[All about my lippies 2/5] เทหมดใจกับลิปที่สุดของแจ้

46 12

ฮายยย ซิสสสส


คิสกลับมารายงาน ep.2 แล้วค่ะสำหรับลิปกลุ่มแมททั้งหลาย


ต้องบอกตามตรงว่าคิสไม่ใช่สายลิป Matte สายฝอ อะไรเลย คือทาได้ แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเรา ทำให้เวลาใช้งานจริงๆคิสมักจะเอาไปผสมกับตัวอื่นเสมอ


เช่น ทาลิปบาล์มหนาๆ, ทาลิปกรอสทับนิดๆ ใครมีเทคนิคอื่นที่ทำให้ลิปติดทนได้แบบลิปแมทแต่สบายริมฝืปาก ไม่รู้สึกว่าแมทจนเกินไปแนะนำคิสทีค่ะ


เพราะหลายๆครั้งชอบสีมันมากๆๆๆๆ แต่ดันเนื้อแห้งผากซะงั้น ทำให้ต้องตัดใจ


สำหรับลิปแมทที่เลือกมาสำหรับโพสนี้ คิสขอพูดเฉพาะลิปแมทในรูปแบบ Lipstick ก่อนนะคะ พวกลิควิคต้องแยกออกไป


ลิปแมทที่เลือกมาทั้ง 3 ตัวนี้คือ TOP 3 ในใจของคิสค่ะ โดยเฉพาะ Pat Mcgrath ที่คิสรอมันเข้าไทยมาเกิน 4 ปีแล้ว(มันฮิตประมาณตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่คิสไม่ชอบพรีออเดอร์ ใช้ระบบอดทนเอา และวันนี้มันก็มาถึงไทยแล้วจริงๆ)


ตัวไหนที่คุ้มค่าแก่การลงทุน มาดูกันค่ะ

6. ลิปแมท Lip Matte


ขอยกให้เป็น Ep พิเศษสุดๆของลิปแมทแบบเนื้อพิเศษ(พิเศษสำหรับคิสคนเดียวรึป่าวไม่รู้ 55) เพราะเป็นแมทแบบที่ทาแล้วไม่ตกร่อง ไม่เป็นขุ่ย และทาง่ายแบบที่ไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ blind test ก็ยังรู้สึกได้ว่าเนื้อมันดีจริงๆ

Charlotte Tilbury 


Model: Matte Revolution

Shade: Super Cindy(permanent)

Life Time: 18 months

Made in Italy

Size: 3.5 g.

Price: 24 GBP


ขอเริ่มที่ตัวที่รักที่สุดก่อนเลย สีนี้สวยมากกกกก และเป็นเฉดที่คิสคิดว่าสาวๆทุกคนควรจะมี สีจะคล้ายๆเฉด Mac Kinda Sexy 

ถ้าใครชอบเฉดสีนู๊ดแบบทาแล้วไม่ป่วย ไม่ตาย เผลอแล้วไม่โดนจับหามไปโรงพยาบาลต้องตัวนี้ ต่อให้ไม่แต่งตาก็ทาแล้วรอด เหมาะมากที่จะทาเดี่ยวๆ หรือแม้แต่ทาผสมกับสีอื่นให้สีนัวเข้ากับลุคประจำวันได้ง่ายขึ้น

ตอนแรก serie ที่ออกมาทำให้คิสเข้าใจว่าเป็น Limited Edition ที่ทำขึ้นให้กับ superstar ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น iconic สุดๆ ทำให้คิสยอมสั่งพรีออเดอร์เพราะกลัวมันจะ sold out กลายเป็นว่าน่าจะเป็น permanent line ไปแล้ว

เนื้อแมทของ CT ให้ความรู้สึกแมทแบบ comfy matte ที่ไม่ได้แตกต่างจากยี่ห้ออื่นเลยถ้าดูจากตัวแท่งเฉยๆ คือดูธรรมดาทั่วไป แค่หัว tip ตัดปลายแบบ unique แต่ทาแล้วกลับ glide smooth มาก นุ่มสบายเหมือนนั่ง F class

