รีวิว Narah Make up แบรนด์เครื่องสำอางสำหรับสาวผิวแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย

35 9
PARTNERS IN BEAUTY
สวัสดีค่ะ ทุกคน ช่วงนี้ห่างหายจากการทำรีวิวไปช่วงนึงไม่ใช่อะไร
จะเล่าว่าก่อนหน้านี้หน้าเยินมาก เพราะว่าแต่งหน้าทุกวันแล้วเหมือนกับเช็ดเมคอัพไม่สะอาด
ประกอบกับงานเยอะทำให้พักผ่อนน้อย ผิวก็คงจะแบบชั้นไม่ไหวแล้ว
สิวนี่แตะมือผลัดกันขึ้นมาทักเลยจ้า ทั้งแก้ม ทั้งคาง

หลังๆ เพื่อนแนะนำให้งดแต่งหน้าไปก่อน นี่ก็แบบให้ชั้นงดแต่งหน้า ให้ตายดีกว่า 55
ก็เลยพยายามหาเมคอัพสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายจนมาเจอแบรนด์ Narah Make up
ซึ่งก็ได้ทดลองใช้มาระยะนึงแล้วก็รู้สึกว่าตอบโจทย์สาวขี้แพ้แบบเรามากๆ
วันนี้มีโอกาสหยิบมาแชร์กับทุกคนด้วยค่ะ

สำหรับ Narah Make up เป็นแบรนด์ใหม่ของคนไทย
คิดค้นโดยแพทย์ และเภสัชกรที่ร่วมกันพัฒนาสูตรขึ้นมา
เพื่อตอบโจทย์คนที่มีผิวแพ้ง่าย และเป็นสิวง่ายโดยเฉพาะค่ะ
โดยไลน์เมคอัพของเค้าจะประกอบไปด้วย รองพื้น แป้งฝุ่น และบรัชออน
ที่ต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์ทุกตัวนั้นผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100%
ปราศจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผิวที่เราทราบกันอย่าง ซิลิโคน พาราเบน แอลกอฮอล์
ตัวยึดเกาะผิว เบสรองพื้น น้ำมัน ตัวทำละลาย สารแต่งกลิ่น และสีสังเคราะห์ ฟิลเลอร์
จึงมั่นใจได้ว่าไม่อุดตันผิว เมคอัพไม่ก่อให้เกิดสิว
ผิวแพ้ง่ายขนาดไหนก็สบายใจหายห่วงเลยค่ะ
ต่อไปเราจะมาแต่งหน้าด้วยเมคอัพของ NARAH ให้ดูไปพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็น everyday look ของเราช่วงนี้เลยค่ะ
มาเริ่มด้วยหน้าสดกันก่อนค่ะ เราเป็นคนผิวผสม รูขุมขนกว้าง และหน้ามันเร็วมากๆ

สิ่งที่เราต้องเตรียม ได้แก่ แปรงแต่งหน้า 3 แบบ สำหรับลงรองพื้น แป้งฝุ่น และบรัชออนค่ะ
และที่ขาดไม่ได้คือถ้วยสำหรับเทแป้ง (หรือจะเป็นถ้วยอะไรก็ได้ที่เรามีอยู่ที่บ้าน)
ขั้นตอนแรก หลังจากทาครีมบำรุงผิว เราจะลงแป้งฝุ่น Reiscare เป็นไพรเมอร์ให้ทั่วใบหน้า
ซึ่งแป้งฝุ่นตัวนี้ทำมาจากข้าว 100% ไม่มีส่วนผสมของ Talc เหมือนแป้งทั่วๆ ไป
ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว รวมถึงระบบทางเดินหายใจด้วยค่ะ

วิธีใช้ก็เพียงทาลงไปให้ทั่วผิวหน้าเพื่อให้แป้งซับความมันส่วนเกินบนใบหน้า
และถ้าแป้งไม่เรียบเนียน หรือเกาะอย่ตามขนคิ้วก็สามารถใช้สำลีค่อยๆเช็ดส่วนเกินของแป้งออกได้ค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 เราจะมาลงแป้งผสมรองพื้น Narah Foundation กันค่ะ
โดยเค้ามีทั้งหมด 4 เฉดสีให้เราได้เลือกใช้ตามสีผิวของเรา
โดยเราใช้เบอร์ 02 (Light Beige) สำหรับผิวขาวค่ะ

โดยเราจะค่อยๆ เคาะแป้งลงในถ้วยที่เราเตรียมไว้
(ค่อยๆ เททีละนิดนะคะ ถ้าไม่พอค่อยเทเพิ่ม)
แล้วใช้แปรงแต่งหน้าแบบหัวตัด (Flat Top) ค่อยๆ แตะแป้งแล้วทาวนๆ ให้ทั่วผิวหน้า

ถ้าส่วนไหนต้องการปกปิดเป็นพิเศษก็สามารถเพิ่มเลเยอร์ของรองพื้นเฉพาะจุดได้ค่ะ
ซึ่ง Narah Foundation เค้าค่อนข้างปกปิดได้ดี แต่ยังให้งานผิวอยู่ คุมมันได้ค่อนข้างดี
แถมโทนสีแป้งของเค้ายังเหมาะกับผิวคนเอเชียแบบเราสุดๆไปเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 เราจะเซ็ทรองพื้นด้วยแป้งฝุ่น Narah Powder กันค่ะ

โดยแป้งฝุ่นของเค้ามีคุณสมบัติช่วยคุมมันได้ดี ไม่ทำให้เมคอัพเคลื่อนค่ะ
ตัวแป้งฝุ่นเค้ามีทั้งหมด 5 เฉดสี ซึ่งสีที่เราใช้คือสี 04 (White Glow)
ตัวแป้งโปร่งแสง ใช้ได้กับทุกสีผิว เนื้อแป้งมีชิมเมอร์ละเอียด ให้ผิวดูวิ้งค์ๆ

