่าได้แน่
อันนี้ก็ต้องมารอพิสูจน์กันอีกทีถ้าภายในปีนี้ได้นะจะบินไปอีกรอบกันเลยคอยดูสิ
แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องอยู่ที่หนังหน้าแล้วแหละ 5555



และก่อนจะไปต่อก็แวะหาทาร์ตไข่ขึ้นชื่อของฮ่องกงมากินเล่นนิดหน่อย
อันนี้ซื้อจากห้างข้างๆ วัดติดกับทางลงรถไฟเลยค่าาา ใครร้อนก็แวะมาพักก่อนได้


วัดต่อไปที่จะพาไปคือ Che Kung Temple 
หรือวัดแชกงหมิว หรือที่บางคนรู้จักกันในชื่อวัดกังหัน
การเดินทางก็ง่ายๆ ใช้รถไฟฟ้าเหมือนเดิมลงสถานี Tai Wai ออกทาง Exit B
เป็นที่ร่ำลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ เรื่องของกังหันลมที่พัดพาเอาสิ่งไม่ดีออกจากชีวิต 
เชื่อว่าการหมุนกังหันกลับทิศ จะช่วยหมุนชีวิตพลิกผันจากร้ายกลายเป็นดีได้
และใครที่มาแล้วกลัวจะสื่อสารไม่ได้ไม่ต้องกลัวเลย
เพราะที่นี่เขาพูดไทยได้ เหมือนไปเยาวราชมากกว่าอยู่ในฮ่องกง 555
ร้านขายเครื่องไหว้ยังมีร้านคนไทยเชื่อสายจีนเป็นคนขายเลยจ้า
รับบองว่าไม่หลง ไหว้ไม่ผิดสูจน์แน่นอนจ้า

และที่สุดท้ายก่อนที่จะกลับไปรอขึ้นเครื่องที่สนามบิน
เราจะพาไปไหว้พระใหญ่ที่เกาะลันตากันค่า

โดยเราจะไปที่ Nong Ping 360 Cable Car
อันนี้เราก็ซื้อจากประเทศไทยไปในงานไทยเที่ยวไทย
มันจะเป็นกระเช้าแก้วที่มองเห็นรอบหมด
และที่ชอบคือบริเวณพื้นกระเช้าที่มันเป็นแก้ว
มองเห็นบรรยากาศข้างล่างได้แบบสวยงาม
ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนของกระเช้าก็จะเห็นวิวรอบๆ หมดเลย
กระเช้าอื่นเขานั่งกันสงบเสงี่ยมแต่กระเช้าเราวุ่นวายมากเดินหามุมถ่ายรูปกันสุดริด

ใกล้ถึงแล้วจ้ามองเห็นองค์พระด้านบนแล้ว





มาถึงละจ้าาา แต่จะบอกว่าเรามาช้าไปส่วนของวัดเลยปิดแล้ว TT
แนะนำให้มาขึ้นกระเช้าก่อนบ่าย 2 เพราะที่นี่วัดปิดไวมาก
แต่ไม่เป็นไรเราก็ขึ้นมาชื่นชมกับบรรยากาศด้านบนแทน
ที่นี่บรรยากาศดีมาก ยิ่งเย็นอากาศยิ่งหนาว


แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องลงแล้วจ้าาาา
รอบนี้หนาวมากกกกกก ตัวจะแข็ง
ไปค่ะ กลับสนามบินรอไฟท์กลับบ้านกันจ้าาา


เมื่อถึงสนามบินฮ่องกงก็หิวมากกกก
และเมนูสุดท้ายในฮ่องกงที่ห้ามพลาดก็คือ
ห่านย่าง อันนี้เรารวมห่านกับไก่อย่างละครึ่ง
ที่นี่ห่านไม่มีกลิ่นเลยอร่อยสุดยอด


แล้วเวลาสนุกก็หมดแล้วสิ ทริปเร่งด่วน ทริปหนีงาน 3 วัน 2 คืน
ก็เป็นอันจบลงแม้จะผิดแพลนไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ
กับเพื่อนรุ่นเดอะ แก๊ง ป.6/2 #วรม. ที่หาเวลาว่างตรงกันยากมากกกกก


เอาเป็นว่าถ้าบ้านเมืองที่ฮ่องกงสงบลงแล้ว ก็รอกดตั๋วไปเที่ยวได้เลย
เราว่าที่นี่เที่ยวง่าย อาหารอร่อย มุมถ่ายรูปเพียบ 
สำหรับวันนี้ก็มีภาพบรรยากาศสตรีทอาร์ตมุมต่างๆ ในเมืองฮ่องกงให้ดูกันจ้า



BewZEe

BewZEe

"บิว" สาวตุ้ยนุ้ยอารมณ์ขัน เอาดีเรื่องกิน สนุกทุกเทรนด์บิ้วตี้ เอ็นจอยพร้อมเที่ยวลุยทุกโอกาส บ้าการถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจ

FULL PROFILE