ถ้าตัวไหนทาแล้วสบายปาก ทาง่ายและอยากจะมีลิป CT แท่งแรกก็แนะนำให้เป็นตัวนี้นะ เพราะคิสก็รู้สึกว่ามันใช้งานได้ง่ายจริงๆ ข้อเสียสำหรับคิสคือ มันไม่ได้ติดทนแบบทนเว่อร์อะไร แต่ก็เข้าใจได้ใน texture ที่มันไม่ได้แมทเหมือนพวกสาย lip last, lip stain ที่เนื้อจะแห้งมากกก(ลองนึกถึงไลน์ retro matte ของ Mac) พวกนั้นจะติดทนมากค่ะ ตัวนี้ไม่ได้ขนาดนั้น

แพคเกจคิสขอให้คะแนน 10/10 ทั้งๆที่มันดูหน้าตาคลาสสิคค่อนไปทางโบราณเหมือนลิปรุ่นคุณยาย แต่คือมันก็สวยในแบบของมัน สีปลอก Rose Gold ทำให้ดูไม่แก่มากขนาดนั้น ดูสวย มีเทส แถมไม่เป็นรอยง่ายด้วย

ตัวนี้เป็นแพคเกจคลิ๊กเปิดปิดธรรมดา ไร้ซึ่งนวัตกรรมใดๆ แต่ทำให้น้ำหนักตัวลิปกำลังดี ไม่หนักมากไป และก็ไม่ได้ก๊องแก๊งดู cheap แบบของเด็กเล่น สมราคาไม่ขี้เหร่ค่ะ
 

Pat Mcgrath


Model: MatteTrance

Shade: 018 Candy Flip(permanent)

Life Time: 18 months

Made in Italy

Size: 4 g.

Price: 1,450 thb


มาถึงตัวที่คิสรอคอยมานานมากที่สุด และก็ซื้อทันทีที่ออกวางขายในไทย

ตัวนี้ถ้าพูดถึงความสบายและการใช้งาน คิสขอให้คะแนนความสบายผิวเท่าๆกันกับ CT แต่เนื้อมันก็ไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนตั้งแต่เห็นจากตัวแท่งแล้ว

เนื้อของ PM จะเห็นเป็นเม็ดทรายเล็กๆละเอียดให้ความรู้สึกแปลกใจมากๆว่าทาแล้วจะเนื้อเป็นยังไง จะ flake เป็นชิ้นส่วนอะไหล่เซียงกงมั๊ย หรือจะลื่นสมูทสุดแบบกำมะหยี่ ซึ่งพอใช้แล้วก็ต้องยอมรับว่า MatteTrance ทำเนื้อแมทออกมาได้น่าสนใจมากจนรุ่นนี้ควรจะเป็นรุ่นที่ควรมีเป็นรุ่นแรกจริงๆ สีตรงปก ติดทน ทาง่าย ลื่นปริ๊ดลื่นปริ๊ด

คิสยังมองรุ่นอื่นๆอยู่นะ เพราะอีก 3 รุ่นที่ออกมาเป็นลิปสติกน่าสนใจน่าลองทั้งหมด คือคงมีข้อดีของแต่ละรุ่นที่น่าสนใจอยู่ละ รอรวยก่อน คิสคงได้ลองจนครบ 55

((แท่งต่อไปก็มองโทน pinkish nude รุ่นสีทองอยู่ค่ะ จะเสียอาการจนต้องถอยมั๊ย ต้องรอลุ้นใจตัวเองอีกที))

สำหรับสี Candy Flip ตัวนี้ เกิดจากความที่ไม่รู้แล้วว่าควรจะซื้อสีไหนดี สีแดงก็มีแล้ว สีชมพูบานเย็นที่เป็นสีประจำตัวก็มีแล้ว สีนู๊ดก็มีแล้ว เลยมาจบที่โทนสีคอรัล ที่ทาแล้วน่าจะให้ลุคที่สดใส ซึ่ง PM มักจะมีสีที่ค่อนข้างใช้งานยากเป็นส่วนใหญ่ ถ้าไม่นู๊ดจัดก็สีค่อนข้าง bold มาก คนหน้าตาน่าเบื่อแบบคิสไม่กล้าใช้ค่ะ 55