วิธีใช้ก็เหมือนกับรองพื้นเลยเพียงแต่เปลี่ยนชนิดของแปรงแต่หน้าเป็นแปรงแบบพุ่มๆ แทน
แตะแป้งจากถ้วยทีละนิดแล้วปัดวนๆ ให้ทั่วใบหน้าค่ะ

ขั้นตอนสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ปัดแก้มด้วย Narah Blush
เค้ามีเฉดสีให้เลือกเยอะถึง 10 เฉดสีแหนะ
สีที่เราหยิบมาใช้ในลุคนี้คือสี 09 BANGKOK
สีมีความเป็นสีชมพูชานม มีชิมเมอร์ช่วยให้แก้มดูโกลวๆ
ซึ่งตลับนี้เป็นขนาดทดลองนะคะ ตลับจริงใหญ่กว่านี้มากๆ

วิธีใช้ก็เหมือนเดิมค่ะ เคาะใส่ถ้วยที่เราเตรียมไว้แค่นิดเดียวพอนะคะเพราะสีเค้าค่อนข้างแน่น
จากนั้นใช้แปรงเฉียงๆ แตะบรัชออนเล็กน้อยแล้วเคาะแปรงเบาๆ
ให้สีบรัชส่วนเกิดหลุดออกจากแปรง แล้วทาวนๆ บริเวณพวงแก้มค่ะ

เทคนิดการปัดแก้มให้สวยอยู่ที่แปรงแต่งหน้าเลยค่ะ ขนแปรงยิ่งแน่นยิ่งปัดออกมาสวยค่ะ
ข้อควรระวังในการปัดแก้มคือ เลิกถือคติ #ปัดไปก่อนเดี๋ยวอ่อนเอง
ถ้าอยากได้สีแก้มที่ชัดขึ้นก็ค่อยๆใช้วิธีเพิ่มเลเยอร์สีบรัชเข้าไปจะดีกว่าค่ะ
สำหรับตัวบรัชออนของเราเราสามารถนำมาทาตาแทนอายชาโดว์ได้ด้วยค่ะ
เสร็จสรรพเราก็สามารถเขียนคิ้ว ดัด และปัดขนตา
ตามด้วยลิปทิ้นต์หรือกลอสเล็กน้อยก็ออกจากบ้านไปช้อปปิ้งกันได้แล้วค่ะ

.
.
.
หลังจากออกไปช้อปปิ้ง ผ่านไปประมาณ 6 ชม. แล้ว
โดยไม่มีการซับหน้า หรือแต่งหน้าเพิ่มใดๆ เรามาดูเมคอัพโดยรวมบนใบหน้ากันค่ะ
(ขออภัยในความหน้าเหนื่อยด้วย อิอิ)

จะเห็นว่าใบหน้ามีความมันเล็กน้อย แต่เมคอัพยังไม่เคลื่อน ไม่ตกร่องนะ
สีแก้มอ่อนลงนิดหน่อย ปากหายเกลี้ยง โดยรวมถือว่าผ่านค่ะ
มาสรุปกันดีกว่าค่ะสำหรับเมคอัพจากแบรนด์ Narah Make up
ข้อดี แน่นอนเรื่องการแพ้คือชนะเลิศเลย เราใช้มาระยะนึงแล้ว
ไม่มีการระเคือง หรือแพ้แต่อย่างใด ผิวไม่อุดตัน เมคอัพไม่ก่อให้เกิดสิว
ส่วนสิวเก่าก็ค่อยๆ หายเหลือแต่รอยดำนิดหน่อยคือเลิศ
เมคอัพเค้าทุกชิ้น เนื่องจากแต่งหน้าแต่ละครั้งใช้ปริมาณที่น้อยมากๆ
น่าจะใช้ได้นานหลายปีเลยกว่าจะหมด ประหยัดค่าเครื่องสำอางไปได้เยอะเลย
ที่ประทับใจสุดๆ น่าจะเป็นเรื่องการคุมมัน เพราะคิดว่าถ้าไม่ซับหน้าเลยน่าจะไม่รอดแน่ๆ
แต่ปรากฎว่ารอดแฮะ เลิฟเลย

ข้อสังเกตอย่างเดียวคือการต้องเทเมคอัพลงถ้วยเพื่อแต่งหน้า
ดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนการแต่งหน้าซึ่งอาจจะดูยุ่งยาก
แต่จริงๆ แล้วก็เข้าใจในความยุ่งยากนี้ การที่เราเทเมคอัพลงถ้วย
แทนการจิ้มแปรงแต่งหน้าลงไปในตลับเมคอัพโดยตรงนั้น
จะช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อยู่บนแปรงแต่งหน้า
ไม่ให้ลงไปผสมกับเมคอัพในตลับ ทำให้เมคอัพสะอาดสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานๆ
ที่เราต้องหมั่นทำก็เพียงแค่ทำความสะอาดถ้วย และแปรงแต่งหน้าเป็นประจำเท่านั้นเองค่ะ

และถึงแม้ว่าเครื่องสำอางเราจะอ่อนโยนขนาดไหน
ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้ายังไงก็ยังจำเป็นนะคะ
อย่าลืมคลีนหน้าให้สะอาดทุกครั้งก่อนนอน
จะได้มีผิวสวยไว้ให้เราแต่งหน้าสวยๆ ไปเรียน หรือไปทำงานได้ทุกวันนะคะ
สำหรับวันนี้ ขอจบการรีวิวไว้เท่านี้นะคะ ขอบคุณค่า


zowiefuzzy

zowiefuzzy

FULL PROFILE