ทาแล้วรู้สึกสดใส ขับผิวให้ดูผ่อง(สำหรับผิวคิสนะ 55) ถ้าให้แนะนำคนอื่นคิสจะแนะนำ elson เพราะคิสก็ลังเลอยู่ 2 สีนี้ ติดที่คิสมี Mac Russian Red, Chanel 169 และ Estee Envious ที่ชอบมากๆอยู่แล้ว จะแนะนำสาวๆแท่งแรกคงต้อง elson เท่านั้น สีแดงสวยลืมโลก แต่โลกไม่ลืม อิอิ

NARS


Model: Audacious Lipstick Palette

Shade: Super Wanted

Life Time: 12 months

Made in USA

Size: 7*2 g.

Price: 1,950 thb


ลิปพาเลทหนึ่งเดียวที่รอดเข้ามาในกรุคิสค่ะ 55

จริงๆคิสเคยมีพาเลทลิปอยู่คือของ Dior, Chanel(อันนี้คือมีแบบที่เค้าทำเป็น Travel Palette ที่วางขายเฉพาะใน Duty Free ตอนนี้ที่มีวางขายที่เคาทเตอร์จะเป็น Lip Palette ที่แบบมันน่าใช้มากกก ใครอยากได้ซื้อเลย ซื้อโลด คิสเชียร์)

ใช้ไม่เคยหมดเลยสักพาเลท สุดท้ายก็เอาไว้เป็นกระจกพกพา พาเลทพวกนี้เน้นความหลากหลายของสีให้เราเลือกใช้ แต่ความสะดวก คิสก็ต้องบอกว่าไม่สะดวกเอาซะเลย ยิ่งคิสไม่ชอบใช้แปรงทาลิปด้วยแล้วก็ยิ่งใช้งานลำบาก

สำหรับ Nars ตัวนี้จะไม่มีแปรงมาให้นะคะ ถ้าเป็นรุ่นบางรุ่นจะมีมาให้ในกล่องค่ะ แต่ปรกติคิสจะใช้แปรงทาลิปที่เป็น retractable ไว้มีโอกาสงามๆจะมารีวิวค่ะ

ตัวนี้คิสซื้อเพราะตอนนั้นยังไม่เห็นของ Chanel ตัวใหม่ 555555 ถ้าเห็นก่อนก็คงซื้อ Chanel นะ เพราะขนาดพาเลทเล็กกำลังดี อันนี้หลายคนอาจจะชอบไซส์ก็ได้ค่ะ ใหญ่มากๆ ใหญ่กว่าตลับแป้งอีก ใหญ่ไปไหน และให้ปริมาณมาเยอะสะใจมากๆ

พูดถึงสีบ้างดีกว่า คิสเลือก Super Wanted เพราะดูใช้งานง่ายที่สุด เป็นโทน Play Safe เหมาะกับลุคทำงาน และแถมตัวนี้ยังใช้งานเป็นครีมบลัชได้ด้วย วันไหนที่ขี้เกียจคิดอะไรเยอะก็ทาแก้มทาปากด้วยพาเลทนี้เลย

เนื้อสีของเค้าดีจริงสมเป็นคสอ.ระดับโปร และผสมสีได้เป็นที่บันเทิงมากๆค่ะ เพราะบางสีก็นู๊ดน้ำตาลมาก เอามาผสมกับสีพีชๆ คอรัลแล้วออกมานัวสวย

เนื้อความแมทตัวนี้ถือว่าทาง่าย สบายปาก ไม่แมทจนเกินไป(ก็เหมือน 2 ตัวบนเลยสิ) ข้อเสียของคิสนะ คิสว่ามันก็ไม่ได้ติดทนอะไรมากค่ะ เฉยๆนะเรื่อง longevity เรียกว่าเทียบกับ Charlotte Tilbury, Pat Mcgrath ของ Nars ติดทนน้อยสุด แต่ก็ไม่ได้แย่อยู่ดี

ข้อเสียอีกข้อคือแพคเกจ คิสก็ไม่เคยจะแฮปปี้กับแพคเกจ Nars มาแค่ไหนแต่ไร แต่พาเลททุกพาเลทเค้ามักจะทำออกมาสวยและดีงามมากๆ ดีผิดผี 55 แต่พาเลทตัวนี้ก็ยังมีความ matte finish อยู่ทำให้มีรอยเลอะ เลอะอะไรไม่รู้นักหนา เลอะง่ายมาก/ ไซส์ที่ใหญ่มาก ทดแทนด้วยปริมาณและขนาดแพนที่ใหญ่สะใจ ทำให้ใช้งานเป็นครีมบลัชได้สะดวก ก็ถือว่ายกให้เป็นความดีความชอบแทนละกัน อิอิ

What's my next Matte Lipstick?


ขอแถมด้วยลิปแมทที่คิสอยากได้ในตอนนี้นะคะ

แบบที่เป็นลิปสติกก็มีอยู่แค่ตัวเดียวเท่านั้นค่ะ เป็นตัวไหนไปไม่ได้นอกจาก Guerlain KissKiss Matte Hydrating & Plumping Velvet Matte Lip Colour

อันนี้ก็ก่อเกิดจากคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงานวัยเกษีณร(ครูภาษาไทยคะ ช่วยคิสด้วย สะกดยังไง) ที่คิสมักจะเห็นสีปากของพี่คนนี้สีแดงสวยตลอดเวลา คือคนอายุระดับนี้ แต่ลิปสีติดทนตลอดอะ ดูสวย ดูแพง ดูแกรนด์

จนวันนึงคุณพี่คนนี้มีคนใจกล้าไปถามมาค่ะว่าใช้ลิปอะไรหรอถึงได้สีสวยติดทนได้ขนาดนี้ ผลหรอ?? ไม่อยากจะเชื่อเลย คือพี่เค้าซื้อแจกคนในแผนก!!

คือไม่รวยจริงทำไม่ได้นะแบบนี้ ลิปเกอแลงค์นะเธอ ไม่ใช่แสตมป์เซเว่นที่จะยกอะไรให้เพื่อนร่วมงานได้ง่ายๆ แต่พี่เค้าทำจริงๆ นั่นเป็น talk of the office จนบักคิสที่ทำงานคนละชั้นยังได้ยินเรื่องมา

และจนวันที่คิสได้เจอพี่คนนี้อีกครั้งใน garden party ของประธานบริษัท อดใจไม่ไหวแล้วจ้า ต้องถามเลย "พี่คะ หนูอยากถามพี่มานานแล้ว พี่ใช้เกอแลงค์รุ่นไหน สีไหนคะ"

สาบานว่าถามด้วยจิตบริสุทธิ์ ชั้นไม่ได้อยากได้ของฟรีนะยะ 55555 คืออยากรู้ไงว่ารุ่นไหน เรารู้แต่ลิปเกอแลงค์อะ พอเห็นก็จำไว้เลยค่ะ รุ่นมะขามป้อมสีดำ

พอรุ่นแมทสีทองออกมา คิสเห็นแล้วก็อดใจสั่นไม่ได้ ตั้งงบประมาณปีหน้าเมื่อไหร่ค่อยว่ากันค่ะ !!

หมดแล้ววววว สำหรับ Episode ที่มีไอเท็มน้อยที่สุด คือแค่ 3 ชิ้น แต่ยาวประหนึง thesis สไตล์บักคิส


คิสยอมรับนะว่าถ้าคิสชอบ finish ที่มันแมท แม๊ททท แมท คิสว่า MAC นี่ก็จบแล้ว เพราะมันเนื้อดี ติดทน สีให้เลือกเยอะสะใจ แต่มันแห้งไปหน่อยสำหรับคิสค่ะ


ใครมีลิปแมทตัวไหนที่คิดว่าควรมี ควรลอง ไม่ควรพลาด มากระซิบบอกคิสหน่อยค่ะ บอกเฉดด้วยยิ่งจะเป็นพระคุณ จะได้หยิบถูกสี


วันนี้ไปแล้วนะค่าาาา บรั๊ยยย


King of Eugenie

King of Eugenie

คิสรู้คุณรู้โลกรู้ ของดีโลกต้องรู้ :)

Line ID: kingofeugenie
FB: fb.me/911beaute

FULL PROFILE